บทที่ 8 บทที่3.การเผชิญหน้าครั้งแรกกับผู้ชายใจโหด 1

บทที่3.การเผชิญหน้าครั้งแรกกับผู้ชายใจโหด

ไฟในร้านขนมยังไม่ปิด มีแสงรอดออกมาจากด้านในเล็กน้อย และแจ่มจันทร์รู้ดีว่าใครคนนั้นเป็นใคร นางสาวเท้าเดินให้เร็วขึ้น เมื่อมีเวลาแค่น้อยนิด... สำหรับเวลาส่วนตัวระหว่างนางกับใบบัว

“คุณป้า!” ใบบัวอุทานเสียงหลง เธอกำลังยกขนมอบใหม่ออกมาจากหลังร้าน เตรียมจะจัดใส่ตู้โชว์ เพื่อใช้ขายวันพรุ่งนี้

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอไงล่ะ?” เสียงของแจ่มจันทร์ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเคย ใบบัวช้อนสายตาขึ้นมองระหว่างที่หยิบชิ้นขนมวางลงในถาด

“ค่ะ...อบรอบสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ...” เธอพยักหน้ารับ ตอบเสียงแผ่วๆ เหนื่อยแทบขาดใจเพราะอ้อยกลับบ้านตามเวลา เมื่อเธอได้รับค่าแรงเท่านั้นสำหรับการว่าจ้าง เธอจึงต้องอยู่โยงทำคนเดียวจนกว่าจะเสร็จ ก็คงจะหลังเที่ยงคืนไปแล้ว

“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยนะ” นางแสร้งบีบเสียงให้สั่น จิกเล็บกับอุ้งมือจนน้ำตาเล็ด การแสดงแนบเนียนเสียจนใบบัวตื่นตกใจ

“มีอะไรคะ? บอกบัวมาได้เลยค่ะ” หญิงสาววางที่คีบ คลานเข่าเข้าไปใกล้แจ่มจันทร์ ท่านไม่เคยมีน้ำตาให้เธอเห็น คุณนายแจ่มจันทร์เข้มแข็งมาตลอด เพราะฉะนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

“บัว...เธอมาอยู่กับฉันนานเท่าไรแล้วล่ะ” หล่อนแสร้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา แล้วจึงเอ่ยถามใบบัวเสียงอ่อนเศร้า

“ก็ตั้งแต่พ่อกับแม่เสีย สิบปีกว่าแล้วล่ะค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ความเป็นอยู่ลำบากสุดๆ แต่ก็ยังดีกว่าตัวคนเดียว แล้วกลายเป็นแค่เด็กเร่ร่อน

“นานแล้วสิเนอะ...บัว...ฉันไม่อ้อมล่ะนะ ฉันกำลังเดือดร้อน!...ฉันมีเรื่องทุกข์ใจที่บอกใครไม่ได้เลย แม้แต่ลุงของเธอ” หากนางเป็นนักแสดง นางต้องได้รับรางวัลแน่ๆ เมื่อแจ่มจันทร์ตีบทแตกกระจาย น้ำหูน้ำตาร่วงเหมือนกับลังเศร้าใจสุดๆ

“มีอะไรให้บัวช่วยไหมคะ ถ้าบัวทำได้ บัวเต็มใจ” คนโง่ ยังไงก็เป็นเหยื่อของคนฉลาดวันยังค่ำ ใบบัวไม่ได้โง่ เธอแค่เป็นคนมองโลกในแง่ดี และไม่คิดว่าคนที่เธอนับถือจะใจคอโหดเหี้ยม...คิดจะเอาเธอไปสังเวยซาตาน!

“บัว...ฉัน” แจ่มจันทร์รูดตัวลงไปนั่งบนพื้นข้างๆ กับใบบัว เธอจับมือของเด็กสาวไว้ แล้วบีบจนแน่นพร้อมกับปั้นหน้าโศกสลด “ฉันเป็นหนี้เขา จำนวนเงินมันเยอะเสียจนฉันหามาคืนเขาไม่ทัน เลยต้องหาคนไปขัดดอกเอาไว้ก่อน ฉันจะได้มีเวลาหาเงินมาใช้คืนเขาได้ บัวช่วยฉันหน่อยนะ ได้ไหม? นะช่วยฉันหน่อย หากลุงเธอรู้เรื่อง ลุงเธอทิ้งฉันแน่ๆ เงินทุกบาททุกสตางค์ฉันก็เอามาใช้จ่ายในบ้านนั่นแหละ...ของมันแพงขึ้นทุกวัน เงินเดือนทหารยศไม่สูงแบบลุงเธอจะพอใช้หรือไง...ฉันออกมาตากหน้าทำขนมขายก็เพราะต้องการหารายได้อีกทาง แต่มันก็ไม่พอ...จนต้องไปกู้เขามาใช้ ไหนจะยัยผิง ตาพัฒ ค่านู้นนี่อีกจิปาถะ...ฉันคิดจนหัวจะแตกยังหาทางไม่ได้เลย...บัว... นึกว่าทดแทนข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันให้เธอกินเธอใช้มาเป็นสิบๆ ปีก็ได้ ช่วยฉันหน่อยนะ ให้ฉันกราบเธอตอนนี้เลยก็ได้นะ... ฉันมาถึงทางตัน มันจนทางแล้วจริงๆ” นางแสร้งเช็ดน้ำหูน้ำตาที่พร้อมใจกันไหลปรี่ เป็นการแสดงที่เด็กใสซื่ออย่างใบบัวไม่มีทางตามทัน

