บทที่ 1 ตอนที่ 1.
ผมขอโทษนะเจนนี่ ที่ทำให้คุณเข้าใจผิดว่าผมรู้สึกพิเศษกับคุณ สำหรับผมแล้วเราคงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อกัน
นี่คงเป็นข้อความสุดท้ายที่ผมจะส่งถึงคุณ ขอให้ระหว่างเราจบลงพร้อมกับข้อความนี้
ลาก่อน.... Laimake
เจนนี่จดจ้องข้อความนั้นพร้อมน้ำตาไหลรินอาบแก้ม มือน้อยจับเมาส์คลิกดูหน้าไทม์ไลน์ของชายหนุ่มที่ชื่อลายเมฆคนนั้น
ผู้ชายที่เธอรู้จักผ่านสังคมออนไลน์ในอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่าเฟซบุ๊ก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้เธอขอแอดเป็นเพื่อน
เมื่อเข้าไปกดไลค์รูปถ่ายในอัลบั้มส่วนตัวของอีกฝ่าย ก็ได้รับการตอบรับโดยการกดไลค์ข้อความที่เธอโพสต์ไว้ตอบกลับบ้าง
ผ่านไปร่วมเดือนเธอถึงกล้าส่งข้อความไปทักทายเขา ชายหนุ่มก็ทักทายกลับ
เมื่อได้พูดคุยกันเขาเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกแคบๆ ของเธอเปิดกว้างขึ้น หลังจากนั้นเธอกับเขาก็แชตคุยกันเสมอ
จนถึงขั้นแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน เจนนี่รู้สึกสดชื่นแจ่มใสอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับเขา
เธอกับเขาติดต่อกันนานหลายเดือนจนกลายมาเป็นความผูกพันโดยไม่รู้ตัว
ลายเมฆบอกว่าเขาทำงานเป็นพนักงานดูแลระบบคอมพิวเตอร์ให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
เมืองหลวงของประเทศไทย เจนนี่เล่าเรื่องราวของเธอให้เขาฟังว่าเธอป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก
ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา เธอกลัวการผ่าตัดจึงไม่ยอมไปรักษาให้หายขาดทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้
ลายเมฆไม่ได้แสดงความรังเกียจเธอเหมือนเพื่อนหลายคนที่เธอเคยคุยด้วย เขาให้กำลังใจเธอผ่านบทเพลงหลากหลาย
โดยการนำมาโพสต์ให้เธอที่หน้าเพจแทบทุกวัน ทำให้หัวใจของสาวน้อยอบอุ่นชื่นบาน จนคนในครอบครัวสังเกตเห็น
ลายเมฆทำให้เธอเชื่อใจว่าเขาคือเพื่อนและพี่ชายที่แสนดีของเธอ จนเจนนี่ยอมเล่าความฝันของตัวเองให้เขาฟัง
ว่าเธออยากทำกิจการสักอย่างให้พี่ชายภูมิใจ ในตัวน้องสาวขี้โรคคนนี้ว่ามีความสามารถทำกิจการของตัวเองจนประสบความสำเร็จ
ลายเมฆให้คำแนะนำว่าเธอชอบอะไรก็ควรทำกิจการที่ตัวเองชอบ เขาให้กำลังใจเธอจนเจนนี่รู้สึกถึงความจริงใจของเขา
หัวใจของสาวน้อยเริ่มมีแสงแห่งความอบอุ่นฉาดฉายเข้ามา จนหลงลืมความเงียบเหงาจากการต้องอยู่แต่ในบ้านไปหมดสิ้น
เธอผูกพันกับเขายกให้เป็นคนสำคัญในใจ หากวันไหนไม่ได้พูดคุยด้วยก็รู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่าง ลายเมฆเองก็พูดจาดีกับเธอ
แม้ช่วงหลังเขาจะไม่ว่างมาคุยกับเธอได้บ่อยๆ แต่เมื่อเธอโทรไปหาเขาก็พูดคุยด้วยดี จนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนก่อนลายเมฆก็ขาดการติดต่อไป
โทรศัพท์ของเขาก็ปิดเครื่องไม่ยอมรับสาย เฟซบุ๊กร้างไม่มีการอัพเดตสถานะ เจนนี่กระวนกระวายหาทางติดต่อเขาทุกอย่างแต่ก็ไร้การตอบรับ
จนวันนี้เขาส่งข้อความมาพร้อมกับคำบอกลาที่แสนเจ็บปวด
