บทที่ 19 7.1 สมรสพระราชทาน
“หม่อมฉันขอถ่านหินหนึ่งก้อนและค้อนกับตะแกรงร่อนเพคะ” หานฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ทหารผู้หนึ่งไปจัดเตรียมสิ่งที่จางอวิ๋นซีต้องการมาให้ครบ ทั้งถ่านหินแบบก้อนและค้อนที่นางต้องการถูกนำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าแล้ว
หญิงสาวหยิบก้อนถ่านหินขึ้นมาตรวจสอบดูสักครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือใช้ค้อนทุบจนแหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผงแล้วนำไปร่อนใส่ตะแกรงอีกรอบหนึ่ง เป็นที่น่าสนใจของบรรดาแขกเหรื่อและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายนัก จางอวิ๋นซีจัดการทุบก้อนถ่านหินเหล่านั้นให้กลายเป็นผงละเอียด
“ถ่านหินที่ถูกบดเป็นผงนี้ จะช่วยพิสูจน์ความยุติธรรมของหม่อมฉันได้ ตามตำราโบราณแล้วนั้น การตรวจสอบลายนิ้วมือมักใช้ฝุ่นผงจากถ่านหินเพื่อหารอยนิ้วมือแฝง ถูกต้องหรือไม่เจ้ากรมอาญา” จางอวิ๋นซีหันหน้าไปถามเสนาบดีแห่งกรมอาญา
เสนาบดีแห่งกรมอาญาตอบหานฮ่องเต้ “พะยะค่ะฝ่าบาท กรม
อาญาใช้วิธีการนี้ เพื่อตรวจหารอยนิ้วมือแฝงตามเนื้อตัวและสิ่งของต่างๆ พะยะค่ะ”
จางอวิ๋นซีลอบยิ้มชอบใจกับคำตอบของเจ้ากรมอาญานัก
“หากพี่สาวหม่อมฉันเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ก็ขอให้นางก้าวออกมาเพื่อพิสูจน์ความจริงด้วยเถิด หากนางไม่ผิดข้าจะขออภัยต่อนางด้วยการโขกศีรษะ แต่ว่าหากหม่อมฉันถูกกระทำ การแย่งของพระราชทานไปนั้นเป็นความผิดใหญ่หลวงยิ่ง เท่ากับเป็นการหมิ่นพระเกียรติยศของไทเฮายิ่งนัก”
หานไทเฮากล่าว “เป็นดั่งเช่นนั้นจริง เจ้าก็พิสูจน์ตนเองเถิด หากพี่สาวเจ้าทำเช่นนั้นจริง การลักทรัพย์สิ่งของพระราชทานย่อมได้รับโทษสถานหนักนัก”
เธอใส่ร้ายน้องสาวเธอว่าขโมยอาภรณ์พระราชทานของหยางเต๋อเฟยไป วันนี้ฉันจะให้สิ่งที่เธอมอบกับน้องสาวเธอ สนองคืนเธออย่างสาสมจางเซียวหรู หลี่ฮูหยิน นี่เป็นเพียงเริ่มต้นเท่านั้น จางอวิ๋นซีคิดในใจ
นอกจากนี้จางอวิ๋นซียังได้ขอกระจกใสสำหรับการพิมพ์เพื่อหารอยนิ้วมือ โดยหญิงสาวใช้น้ำจำนวนหนึ่งมาผสมกับผงถ่านจนพอจะขึ้นรูปได้ แล้วนำมาทาบนกระจกใสให้จางเซียวหรูทาบฝ่ามือทั้งห้าเพื่อพิมพ์รอยนิ้วมือไป จางเซียวหรูที่มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเองจึงทำตามอย่างว่าง่าย
จากนั้นจางอวิ๋นซีจึงนำปิ่นปักผมมาวางต่อหน้าทุกคน นางใช้ผงถ่านจำนวนหนึ่งที่มิได้ชุบน้ำจนเปียกและทาน้ำมันเล็กน้อยบนปิ่นปักผม สำหรับการตรวจหารอยนิ้วมือเท่านั้น และพิมพ์รอยนิ้วมือของตนเองกับ
หรูหรงลงบนกระจกเช่นเดียวกับจางเซียวหรู
กระจกบานเล็กทั้งสามบานแทนด้วยลายนิ้วมือของสตรีทั้งสาม ต่อเบื้องพระพักตร์ของหานฮ่องเต้ การพิสูจน์ความจริงและคืนความบริสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญนัก จางอวิ๋นซีเตรียมการทุกอย่างมาพร้อมแล้ว นางพร้อมที่จะให้บทเรียนอันมีค่ากับจางเซียวหรูและมารดาแล้ว
