บทที่ 6 คนทั้งจวนรู้ว่า…
จ้าวจื่อรั่วไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกเมื่อครู่นั้นคืออะไร ร่างกายเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขยับตัวขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจูบนางอีกครั้ง แต่คราวนี้มีบางสิ่งที่ใหญ่โตดุนดันเข้ามาในร่างนาง หญิงสาวขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ช่องทางอ่อนนุ่มคับแคบบีบรัดลำเอ็นของแม่ทัพหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าคำรามออกมา
เพราะเส้นทางนี้ไม่เคยถูกใครบุกรุกมาก่อนและลำทวนของเขายาวใหญ่อยู่มาก กู้ตงหยางต้องขยับเอวถอยลำออกแล้วกดซ้ำกลับเข้าไปใหม่ ทำซ้ำๆ ค่อยๆ เพิ่มความลึกเข้าไป
“อึก...จะ...เจ็บ....” นางร้องอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบทำให้ร่างกายเกร็งไปหมด
“อืม ผ่อนคลายหน่อย...” เขากัดฟันพูด ความรู้สึกที่ถูกดูดกลืนลำเอ็นทำให้เสียวซ่านสุดบรรยาย เขาแยกขานางออกกว้างอีกนิด พร้อมกับนวดคลึงหน้าอกที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ส่วนอีกมือสำรวจหาจุดอ่อนไหวจนพบไข่มุกที่ซ่อนอยู่ นิ้วกร้านขยี้เบาๆ ก็ทำให้ช่องทางคับแคบเปียกแฉะมากยิ่งขึ้นทำให้เขากดเอวดันลำเอ็นเข้าไปจนสุด
“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหวีดร้องออกมา เจ็บและจุกจนน้ำตาเอ่อคลอ
“อา... เข้าไปหมดแล้ว”
กู้ตงหยางรู้สึกสบายอย่างที่สุด ลำเอ็นถูกผนังอ่อนนุ่มโอบรัดจนเสียวซ่าน เขาเริ่มเดินหน้าขยับเอวสอบ สองมือจับเอวบางไว้มั่นแล้วโยกเอวอย่างลืมตัว
“อึก..อื้อ...”
หญิงสาวครางกระเส่ารับจังหวะขยับโยกของเขา ความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความซ่านเสียวแสนรัญจวน ใบหน้างามสะบัดไปมาจนเส้นผมคลี่สยาย ร่างสั่นไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น ความโยกเอวไม่ยั้งไม่เกรงว่ากลีบดอกไม้สาวจะยับเยิน ระลอกความเสียวซ่านถาโถม จ้าวจื่อรั่วกรีดร้องพร้อมร่างที่เกร็งกระตุกด้วยถูกส่งไปถึงจุดสุขสมซึ่งครั้งนี้มันรุนแรงกว่าที่เขาใช้นิ้วมากนัก
กู้ตงหยางมองหญิงสาวที่อ่อนระทวยใต้ร่าง เขาขยับตัวขึ้นแล้วจับขาเรียวงามข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าจากนั้นขยับเอวโยกตอกลำเอ็นหนักหน่วง พลางก้มมองท่อนเนื้อที่ผลุบเข้าออกจนกลีบเนื้ออวบอูมแทบปลิ้น น้ำคาวสวาทมีสีแดงจางๆ เปื้อนลำเอ็น ความร้อนของท่อนเนื้อกระแทกกระทั้นทำเอาหญิงสาวครางจนเสียงแหบ นางรู้สึกเหมือนกำลังมอดไหม้เพราะไฟสวาทที่เขาก่อขึ้น แก่นกายเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นมันแน่นเสียจนหญิงสาวบิดเอวเพราะเสียวซ่าน เขาตอกกระแทกลำอย่างลึกล้ำถี่รัวและบางครั้งก็บดเอวโยกคลึง นางแทบขาดใจได้แต่ส่งสายตาวิงวอนขอร้อง แต่เขากลับโยกเอวถี่รัวยิ่งขึ้นจนร่างนางสั่นไหวก่อนจะกลายเป็นตอกลำเอ็นหนักๆ เข้าไปจนสุดแล้วกดไว้เช่นนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่จ้าวจื่อรั่วเสร็จสมอีกครั้ง ร่างกำยำเกร็งกระตุกและพ่นน้ำรักอุ่นร้อนใส่ร่องสวาท
“อ๊า!” จ้าวจื่อรั่วร้องออกมาก่อนจะหอบหายใจถี่รัว
กู้ตงหยางแหงนหน้าคำราม ร่างกายได้รับการปลดปล่อยจนหมดสิ้น เขาค่อยๆ ถอนลำเอ็นออกมา ก้มมองดูแก่นกายที่มีคราบเลือดติดอยู่ แล้วย้ายสายตามองหญิงสาวที่หลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน นางทั้งหวานและเร่าร้อนถึงเพียงนี้
เห็นที่เขาจะต้องหาทางให้นางมาอยู่เรือนเดียวกับเขาให้ได้.