“ทำไม ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เจนนี่ทำอะไรผิด ลายเมฆถึงได้ไม่คุยกับเจนนี่”
เด็กสาวขี้โรคคร่ำครวญด้วยความเจ็บช้ำ ร่างน้อยงองุ้ม ซุกซบใบหน้ากับฝ่ามือ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมา ล้างความโง่เง่าของตัวเอง
‘เจนนี่ น้องต้องระวังให้มาก สังคมในโลกออนไลน์ ล้วนแต่หลอกลวง ผู้คนในนั้นกับผู้คนในโลกจริงๆ แตกต่างกัน’
ครั้งหนึ่งพี่ชายของเธอเคยเตือน เมื่อเห็นเธอเอาแต่เล่นอินเทอร์เน็ต คำเตือนของพี่ชายใหญ่กลายเป็นจริงในวันนี้ เมื่อลายเมฆที่แสนดีออกลายให้เห็น เขาก็เป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่เบื่อคบหากับคนโลกแคบอย่างเธอ ผู้หญิงขี้โรคที่ได้แต่หมกตัวอยู่ภายในบ้าน แม้จะมีเงินทองและคนดูแลอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แต่ขาดซึ่งอิสระในการโบยบินออกไปในโลกกว้าง อิสรภาพที่ต้องแลกมากับการเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ หากเธอไม่กล้าจะเข้ารับการผ่าตัดจึงปฏิเสธเรื่อยมา พี่ชายจึงไม่ยอมให้เธอออกไปนอกบ้านในสภาพของเด็กขี้โรคแบบนี้ นั่นทำให้เธอไม่เคยมีเพื่อนจนได้รู้จักกับลายเมฆ เขาเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอมี ตอนนี้ลายเมฆได้ทอดทิ้งเธอไปเสียแล้ว
เด็กสาวปล่อยให้ความเสียใจกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตานานกว่าชั่วโมงน้ำตาถึงหยุดไหล ใบหน้าแดงก่ำดวงตายาวเรียวหม่นเศร้า เจ้าตัวหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้ม มือน้อยยื่นไปแตะแป้นคีย์บอร์ดก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ขอบคุณ สำหรับมิตรภาพที่มอบให้ แม้มันจะไม่ยาวนานแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เจนนี่มีความสุขมาก เจนนี่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรถึงทำให้ลายเมฆไม่อยากพูดคุยด้วย แต่ขอให้รู้ว่าลายเมฆเป็นเพื่อนคนเดียวที่เจนนี่รู้สึกดีด้วย นี่จะเป็นข้อความสุดท้ายที่เราจะได้พูดคุยกันอีก เพราะต่อไปนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ เจนนิเฟอร์ ลี อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป
ลาก่อนค่ะ…
หลี่อี้เจิน หรือ เจนนิเฟอร์ ลี กดส่งข้อความนั้นด้วยน้ำตาไหลนอง เธอหยิบขวดยาบนโต๊ะมาเปิด เทมันออกมาทั้งขวดจนเต็มฝ่ามือ หย่อนยาเม็ดแล้วเม็ดเล่าเข้าปาก แล้วกลืนมันลงไปเหมือนขนมหวาน ก่อนจะดื่มน้ำตามเมื่อยาเม็ดสุดท้ายไหลลงคอ มือน้อยเอื้อมไปเปิดลิ้นชักหยิบสิ่งหนึ่งออกมาดู ประกายเงาวับของใบมีดคัตเตอร์ที่ถูกเลื่อนออกมาจากปลอก สะท้อนแสงแดดที่ส่องผ่านกรอบหน้าต่างเข้ามา เธอจ้องมองปลายคมมีดก่อนจะค่อยๆ กดมันลงที่ข้อมือน้อยช้าๆ ดวงตาเรียวยาวกระตุกไหวเล็กน้อย เมื่อความเจ็บแปลบแล่นวาบเข้ามาในความรู้สึก เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผล เจ้าตัวมองหยดเลือดที่ไหลย้อยลงมาตามปลายนิ้วด้วยดวงตาเหม่อลอย มือปล่อยมีดคัตเตอร์ให้ร่วงลงบนพื้นห้อง แขนห้อยลงข้างตัวปล่อยให้หยดเลือดไหลนองพื้นจนแดงฉาน พร้อมกับสติที่เริ่มหลุดลอยออกจากร่าง เมื่อยานอนหลับกำนั้นเริ่มออกฤทธิ์
