บทที่ 9 แม่ทัพย่องเข้าห้องเมีย
นางยังจำความรู้สึกริษยาและน้อยใจที่เห็นพี่สาวน้องสาวต่างมารดาได้แต่กายงดงาม ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน แต่นางกลับได้ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสาวใช้ มีเรื่องดีก็เพียงแค่ได้ฝีกเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์ที่ฮูหยินใหญ่เชิญมาสอนคุณหนูใหญ่
หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา เหตุใดช่วงนี้นางรู้สึกอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน แต่ก่อนก็ไม่เคยร้องไห้ง่ายนัก เหตุใดยามนี้มีเรื่องกระทบจิตใจเล็กๆน้อยๆ น้ำตาก็พร้อมจะหลั่งริน นางไม่เข้าใจนัก ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก จดหมายจากเมืองหลวงต้องใช้เวลา บางทีน้องๆ อาจส่งมาแล้วแต่ยังมาไม่ถึงมือ คิดได้ดั่งนี้ก็ใจชื้นขึ้นมา
ร่างผอมบางดุจกิ่งหลิวเดินมาที่หน้าต่าง แหงนหน้ามองพระจันทร์กลมโต หากคืนใดน้องเล็กไม่ได้ฟังนางเล่านิทานก็จะนอนไม่หลับ นางจะขยับมือเป็นหุ่นเงารูปสัตว์ต่างๆ หลอกล่อให้น้องเล็กหลับใหล จ้าวจื่อรั่วยกมือเรียวของตนขึ้นทั้งสองมือ กางมือออกโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองมือชิดกัน แล้วค่อยๆ ขยับปลายนิ้วที่เหลือ นางมองเงาที่ทอดยาวไปที่ผนังเกิดเป็นรูปร่างผีเสื้อพลางขยับนิ้ว เงาผีเสื้อก็ขยับปีกราวกับมีชีวิตโบกบินใต้แสงจันทร์ นางขยับตัวหมุนไปมาพร้อมขยับมือเป็นผีเสื้อโบยบิน ดูราวกับกำลังร่ายรำ เสียงหวานหัวเราะเบาๆ นางนึกขำที่ตนเองทำราวกับเป็นเด็กน้อย โชคดีที่อยู่เพียงลำพัง ไม่เช่นนั้น คงได้ถูกเอาไปนินทาว่า ฮูหยินแม่ทัพใหญ่เสียสติไปแล้ว
ความหมองเศร้าบรรเทาเบาบางลง นางรู้สึกสบายใจและอยากนอนหลับพักผ่อนแล้ว นางมองตะกร้าที่ใส่ผ้ารอเย็บปักแล้วส่งยิ้มให้ของเหล่านั้น
“วันนี้ข้าขอเกเรหนึ่งคืนนะ”
นางพูดแล้วดับเทียนในห้อง ปีนขึ้นเตียงแล้วปลดม่านมุ้งลง เหนื่อยล้ามาทั้งวัน เพียงหัวถึงหมอน นางก็หลับลงอย่างง่ายดาย.
ภาพที่เห็นเบื้องหน้ายังตราตรึงเขาอยู่ แม้ว่าในห้องจะดับเทียนจนมืดมิดไปหมดแล้วก็ตาม
กู้ตงหยางเพียงแค่อยากมาดูว่าภรรยาของตนเป็นอย่างไร หลังจาก ‘คืนนั้น’ เขาก็ยังไม่ได้เข้าใกล้นางอีก เพราะกลัวตัวเองจะไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ คืนนั้นเขาทำนางบอบช้ำไม่น้อย ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ เมื่อถึงหน้าประตูเรือน เขายกมือขึ้นส่งสัญญา เพียงครู่เดียว ราวกับสายลมพัดผ่าน กู้ตงหยางก็รับรู้ได้ว่าเหล่าทหารอารักขาที่อยู่บริเวณนี้กระจายตัวหายไปหมดสิ้น เขาจึงเข้าไปในเรือนของจ้าวจื่อรั่วอย่างเงียบเฉียบ แม้อยู่ในความมืดกลับเดินเข้าไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่าที่นี่เป็นเรือนของตนเอง
มือใหญ่ผลักม่านมุ้งออก คนบนเตียงหลับใหลอย่างเป็นสุข อาจเพราะอากาศร้อนทำให้สวมเสื้อตัวบาง นางขยับตัวเปลี่ยนท่านอน สาบเสื้อจึงคลายออกเผยให้เห็นเนินอกสร่าง นิ้วกร้านหยาบกระด้างจากการจับกระบี่มานานค่อยๆ ไล้ผิวกายนุ่มละมุนราวกับแพรไหมเนื้อดี เขายังคงจดจำสัมผัสที่ได้รับจากเรือนร่างนี้
จ้าวจื่อรั่วขยับตัวอย่างอึดอัด คล้ายมีแมลงมารบกวนการนอน ทว่าเมื่อรู้สึกถึงแรงขบเม้มที่ริมฝีปากทำให้รู้สึกตัว มือเรียวเล็กผลักไสอย่างร้อนรน ดวงตากลมลืมตาขึ้นทันทีที่รู้ว่าไม่ใช่ความฝัน ภายในห้องมืดสนิท เห็นเพียงเงาดำกดทับอยู่ ร่างเล็กสั่นระริกด้วยความกลัวและดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นพันธนาการ
“ข้าเอง”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นเมื่อถอนริมฝีปากแล้ว มือใหญ่รวบข้อมือทั้งสองของหญิงสาวแล้วกดไว้เหนือศีรษะ จ้าวจื่อรั่วปรับสายตาในความมืดจึงรู้ว่าคนที่อยู่เหนือร่าง นางขยับตัวเล็กน้อยพลันรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่แข็งขันและร้อนระอุแนบชิดเรือนร่าง แม้สวมเสื้อผ้าอยู่แต่ไอร้อนจากกายเขาแผ่กระจายไปทั่ว
“ทะ...ท่านแม่ทัพ” นางอึกอักอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ท่าน...ท่านเข้ามาได้อย่างไร”
“ข้าเป็นสามีจะเข้ามาห้องภรรยาไม่ได้รึ” ดวงตาคมดุจเหยี่ยวหรี่ตามองอย่างไม่พอใจนัก “หรือเจ้ารอใครเข้ามา”
นางแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดเช่นนี้ออกมา ความน้อยใจทำให้นางพยายามขยับตัวให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ แต่ข้อมือแกร่งกลับออกแรงกดไว้แน่นขึ้น ซ้ำสะโพกสอบยังกดทับท่อนล่างจนนางขยับตัวไม่ได้อีก
“ท่าน!” นางขึงตาใส่อย่างเคืองโกรธ ถูกรบกวนการนอนแล้วยังถูกกล่าวหาว่าร้ายใส่อีก จะมิให้นางหงุดหงิดได้อย่างไร
“ท่านแม่ทัพเล่า มิได้เข้าผิดห้องรึ!”
กู้ตงหยางเลิกคิ้วประหลาดใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนโน้มใบหน้าลงใกล้ ลมหายใจผ่าวร้อนเจือกลิ่นสุราจางๆ ทำให้นางเริ่มหยุดดิ้นรน ได้แต่เบือนหน้าไปทางอื่น
“นี่เจ้า...”
เขาตั้งใจหยอกล้อนางด้วยลมหายใจผ่านร้อนของตน ทว่ากลับเป็นเขาเองที่เสียการควบคุมเพราะกลิ่นกายหอมละมุนเย้ายวนจนยากหักห้ามใจ แต่...นางเป็นภรรยาของเขา เหตุใดเขาต้องหักห้ามใจ ในเมื่อเขาเป็นสามีของนาง ย่อมมีสิทธิ์แตะต้องเรือนร่างนี้
น้ำเสียงหยอกล้อทำให้นางหันหน้ากลับมา เขาขบขันอันใดกัน? เพียงนางหันหน้ามาริมฝีปากอุ่นก็ทาบทับลงมา ครั้งนี้เขาขบเม้มริมฝีปากจนนางรู้สึกเจ็บ มือคู่นี้แข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า ยิ่งนางดิ้นรน ร่างยิ่งถูกกอดรัดแน่นขึ้น กู้ตงหยางเกรงว่านางจะเจ็บจึงดึงมือนางให้คล้องคอเขาไว้ แต่เขากลับใช้มือเพียงข้างเดียวกระตุกสายรัดเอวของนางออกทำให้เสื้อผ้าหลุดรุยออกจากร่าง
ฝ่ามือหยาบกระด้างแต่ลูบไล้อย่างอ่อนโยนช่วยผ่อนคลายร่างที่เกร็งด้วยความตื่นตกใจลงได้ ชายหนุ่มใช้ฟันกัดสายเอี๊ยมบังทรง เพียงกระตุกเบาๆ ก็หลุดออกเผยทรวงอกกลมกลึงเย้ายวนเบื้องหน้า เขาอ้าปากครอบครองยอดอกสีหวาน ดูดดึงจนเปียกชุ่ม เสียงหวานครางแผ่วอย่างไม่อาจทนกลั้นได้อีก
“อื้อ” จ้าวจื่อรั่วพยายามกลั้นเสียงร้องสุดกำลัง แต่เขายิ่งทำร้ายกาจ ตวัดลิ้นที่ยอดอกสลับกับดูดดึงซ้ำยังบีบเคล้นทรวงอกอีก ความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่านทำช่องท้องปั่นป่วน ส่วนที่อ่อนไหวเริ่มเปียกชื้น ริมฝีปากร้อนคลายจากยอดอกแล้วจูบระเรื่อลงไปถึงเบื้องล่าง นางขยับตัวหนีอย่างร้อนรนพลางส่งเสียงห้าม
“ยะ...อย่า...ตรงนั้น...ไม่ได้”
