บทที่ 5 ตอนที่ 5เจ้าสาวตัวแทน/1
“มัส เอ๊ย ยายผิดเอง ที่ไม่มีปัญญาดูแลหนู ทำให้หนูต้องลำบากแบบนี้”
คนแก่รำพึงด้วยความคับแค้นใจ หากท่านไม่หลงเชื่อคำพูดของแพรพรรณ ไม่ไว้ใจคนผิด มัสลินคงไม่ลำบากขนาดนี้ ท่านจะแก้ไขความผิดพลาดนี้ได้อย่างไร
“มัสไม่ได้ลำบากอะไร มัสยินดีดูแลคุณยายนะคะ”
มัสลินขยับลุกมากอดร่างผอมบางของคุณยายฝ้ายคำไว้ ซบหน้ากับอกอุ่นของท่าน แขนเล็กเหี่ยวย่นตามวัยกอดรัดหลานสาวไว้อย่างห่วงใย
“มัส ยายรู้ว่าตลอดหลายปีนี้ มัสต้องอดทนมากแค่ไหน ยายแพรมันใจดำนัก ทำกับมัสเหมือนกับเป็นทาส”
ดวงตาฝ้าฟางคลอคลองด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจและเจ็บช้ำ น้ำเสียงยิ่งสั่นเครือเมื่อท่านไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้
“คุณยายรู้...”
มัสลินอุทานเสียงแผ่ว เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นยาย เห็นท่านพยักหน้าให้ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาทันที
“โถ่ คุณยาย มัส... มัสไม่เป็นอะไร มัสทนได้”
“อย่าทนอีกเลยลูก ปล่อยยายทิ้งไว้ที่นี่ แล้วหนูออกไปอยู่ข้างนอก ไปใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขเถอะ”
ศีรษะได้รูปส่ายปฏิเสธทันที “ไม่ค่ะ มัสไม่มีวันทิ้งคุณยาย คุณยายอยู่ที่ไหนมัสก็จะอยู่ด้วย” น้ำตาไหลอาบแก้มนวล ใจร้าวรานไปหมด
มัสลินนึกเวทนาตัวเอง ที่หลงคิดว่าปกปิดเรื่องทุกอย่างไม่ให้คนเป็นยายรู้ ที่แท้ท่านรู้มาโดยตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่อยากให้ท่านต้องคิดมาก ไม่อยากให้อาการของท่านทรุดหนัก พยายามรักษาจิตใจของท่านไว้ให้มากที่สุด แต่เรื่องร้ายๆ มันก็ปิดไม่มิด
“ยายขอโทษที่ช่วยอะไรหนูไม่ได้เลยลูก ซ้ำยังเป็นภาระให้หนูอีก”
เสียงรำพึงแหบพร่าเจือเสียงสะอื้น มือสั่นเทาประคองใบหน้าของหลานรักไว้ ซบหน้าผากแนบกันน้ำตาไหลอาบแก้มไม่ต่างกันทั้งยายหลาน
“คุณยายขา... คุณยายไม่ต้องขอโทษมัส คุณยายไม่ใช่ภาระ คุณยายคือทุกสิ่งในชีวิตของมัส หากมัสไม่มีคุณยาย มัสคงไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวหัวใจ”
“ความดีของมัส จะเป็นเหมือนเกราะแก้ว นำพามัสของยายให้ผ่านพ้นความทุกข์นี้ไป สักวันหนึ่งความดีจะตอบแทนมัส ยายขออวยพรนะลูก”
คำอวยพรของผู้เป็นยาย ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มหยดลงเป็นหยดเล็กที่ปลายคางตกลงพื้น เหมือนกลั่นความเจ็บปวดหัวใจของคนทั้งคู่ออกมา
ใจอ่อนล้าเจียนหมดแรง แต่หัวใจต้องเข้มแข็งหยัดยืนต่อไป ท่ามกลางความเจ็บปวดและทรมานใจอย่างสาหัส
หวังเพียงสักวันหนึ่งข้างหน้าจะมีวันที่ความเจ็บปวดและความทุกข์นี้จะผ่านพ้นไป
อาทิตย์ต่อมาแพรพรรณกับสมเกียรติพามัสลินเดินทางไปยังภูเก็ตสถานที่จัดงานแต่งงาน ก่อนเดินทางมัสลินเข้าไปกราบลาคุณยายฝ้ายคำ