คนทั้งจวนรู้ว่าฮูหยินค้างคืนที่เรือนท่านแม่ทัพ ทุกคนหวังว่าจะได้เห็นภาพหวานชื่นของคู่แต่งงานใหม่ แต่กลับพบบรรยากาศอึมครึมราวกับมีเมฆดำก้อนใหญ่ปกคลุมในจวน
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้นะ” เสี่ยวฉู่พึมพำกับพ่อบ้าน “ท่านพ่อบ้านไปแนะนำอย่างไรถึงได้กลายเป็นเช่นนี้”
“ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” พ่อบ้านโคลงศีรษะไปมา หลังจากผ่านค่ำคืนเร่าร้อนน่าจะเต็มไปด้วยบรรยากาศหอมหวาน เขายังตระเตรียมอาหารสำหรับบำรุงร่างกายให้นายท่านและฮูหยิน แต่ไฉนฮูหยินกับท่านแม่ทัพก็ยังดูเหินห่างเหมือนเดิม
หรือจะพูดให้ถูก ดูห่างเหินมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
คนที่ดูร่าเริงสดใสกว่าน่าจะเป็นสตรีที่ชื่อเฉียวฉู่ ประเดี๋ยวก็อยากกินโน้น ประเดี๋ยวก็อยากกินนี่ ที่นอนแข็งไปบ้าง ในห้องนอนมีกลิ่นอับ เสื้อผ้าสวมใส่ไม่พอดี คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือฮูหยินที่ต้องเข้าไปจัดการให้ถูกใจแม่นางไร้มารยาทผู้นั้น
“ป่านนี้ยังไม่ส่งคนมารับกลับอีก ไม่ใช่ว่าจะทอดทิ้งแล้วรึ” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก “ข้าเห็นใจฮูหยินจริงๆ นะ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงทำเช่นนี้ หรือว่า...”
“จะพูดอะไรก็พูดใจจบสิ เสี่ยวฉู่!” ป้าแม่ครัวหงุดหงิด หยิบหนอไม้ปาใส่เสี่ยวฉู่ ยามนี้ทุกคนในจวนล้วนเป็นห่วงฮูหยินกันทั้งนั้น
“หรือว่าท่านแม่ทัพจะรับสตรีผู้นั้นมาเป็นภรรยาอีกคนไงเล่า!” เสี่ยวฉู่ยกมือปัดไปมา แม้จะไม่เลอะเทอะนักแต่เกรงว่าจะมีหน่อไม้ติดตามตัว
“พูดจาเหลวไหล” ป้าแม่ครัวขึงตาใส่สาวใช้ก่อนกันไปทางพ่อบ้าน “ไม่จริงใช่ไหมเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพแต่งงานยังไม่ถึงสามเดือน จะรับภรรยาใหม่แล้วรึ”
“ข้าก็ไม่รู้”
พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ บุรุษมีสามภรรยาสี่อนุก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด แต่สามีที่ละเลยภรรยาเอก ใส่ใจแต่ภรรยารองก็เกรงว่าจะเป็นที่นินทาไปทั่ว แต่ฮูหยินก็เป็นสตรีที่ฮ่องเต้ประทานมา ท่านแม่ทัพคงไม่ทอดทิ้งเป็นแน่
“เสี่ยวฉู่”
“เจ้าค่ะ”
เสียงจ้าวจื่อรั่วทำเอาผู้อื่นสะดุ้งตกใจกันไปหมด หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาในครัว
“เปาเป่ายังไม่ได้กินถั่วฝักยาวเลย ข้าว่าจะไปเก็บถั่วเสียหน่อย”
“ประเดี๋ยวข้าไปเก็บให้เปาเป่าเองเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง เจ้าอยู่ที่นี่เผื่อว่าแม่นางเฉียวฉู่ต้องการเรียกใช้”
“หา...แต่ว่า...”
“นะ ...ถือว่าข้าขอร้องเจ้าก็แล้วกัน”
ได้ยินฮูหยินพูดขนาดนี้ เสี่ยวฉู่ไม่กล้าขัด นางจึงได้แต่พยักหน้ารับ คนอื่นก็เช่นกัน ทุกคนเข้าใจฮูหยินดี จึงปล่อยให้นางเดินไปสวนด้านหลังพร้อมเจ้าแพะน้อยแสนฉลาดที่เดินตามราวกับสุนัขตัวหนึ่ง พ่อบ้านบ่าวรับใช้คนอื่นได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาเป็นคนของท่านแม่ทัพแต่ก็อดเป็นห่วงฮูหยินไม่ได้จริงๆ
จ้าวจื่อรั่วได้ยินทุกถ้อยคำ นางตั้งใจเดินมาขอถั่วฝักยาวให้เจ้าแพะน้อยจริงๆ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วนางจึงเปลี่ยนใจ แต่ถ้าหายไปเฉยๆ ผู้อื่นอาจลำบากตามหา หรือไม่...อาจไม่มีใครสนใจนาง
ผ่านคืนนั้นแล้วอย่างไร เขาทรมานนางไปถึงเช้า หมดสิ้นเรี่ยวแรงแทบลุกไม่ไหว นางเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาที่ผุดลุกขึ้นจากไปไม่เหลียวกลับมามอง นางต้องรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นไปจัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เสี่ยวฉู่นำมาส่งแล้วเดินกลับมาเรือนของตน