“ให้บัวช่วยป้ายังไงคะ...บัวไม่มีเงิน บัวไม่เอาเงินเดือนก็ได้นะคะ ป้าจะได้ไม่มีรายจ่ายอีก”

แจ่มจันทร์เสก้มหน้า นางแอบเบ้ปาก เงินแค่หยิบมือนั่นไม่ได้ทำให้นางมีเงินเยอะขึ้นหรอก สิ่งที่นางต้องการคือความสาวของใบบัวต่างหากเล่า!

“แค่บัวยอมไปอยู่กับเจ้าหนี้ของป้า เป็นเหมือนตัวประกันให้ป้า ป้าจะได้มีเวลาหาเงิน...โดยที่เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าป้าจะเบี้ยว” นางอธิบายเสียงสลดเศร้า “บัวไม่ทำก็ได้นะ มันเป็นความรับผิดชอบของป้าเอง ป้าคงต้องบอกให้ลุงรู้จะได้ช่วยกันหาทาง...แต่...ลุงคงไม่ฟัง”

หากสังเกต ใบบัวจะรู้ว่าแจ่มจันทร์เสแสร้ง นางเปลี่ยนสถานะตัวเองเพื่อร้องขอ คนเช่นนี้ไม่มีความจริงใจ เขาทำเพื่อหวังผลแค่นั้นเอง...

ใบบัวผ่อนลมหายใจช้าๆ ลุงของเธอเป็นคนแข็ง และใบบัวคิดว่าท่านคงเอาแต่โวยวาย และมันยิ่งทำให้แจ่มจันทร์ทุกข์หนัก หลังตรองไปตรองมาหลายตลบ เธอช่วยท่านได้ก็พร้อมและเต็มใจ แค่ไปคอยรับใช้...เหมือนที่เคยทำยามอยู่ในบ้านแจ่มจันทร์ มันก็ไม่น่ายาก...แต่ใบบัวมองโลกสวยเกินไป ความจริงมันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ!

“ก็ได้ค่ะคุณป้า” เธอพยักหน้ารับ...

“ขอบใจนะบัว ขอบใจ...แต่...ขอร้องล่ะ ห้ามบอกใครนะ!...ป้ากลัวเข้าหูของลุงบัวเข้า...ป้าขอร้องนะอย่าบอกใครเลย ป้าจะบอกกับทุกคนเองว่าบัวไปไหน...ตอนที่กลับมาจะได้บอกตรงกัน”

นางละล่ำละลักพูด ดีใจจนเนื้อเต้น! หากใบบัวเกิดต้องตาฟาบริซเจ้าพ่อหนุ่มคนนั้นขึ้นมา นางคงเกาะใบบัวได้อีกนาน เมื่อหญิงสาวยังสาวและสดใหม่ คนร่ำรวยไม่ขี้เหนียวเรื่องเงินทองหร๊อก! ไอ้หนุ่มนั่นคงมอบเงินติดก้นกระเป๋าให้ใบบัวมาบ้าง เธอได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างๆ พร้อมกับรู้สึกโล่งใจ

“ค่ะ...”

“พรุ่งนี้เลยนะจ๊ะ เราว่างแล้วนี่...เรียนจบม.ปลายแล้วใช่ไหม?”

“ค่ะ” ใบบัวตอบได้เท่านั้นจริงๆ ความหวังที่จะได้เรียนต่อริบหรี่เต็มที

“เอาล่ะ ทำงานไปเถอะ ป้าคงต้องให้ยัยผิงมาช่วยที่ร้านบ้าง คนละไม้คนละมือ ระหว่างที่บัวไม่อยู่”

เสียงแจ่มจันทร์เปรย หากไม่มีใบบัว ร้านขนมก็แทบจะไม่เหลือคนงาน นังอ้อยก็แสนจะกระด้างกระเดื่อง ใช้ทีก็บ่นว่าให้ได้ยินจนร้อนหู...ลูกจ้างดีๆ หายาก...มีใบบัวนี่ละที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและไม่เคยปริปากบ่น ทำงานตัวเป็นเกลียวตั้งแต่มาจนกลับ หากขาดหล่อนไปคนนางคงวุ่นวายไม่ใช่เล่น

ใบบัวผ่อนลมหายใจรวยริน...เจ้าหนี้ของแจ่มจันทร์เป็นใครเธอก็ไม่ได้ถาม ได้แต่ภาวนาให้เขาเป็นคนใจดี เธอไม่เกี่ยงงานหนัก หากเขาจะใช้เธอทำงานเยี่ยงทาส แค่กลัวสิ่งรอบตัวกับสถานที่ใหม่ๆ มันจะเป็นอย่างไร จะปลอดภัยหรือไม่ก็ไม่รู้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป