บทที่ 12 12
นุสบาจำต้องบอกความจริงทั้งที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นและยิ่งรู้สึกหดหู่เมื่อเห็นอาการตื่นตกใจของนักไวโอลินสาว มัสมินกุมเอกสารในมือไว้แน่น ริมฝีปากสั่นระริกถูกกัดจนห้อเลือด ลอวเรนซ์กำลังบีบบังคับเธอจากทุกด้าน เขากั้นผนังเบียดแคบจนตอนนี้เธอขยับตัวไปทางใดไม่ได้อีก แต่นี่จะไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายที่เขาทิ้งมาเพื่อให้เธอยอมจำนน ยังมีทางเลือกที่เธอต้องดิ้นรนจนถึงที่สุด
“คุณนุ่นจะไปไหนคะ...แล้วสัญญานั่น...” ผู้จัดการสาวรีบถามข้าวของร่างงามระหงที่กำลังทำท่าจะหันกลับออกไปจากห้อง
“นุ่นจะไปคุยกับเขาค่ะ”
“คะ...เขา... คุณลอวเรนซ์น่ะหรือคะ”
“ค่ะ พี่นุสบา นุ่นจะไปคุยกับเขาเรื่องสัญญาทาสนี่ ขอบคุณมากนะคะที่บอกเรื่องนี้ให้นุ่นทราบวันนี้”
มัสมินยกมือไหว้คนท่ายืนงงงันก่อนจะออกมาจากห้องนั้นและปรี่ออกจากห้องอาหารแต่ก็พบกับพัชชุลีเสียก่อน
“นุ่น...วันนี้มาก่อนลีนะจ๊ะ อ้าว! มือนุ่นไปโดนอะไรมา?”
พัชชุลีในชุดกระโปรงผ้าไหมสีน้ำตาลปักเลื่อมแสนสวยทักทายเพื่อนสาวซึ่งเดินรีบร้อนจนมาหยุดที่ลานหินริมสระน้ำตรงทางเดิน
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อยจ้ะลี วันนี้นุ่นเลยไม่ได้เล่นให้แขกฟัง”
“เหรอจ๊ะ...เสียดายจังนุ่น รู้มั้ยว่าเมื่อคืนพอนุ่นเล่นเสร็จ ลีก็มาเล่นต่อจากนุ่น ทำให้ลีเห็นหน้าหุ้นส่วนใหญ่ของเซลิโน่ชัดมาก เขาหล่อ ดูดี ลีไม่เคยเห็นใครท่าทางมีเสน่ห์มากอย่างนี้มาก่อน นุ่นจ๊ะ ลีชักอยากจะทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้ซะแล้วซี ลีรู้มาว่าคุณลอวเรนซ์ยังโสดสนิท เห็นว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
“เขาไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอกนะ ลี!” เสียงแข็งกระด้างของมัสมินฉุดความคิดฝันที่กำลังทะยานสูงของพัชชุลีให้ดิ่งลงต่ำก่อนที่หญิงสาวจะรู้สึกตัวว่าคำพูดของเธอทำให้เพื่อนมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“เอ้อ...นุ่นหมายถึงว่า ลียังไม่รู้จักเขาดีเลย เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ลีคิดก็ได้”
มัสมินตกแต่งถ้อยวาจาเพื่อกลบเกลื่อนความนัยที่แอบซ่อนไว้ทั้งก็วุ่นวายในใจนักหนาและมันก็ทำให้พัชชุลีรู้สึกดีขึ้น
“แต่ลีว่าเขาเป็นคนที่น่าสนใจ วันหนึ่งลีอาจได้พูดคุยและศึกษานิสัยใจคอของเขาก็ได้...ว่าแต่นุ่นเถอะ นี่กำลังจะไปไหน?”
“นุ่นจะกลับอพาร์ตเม้นท์จ้ะลี นุ่นมาลางานสองสามวัน มือเจ็บจนเล่นไวโอลินไม่ได้ นุ่นไปก่อนนะ”
พัชชุลีปรายยิ้มกับเพื่อนซึ่งดูท่าเร่งร้อนเดินออกไป หญิงสาวนึกกระหยิ่มในใจว่าคืนนี้หุ้นส่วนใหญ่ของเซลิโน่อาจแวะเวียนมาดินเนอร์ที่ห้องอาหารก็เป็นได้
“เพื่อนลีกลับไปแล้วเหรอ?”