“เท่านี้หรือ?” หยางเต๋อเฟยถามแทรกขึ้นมา ใบหน้าของนางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เจ้ากรมอาญาจึงไขข้อข้องใจของพระสนมเอกแทน
“วิธีที่คุณหนูรองจางใช้ เป็นวิธีที่ทางกรมอาญาใช้ตรวจหารอยนิ้วมือแฝงพะยะค่ะพระสนม” จางอวิ๋นซียิ้มชอบใจอีกครั้งกับคำพูดของเจ้ากรมอาญา นางหันมามองจางเซียวหรูที่ยืนตัวสั่น สองมือของอีกฝ่ายประสานกันอย่างตื่นตระหนก
“อีกไม่กี่อึดใจเพคะ เราก็จะรู้กันแล้วว่าพี่สาวของหม่อมฉันบริสุทธิ์ใจหรือไม่” จางอวิ๋นซียิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยยาพิษร้าย
จางอวิ๋นซีใช้แปรงปัดเศษผงถ่านที่ติดอยู่กับปิ่นปักผมออกเบาๆ เหลือเพียงแค่เศษผงถ่านที่เกาะติดจนเป็นรอยนิ้วมือชัดเจนเท่านั้น ขันทีประจำพระองค์ของหานฮ่องเต้เดินเข้ามาดูใกล้ๆ สายตาทั้งสองคอยพิจารณารอยนิ้วมือบนปิ่นปักผมและบนกระจกใสอย่างถี่ถ้วน จนได้คำตอบที่ชัดเจน
“ทูลฝ่าบาท รอยนิ้วมือส่วนใหญ่เป็นของคุณหนูรองจางกับสาวใช้พะยะค่ะ แต่ทว่ามีรอยนิ้วมือแฝงของคุณหนูใหญ่จางเซียวหรูแทรกมาแทนที่ เป็นรอยนิ้วมือเมื่อไม่นานมานี้พะยะค่ะ” ขันทีประจำพระองค์กราบทูล เขากับทหารช่วยกันนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อเบื้องพระพักตร์ให้หานฮ่องเต้ทรงพิจารณาอีกครั้ง
“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วยจางเซียวหรู ที่บังอาจลักขโมยสิ่งของพระราชทานเช่นนี้ไป จิตใจร้ายกาจยิ่งนัก!” หลิวฮองเฮาทรงตบโต๊ะเสียงดัง สายพระเนตรดุจ้องมาที่จางเซียวหรูราวกับต้องการประหารยิ่งนัก
จางเซียวหรูปฏิเสธพัลวัน “มะ หม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ หม่อมฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ!”
หลี่ฮูหยินกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา นางคุกเข่าวิงวอนต่อหานไทเฮาและฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ไทเฮา ฮองเฮา เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่นอน ขอทรงตรวจสอบอีกครั้งด้วยเถิดเพคะ!”
จางอวิ๋นซีคิดแล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นนางจึงเตรียมแผนสำรองเอาไว้จัดการด้วยอย่างไรล่ะ
“ข้าคิดแล้วเชียวว่าท่านแม่รองจะต้องพูดเช่นนี้ พี่หญิงใหญ่กับท่านแม่รองรู้เห็นเป็นใจกันลักขโมยของสำคัญของข้า ข้าจึงมีเรื่องบางเรื่องที่จะกราบทูลให้ทั้งสามพระองค์ทรงพิจารณาอีก” จางอวิ๋นซีแสร้งเอ่ยด้วยใบหน้าน่าสงสารยิ่งนัก
หานไทเฮาทรงพิจารณาปิ่นปักผมนั้นอย่างละเอียด จึงพบว่ามีบางสิ่งที่หายไปจากปิ่นนั้น!
“ไข่มุกราตรีที่ข้าประดับไว้บนปิ่นนี้หายไป!” หานไทเฮาทรงกล่าวเสียงดัง จางอวิ๋นซีลอบยิ้มนางเอ่ยขึ้นมาว่า
“แค่เพียงพิสูจน์รอยนิ้วมือก็ยังไม่อาจเป็นหลักฐานได้ ไข่มุกราตรีที่หายไปจะต้องอยู่กับคนร้ายที่ขโมยไปแน่นอนเพคะ” จางอวิ๋นซีเอ่ย
