บทที่ 12 เดินลมปราณได้เร็วกว่าผู้อื่น
หลังจากกินข้าวมื้อกลางวันเสร็จ ลู่จื้อจึงเริ่มนำโสมออกมาทำเป็นโสมแดง แม้ในมิติจะคงรักษาสภาพไว้ได้ แต่นางได้รับปากหมอฉีไว้แล้วว่าจะนำโสมแดงไปขายให้
โสมแดง คือ การนำรากโสมที่ตัดเฉพาะส่วนที่ดีมาล้างให้สะอาด เป็นโสมที่ผ่านกรรมวิธีการอบและฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง โดยการนำมาอบด้วยไอน้ำประมาณ 120-130 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 2-4 ชั่วโมง
จนเป็นสีน้ำตาลแดง แล้วจึงนำไปอบให้แห้ง จะได้เป็นสีน้ำตาลแดง (ใส) โดยจะมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นอีก 4 ชนิด จึงมีราคาแพงกว่าโสมขาว ขายได้ราคาดีกว่า
นางไม่รู้ว่าในยุคนี้วิธีการทำโสมแดงมีหรือยัง แต่ในยุคของนางนั้นโสมแดงเมื่อทำออกมาแล้วมีสรรพคุณมากกว่าโสมสดหรือโสมขาวที่เพียงนำไปตากให้แห้งมากนัก
นางทำออกมาแค่เพียงห้าหัวโดยเลือกใช้โสมอายุไม่เกินห้าสิบปีเท่านั้นหากขายได้ราคาดี ค่อยทำเพิ่มก็ยังได้ นางจะขายให้หมอฉีสามหัวอีกสองหัวนางจะเก็บไว้บำรุงร่างกายของบิดาและมารดา
ระหว่างที่กินมื้อเย็นลู่จื้อนางจึงเอ่ยพูดเรื่องสร้างบ้านขึ้นมา
“ท่านพ่อ ท่านแม่สร้างบ้านใหม่ดีหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม...พ่อก็คิดเช่นเจ้า และจะซื้อที่ดินด้านข้างเรือนเพิ่มอีกด้วย” จางหมินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ท่านพ่อ ค่อยซื้อที่ดินหลังจากที่ตระกูลกู้หมั้นหมายกับอาเยว่เถิดขอรับ” ลู่เพ่ยกลัวว่าคนหน้าหนาพวกนั้นจะเปลี่ยนใจมาหมั้นหมายกับลู่จื้อแทน
“เป็นท่านพี่ของข้าที่ฉลาดนัก” ลู่จื้อมองลู่เพ่ยอยากหยอกล้อ
สามคนพ่อลูกนั่งพูดคุยเรื่องสร้างบ้านกับซื้อที่เพิ่มอย่างสนุกสนาน มีเพียงจินหรูที่นั่งก้มหน้านิ่งเงียบไม่ได้คุยด้วย
“ท่านแม่เป็นอันใดไปรึเจ้าคะ” ลู่จื้อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่คิดถึงบ้านท่านตาท่านยายของเจ้า”
นางที่เห็นครอบครัวของตนกำลังจะเริ่มสร้างบ้านก็นึกถึงบ้านเดิมของนางที่สภาพบ้านไม่ได้ต่างจากหลังนี้เท่าไหร่
บ้านเดิมท่านแม่อยู่ที่หมู่บ้านหนานไฉ ห่างจากหมู่บ้านหนานชุน ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วยาม แต่ตั้งแต่นางแต่งออกมากลับไปบ้านเดิมเพียงห้าครั้งได้เพราะความเป็นอยู่ของนางก็ไม่ได้ดี ทั้งยังต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา
เงินที่ท่านสามีหาได้แม่สามีก็เก็บทั้งหมด หากแอบเก็บไว้เองสะใภ้ใหญ่รู้ก็จะโวยวาย ทั้งที่ตัวนางก็แอบแบ่งเงิน ที่พี่สามีส่งมาเก็บไว้ นางยังต้องทำงานทั้งงานในนาและงานในเรือนจึงไม่มีเวลากลับไปบ้านเดิม
ลู่จื้อนึกเห็นใจท่านแม่แต่ตัวนางก็เคยไปบ้านท่านตาท่านยายเพียงสองครั้งเท่านั้น บ้านท่านตาท่านยายมีกันหกคน
ครอบครัวท่านตา
1. จินหาน ท่านตา
2. เกาเจิน ท่านยาย
3. จินเจ๋อ ท่านลุง
4. ชิงอี ป้าสะใภ้
5. จินม่าน ลูกสาวจินเจ๋อ ออกเรือนไปแล้ว
6. จินเจา บุตรชายจินเจ๋อ อายุ 16 ปี
7. จินฉือ บุตรชาย อายุ 10 ปี
นางอยากไปบ้านท่านตาสักครั้งหากบ้านท่านตาเป็นคนดีนางก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ไว้พวกเราไปบ้านท่านตาท่านยายกันเจ้าค่ะ หากท่านต้องการจะช่วยเหลือพวกเขา ข้าก็ไม่ขัด”
“เป็นเช่นที่จื้อเออร์นางว่า ข้าเองก็ไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขาเลย” จางหมินถอนหายใจออกมา
“ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ แม่ขอบใจเจ้ามากจื้อเออร์ ที่เข้าใจแม่” เมื่อนางจินหรูได้ฟังบุตรีและสามีพูดเช่นนั้นก็เหมือนยกก้อนหินออกจากอก
สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนัก
ลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูก
นางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้
นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง
ลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณ
เมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไป
ตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลย
ลู่จื้อนางไม่รู้เลยว่า ด้วยอากาศที่อยู่ภายในมิติ ทำให้ตัวนางสามารถฝึกลมปราณได้เร็วกว่าผู้อื่น หากผู้ฝึกตนในแคว้นรู้เข้าว่านางเปิดจุดตันเถียนได้ภายในวันเดียว พวกเขาคงได้คำนับนางเป็นอาจารย์แน่
เมื่อออกมาจากมิติจิตแล้ว นางยังสามารถมองในที่มืดได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกันตอนกลางวัน ลู่จื้อเลยคิดว่าจะนำตำราเล่มนี้ไปให้ลู่เพ่ยและจะช่วยลู่เพ่ยเปิดจุดตันเถียนในวันพรุ่งนี้ แต่ต้องนำปลาไปขายก่อน
วันนี้สองพี่น้องยังคงนำปลามาขายเช่นเดิม เพราะบอกหลงจู๊ไว้แล้ว นางคิดว่าต่อไปคงนำปลามาขายห้าวันครั้งแทนเพราะอะไรที่มากเกินไปคนจะเบื่อเอาได้ ครั้งนี้นางจึงบอกกล่าวหลงจู๊เอาไว้ก่อน