“มัสต้องไปช่วยงานแต่งงานของพี่ป่าน ป้าแพรบอกว่าต้องไปหลายวัน” มัสลินพนมมือกราบบนอกผู้เป็นยาย
“ไปดีมาดีนะลูก ยายจะรอมัสกลับมา” คนแก่ลูบศีรษะหลานสาว พร้อมอวยพร
“คุณยายอยู่ทางนี้ก็ทานข้าวทานยาที่อาหมี่ป้อนให้ครบนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงมัส ถ้าเสร็จงานมัสจะรีบกลับมาหาคุณยายค่ะ”
พูดไปก็รู้สึกแน่นในอกตาร้อนผ่าวจนต้องกลั้นเอาไว้ ด้วยไม่เคยจากผู้เป็นยายไปไหนนานๆ แม้นางแววกับเด็กอาหมี่จะรับปากว่า
จะผลัดกันมานอนเฝ้าคุณยาย และช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนยาตามเวลา แต่มัสลินก็รู้สึกวูบโหวงในใจ พยายามไม่คิดมาก
ปัดความห่วงใยออกจากใจ เธอต้องเชื่อใจนางแววกับเด็กอาหมี่สิ ทั้งสองรับปากแล้วว่าจะดูแลคุณยายอย่างดี
เธอเองก็ไม่ได้ไปเป็นเดือน เพียงอาทิตย์เดียวก็ได้กลับมาหาคุณยายแล้ว
“ไม่ต้องห่วงยาย ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก ยายจะรอมัสกลับมา”
คนแก่ย้ำอีกครั้ง กอดหลานสาวไว้แน่น รู้สึกใจหายแปลกๆ แต่พยายามไม่คิดในทางร้าย อาจจะไม่ใช่ลางสังหรณ์บ้าบออะไร
ท่านควรคิดแต่สิ่งดีๆ อวยพรให้หลานเดินทางโดยสวัสดิภาพ มากกว่าจะคิดอะไรที่ไม่ดีในยามนี้
“มัสกราบลาค่ะคุณยาย เดี๋ยวป้าแพรจะบ่นว่ามัสโอ้เอ้”
มัสลินกราบลา แล้วหอมแก้มคนเป็นยายอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป
“เดินทางปลอดภัยนะมัส ขอให้พระคุ้มครอง ขอให้ความดีของหลานคุ้มครองหลานด้วย”
คุณยายฝ้ายคำพึมพำอวยพรตามหลัง สายตาฝ้าฟางที่มองตามหลังหลานสาวด้วยความห่วงใย
ทั้งสามคนเดินทางมาถึงก็มีรถของเจ้าสัวโภคินมารับที่สนามบิน รถพาผู้มาเยือนไปพักที่โรงแรมในเครือที่ท่านเจ้าสัวเป็นเจ้าของ
หลังจากขนของเข้าห้องพักเรียบร้อย แพรพรรณกับสามีก็เดินทางไปยังคฤหาสน์ของเจ้าสัวโภคินทันที โดยบอกให้มัสลินรออยู่ที่โรงแรม
“รออยู่ที่นี่ก่อนนะยายมัส ฉันกับคุณลุงของแกจะแวะไปคุยกับผู้ใหญ่ทางเจ้าบ่าว “
“ค่ะ ป้าแพร” มัสลินรับคำ
“อ้อ... ถ้าแกลงไปเดินเล่นข้างล่าง เจอใครถามว่าเป็นอะไรกับฉัน บอกเขาไปว่าเป็นลูกสาวนะ”
“ทำไมต้องโกหกคนอื่นด้วยล่ะคะ”
คำสั่งนี้ทำให้คนฟังนิ่วหน้า มองผู้เป็นป้าอย่างแปลกใจ อีกฝ่ายถอนหายใจแรงอธิบายให้ฟังว่า
“ฉันไม่อยากให้คนมองว่ายายป่านไม่สนใจงานแต่ง พี่สาวแกเขามีธุระจะบินตามมาในสองสามวันนี่แหละ แกก็เนียนๆ แกล้งแสดงว่าเป็นเขาไปก่อน”
“มัสว่า มัสไม่ลงไปเจอใครดีกว่าค่ะ”
มัสลินไม่ชอบการโกหก ดังนั้นคิดว่าการอยู่แต่ในห้องพัก เลี่ยงพบปะผู้คนคงจะดีกว่าไปปั้นหน้าพูดโกหก
“เออ... แล้วแต่แกเถอะ ฉันจะไปแล้ว หิวก็โทรสั่งอะไรมากินนะ” แพรพรรณพอใจที่มัสลินไม่เรื่องมาก
“มัส... ไม่มีเงินค่ะ”
มัสลินแทบไม่มีเงินติดตัวมากนัก อาหารในโรงแรมระดับห้าดาวแบบนี้คงราคาแพงไม่เบา เธอไม่กล้าสั่งมากินแน่นอน
