บทที่ 13 บทที่4.บรรณาการหวานระอุ 1
บทที่4.บรรณาการหวานระอุ
กว่าใบบัวจะคลำทางขึ้นมาจนถึงห้องนอนของฟาบริซได้ เธอใช้เวลาไปเกือบ30 นาที และหยุดทำใจอยู่หน้าประตูห้องอีก10 นาที กว่าจะยอมเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในห้องนอนเงียบกริบ...เหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้านใน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ กับอุณหภูมิที่เย็นเฉียบจนใบบัวต้องยกมือขึ้นกอดอก เธอควานหาปุ่มเปิดไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่าง เธอกลัวจนขาสั่น หวาดหวั่นจนเหงื่อกาฬแตกซ่าน
“มาแล้วรึ?” เสียงแหบต่ำดังมาจากมุมมืดในห้องนอน
ใบบัวสะดุ้ง! เธอเหลียวซ้ายแลขวา มองหาต้นกำเนิดเสียง ผู้ชายที่เธอต้องมาทำหน้าที่นางบำเรอขัดดอกให้กับเขา เพื่อทดแทนบุญคุณของแจ่มจันทร์
ฟาบริซ ดีคอร์เนอร์
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วจึงรีบก้มหน้าลง อายจนหน้าชาแม้จะมองไม่เห็นดวงตาของชายผู้นั้นเลยก็ตาม
“ถอดสิ! ฉันอยากเห็นว่าสิ่งที่คุณนายนั่นส่งมาให้ มันจะคุ้มกับที่ฉันต้องเสียเวลารอหรือเปล่า?” เสียงทรงอำนาจร้องสั่ง ใบบัวตัวสั่น ไหวยะเยือกไปทั้งลำตัว เธอเข่าอ่อนแทบจะทรุดลงไปกองที่พื้น เขาไม่ให้เวลาเธอตั้งตัวเลยหรือ คำสั่งเหมือนเธอไม่มีหัวจิตหัวใจ
“เอ่อ...”
“ถอดสิ...ถ้าไม่ถอดก็กลับออกไป! ฉันไม่ชอบคนขัดขืน...หรือว่าอยากลีลาท่ามาก! เพื่อโก่งราคา” ชายหนุ่มยังไม่ลดราวาศอก เขาพูดเสียงกร้าว แววตาเริ่มวาววับ ผู้หญิงตัวเล็กบางหน้าตาไร้เดียงสา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกหล่อนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ ส่วนมากเจนจบกันแทบทั้งนั้น เขาไม่หลงกลลูกไม้ตื้นๆ นี่หรอก หน้าใสซื่อ แต่ลีลาอาจจะเหลือร้ายก็ได้
ใบบัวรีบสะกดกลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลหยดลง เธอสูดลมหายใจลึกๆ แม้จะหวาดกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ก็ต้องฝืนเอาไว้ มือเรียวเล็กสั่นระริก ยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อชุดอยู่บ้านผ้าโปร่งบางช้าๆ ดวงตาเธอเหม่อลอย และพยายามสะกดใจให้นิ่งที่สุด ใบบัวตัวชา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่หุนยนต์ เมื่อยกมือสั่นๆ ขึ้นปลดกระดุมเสื้อ...
ชุดอยู่บ้านแสนสบายทำจากผ้าฝ้ายถูกปลดและทิ้งตัวลงไปกรอมอยู่ที่ปลายเท้า ใบบัวยกมือขึ้นกอดอก และไขว่ปลายขาเพื่อปิดบังของสงวน เธอรู้สึกถึงกระแสความร้อนที่ไหลเวียนอยู่ในห้องนี้ บุคคลคนเดียวที่ทำให้เกิดขึ้นได้คือผู้ชายนัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบทองคนนั่น ฟาบริซ!