เสียงที่ดังมาจากอีกด้านทำให้พัชชุลีหลุดออกมาจากภวังค์ลอยเลื่อนและพบว่าแพรวาเพื่อนนักดนตรีสาวร่างเล็กซึ่งเล่นเชลโล่ (ไวโอลินตัวใหญ่) มายืนอยู่ใกล้ตอนไหนไม่รู้ได้
“นุ่นเขาเจ็บมือเลยรีบกลับน่ะ แพรมีอะไรหรือเปล่า?”
แพรวาชะเง้อมองตามร่างบางระหงที่เดินลับหายไปจากทางเดินก่อนจะหันกลับมายังพัชชุลี
“มัสมินเพื่อนลีเสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะรู้มั้ย”
“ก็เขาเป็นคนสวยจนลีเทียบไม่ติดเลยล่ะ ทำไมหรือแพร อย่าบอกนะว่ามีแขกมาสนใจเพื่อนลีอยู่ตอนนี้”
“แขกโรงแรมสนใจน่ะมันธรรมดา แต่เมื่อคืนแพรเห็นเพื่อนลีขึ้นรถสปอร์ตของคุณลอวเรนซ์ หุ้นส่วนใหญ่ออกไปกันสองต่อสอง แบบนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะลี”
รอยยิ้มบนใบหน้าพัชชุลีวูบลงในวินาทีนั้น หญิงสาวหันกลับไปมองทางเดินว่างเปล่าอาบแสงจากโคมไฟอีกครั้งด้วยแววตาบอกความผิดหวังและแปรเปลี่ยนเป็นริษยาในทันใด
เสียงเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดเดินไปในทุกวินาทีราวเหล็กแหลมจี้ลงบนความรู้สึกของมัสมินซึ่งยังนั่งกุมโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟาภายในห้องพักชั้นบนสุดของอพาร์ตเม้นท์หลังกลับจากเซลิโน่เมื่อหัวค่ำ ยิ่งนานผ่านไปหญิงสาวสำเหนียกได้เพียงเสียงบอกย้ำให้เธอกดปุ่มตามหมายเลขบนนามบัตรในมืออีกข้าง เธอแค่จะโทรไปหาลอวเรนซ์ แต่ไม่ได้ตอบรับข้อเสนอที่เขาหวังจะได้ยินคำตอบตกลง มัสมินชั่งใจอยู่นานกว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลาก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่า เขาต้องการคำตอบไม่เกินสามทุ่ม และเธอก็แค่จะโทรไปเพื่อทำความตกลง...แค่นั้น
ในที่สุดหญิงสาวจึงต้องทำตามเสียงร้องข้างในด้วยการกดหมายเลขและยกโทรศัพท์พกพาขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นวางแนบหูก่อนจะบังคับเสียงไม่ให้สั่นเมื่อสัญญาณปลายสายมีการตอบรับ
“ริคหรือคะ...นี่มัสมินนะคะ...ฉันอยากคุยกับคุณ” หัวใจในร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำเมื่อได้ยินเสียงเขาตอบกลับมาราบเรียบ
“มิวซีอา...ผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธข้อเสนอของผมเสียแล้ว”
“ฉันไม่ได้ตกลงรับข้อเสนอของคุณ ฉันอยากคุยกับคุณก็เท่านั้น”
“ผมไม่ชอบคุยเรื่องข้อตกลงทางโทรศัพท์ อีกสิบนาทีจะให้คนของผมไปรับคุณที่อพาร์ทเม้นท์ก็แล้วกัน”
“ริค...ริคคะ...” มัสมินพยายามเรียกทั้งที่สัญญาณอีกฝั่งขาดหายไปแล้ว เธอวางโทรศัพท์และนามบัตรไว้บนโต๊ะกับความตั้งใจแน่วแน่ไม่ว่าเวลาที่กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเป็นเช่นไรเธอจะไม่ยอมอ่อนข้อแม้เขาจะถือไพ่เหนือกว่าก็ตาม
ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูทำให้สติอันวายวุ่นที่กระเด็นกระดอนออกไปถูกดึงกลับมาไว้ในสัมปชัญญะ หญิงสาวยกมือข้างที่มีผ้าพ้นแผลขึ้นดูและเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ตอนนี้เธอเหมือนอุกาบาตที่พุ่งเข้าใกล้แรงดึงดูดของโลกมากขึ้นทุกขณะ รอเวลาแต่เมื่อใดหลุดเข้าไปถึงชั้นบรรยากาศก็ต้องหลอมละลายด้วยแรงเสียดทานมหาศาลดังพายุอารมณ์ของชายผู้โหดร้ายอย่างลอวเรนซ์