ชายหนุ่มแทบลืมหายใจ เขายกมือขึ้นดันปลายคาง...มองความงดงามเย้ายวนตรงหน้าด้วยดวงตาที่หรี่ลง เลือดในกายวิ่งพล่าน ลมปราณแทบแตกซ่านเพราะความร้อนที่อัดแน่น ผิวกายของใบบัวเหมือนเคลือบไว้ด้วยผงทอง มันเหลืองอะร่ามสะท้อนแสงสลัวๆ เปล่งปลั่งและยวนตา ลาดไหล่กลมกลึงรับกับเต้าทรวงอวบอัดที่เขาเห็นแค่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกฝ่ามือน้อยๆ ยกปิดบังไว้...ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนช้าๆ เขาก้าวออกมาจากมุมมืด เดินย่างสามขุมเข้าไปหาใบบัว เหมือนเงาปีศาจที่เคลื่อนที่เข้าแทนที่แสงสว่าง และปกคลุมจนทั่วทั้งห้องจนมืดสนิท...
“เธอสวย... คุ้มค่ากับเวลาที่ฉันต้องเสียไป...นั่นไง...ที่ของเธอ”
ปลายนิ้วเรียวของฟาบริซชี้ไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่กลางห้อง สถานที่ที่จะกระชากความภาคภูมิใจของเธอและกดให้เธอต่ำต้อยลงด้วยความอดสู
น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลอาบแก้ม มันร่วงรินหยดลงบนพื้นพรม แต่คงไม่ได้ทำให้ผู้ชายใจหยาบคนหนึ่งรู้สึกผิด! เมื่อเธอเป็นแค่เครื่องบรรณาการที่ส่งมาเพื่อแก้ขัด
ทุกย่างก้าวของใบบัวเหมือนเธอเหยียบลงบนปลายหนามแหลมๆ ทั้งเจ็บปวดและอับอาย แต่เธอไม่มีทางเลือก นอกจากก้มหน้าทน...
“อย่าทำสนิมสร้อยเพื่อเรียกค่าตัวเพิ่ม...เธอไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นหรอกนะ” เสียงของฟาบริซดังอยู่ทางด้านหลัง ใช่สิ! เธอมันแค่ก้อนกรวด แค่เศษดินติดรองเท้า ไม่ได้มีค่ามากพอให้คนอื่นยกย่องเชิดชู หญิงสาวคิดในใจแต่ไม่ได้ปริปากพูดออกมา
ใบบัวเหมือนนกปีกหัก...เธอคืบคลานขึ้นไปบนเตียงช้าๆ...พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนแบบอ่อนแรง... หมดสิ้นความภูมิใจ ไม่เหลือแม้กระทั้งศักดิ์ศรีความเป็นคน...ในเมื่อกำลังจะกลายเป็นเครื่องเล่นของผู้ชายใจหยาบคนหนึ่ง
ฟาบริซเดินมาหยุดข้างเตียงนอน เขาทอดสายตามองความกลมกลึงตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงตัวเล็กๆ สุดโทรมที่แจ่มจันทร์เอามาโยนให้ เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนระหว่างที่คุณนายนั่นวิ่งเต้นหาเงินมาจ่ายหนี้ที่ค้างไว้ หล่อนคุยนักคุยหนาว่าเด็กกะโปโลคนนี้ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ...ชายหนุ่มรับไว้อย่างเสียไม่ได้ เมื่อเขามีนางบำเรอเกลื่อนเมือง อะไรบางอย่างบอกให้เขารับไว้ นัยน์ตาของเธอเหมือนลูกกวางป่า ทั้งอ่อนโยนและตื่นกลัว มันอาจจะทำให้เขารู้สึกคึกคักประหนึ่งย้อนกลับไปในวัยหนุ่มละอ่อนอีกครั้ง และในเวลานี้ฟาบริซ...พึ่งแน่ใจ...เขามองไม่ผิดไปจริงๆ
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่ง และทันได้เห็นหญิงสาวสุดสวยสะดุ้งเฮือก! เธอทำเหมือนกับว่ากำลังบีบเนื้อตัวให้ลีบเล็ก และอยากจะมุดลงไปในผิวเนื้อของที่นอนหนาเพื่อซ่อนตัว
มุมปากหยักกระด้างกระตุกยิ้ม...
ปลายนิ้วยื่นออกไปแตะสัมผัสผิวกายเนียนเรียบตรงหน้า
“ยะ อย่า...” สุดที่จะฝืน สุดที่จะกลั้น ใบบัวพลิกตัวหนี เธอกระทดหนีไปจนสุดที่ปลายเตียง ส่งเสียงสั่นๆ วอนขอฟาบริซด้วยเสียงที่สั่นเครือ
