บทที่ 24 8.3 บุรุษผู้อบอุ่น
“คืนแต่งงานของเรา เจ้าไม่รอดแน่” หานไท่หยางแค่นยิ้ม สายตาเบนมองไปหานอี้ที่ยืนตะลึง พร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะของหานไท่หยาง ต่อพี่ชายต่างมารดา หานอี้แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา
มาทั้งชีวิตแล้ว และจะไม่มีวันแย่งไปได้อีกเด็ดขาด!
เมื่อได้สติ จางอวิ๋นซีมองหานไท่หยางด้วยความโกรธ นางอยากจะฆ่าเขาจนแทบกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่แล้ว แต่เหตุใดเขาจึงยิ้มเย้ยนางราวกับผู้มีชัยชนะเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจนัก! นางหันมากล่าวขออภัยต่อหานอี้
“หม่อมฉันขออภัยท่านอ๋องใหญ่ด้วยเพคะ ทำให้พระองค์ลำบากพระทัยแล้ว” นางก้มศีรษะขออภัยต่อหานอี้ ขณะที่มือของหานไท่หยางเข้ามาโอบเอวนางแนบชิดเอาไว้อย่างหวงแหน
หานไท่หยางนี่หยาบคายอย่างไม่มีที่ติจริงๆ
หานอี้มิได้ตอบสิ่งใด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ น้อมรับคำขอโทษของอีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว
ต่อให้จางอวิ๋นซียืนกรานว่าจะกลับจวนคนเดียว แต่หานไท่หยางนั้นดันรู้จุดอ่อนของนางว่านางนั้นปีนกำแพงหลบหนีออกมาจากจวน หากบิดาทราบเข้าคงไม่แคล้วต้องโดนลงโทษหนักอย่างแน่นอน หานไท่หยางจึงอาสาเดินทางมาส่งนางถึงจวนด้วยตนเอง
แต่ทว่าระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังกลับจวนสกุลจางนั้น กลับมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ หญิงชราผู้หนึ่งเกิดเป็นลมแดดขึ้นมากะทันหัน จางอวิ๋นซีด้วยจรรยาบรรณแพทย์ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของหญิงชราที่นอนหมดสติอยู่นั้น
“หลบๆ” หญิงสาวใช้มือปัดไล่ผู้คนที่ยืนรุมล้อมหญิงชราผู้นั้นออกไปให้ห่าง นางนั่งลงข้างๆ ร่างที่หมดสติของหญิงชราแล้วก้มลงใช้ใบหูแนบกับอกซ้ายเพื่อฟังอัตราการเต้นของหัวใจ หานไท่หยางทรุดนั่งลงข้างๆ นาง มองนางที่ทำท่าทางแปลกพิกลนักแต่ก็มิได้เอื้อนเอ่ยถามสิ่งใด
“หัวใจยังคงเต้นอ่อนๆ...” หญิงสาวเอ่ย นางรีบจับชีพจรที่คอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น หานไท่หยางมองนางด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย นัยน์ตาแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้ที่มิอาจมองออก
จางอวิ๋นซีถกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว นางฉีกชายกระโปรงฮั่นฝูมาทำเป็นผ้าเช็ดหน้า สองฝ่ามือประสานกันกดทาบทับบริเวณตำแหน่งใกล้เคียงหัวใจ พลางกดฝ่ามือนั้นลงไปอยู่สองถึงสามทีสลับกับแนบใบหูฟังเสียงหัวใจเต้น
“เจ้ากำลังทำสิ่งใด” หานไท่หยางถาม
จางอวิ๋นซีตอบน้ำเสียงเหนื่อยหอบ “ท่านตามหมอมาที!”
หานไท่หยางหันหน้าไปทางเฉินหรงให้ทำตามที่นางต้องการ
ในเวลาไม่นานนัก เฉินหรงก็ไปตามหมอจากโรงหมอยาผู้หนึ่งมา เฉินหรงช่วยประคองร่างของหญิงชราผู้นั้นเข้าไปนั่งพักใต้ร่มไม้
“เมื่อสักครู่เจ้ากำลังทำสิ่งใด” หานไท่หยางถามย้ำอีกครั้ง
“อะ อ๋อ เขาเรียกว่าการทำซีพีอาร์2 น่ะ เป็นวิธีการช่วยกระตุ้นหัวใจที่เต้นอ่อนแรงให้กลับมาทำงาน” จางอวิ๋นซีตอบ หลังจากส่งร่างของอีกฝ่ายให้กับหมอที่เพิ่งเดินทางมาถึง
หานไท่หยางไม่เข้าใจภาษาที่นางกำลังกล่าว
อ๋องหนุ่มถาม “ซีพีอาร์?”
หญิงสาวนึกอยากเขกหัวตัวเองกะทันหัน นางลืมไปได้อย่างไรว่าตอนนี้นางมิได้อยู่ในโลกปัจจุบัน นางอยู่ในโลกยุคโบราณที่เทคโนโลยีการแพทย์ตะวันตกยังเข้าไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ นางจึงอธิบายเป็นภาษาอย่างง่ายให้อีกฝ่ายฟัง
“คือการกระตุ้นให้หัวใจที่เต้นอ่อนแรงกลับมาทำงานอีกครั้ง ถือเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่หมอจะมาถึง” จางอวิ๋นซีอธิบายอย่างง่ายๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ
จางอวิ๋นซีเดินเข้าไปหาหมอกับหญิงชราผู้นั้น นางถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณคุณหนูรองจางมากเจ้าค่ะ ถ้าหากมิได้ท่านข้าคงแย่ไปนานแล้ว” หญิงชรากล่าวขอบคุณพลางหายในเหนื่อยหอบ
“อาการแบบท่านป้าเรียกว่าลมแดดเจ้าค่ะ พักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำตามเยอะๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการลมแดดได้ ยามออกแดดอย่าสวมเสื้อผ้าหนาเกินไป เพราะจะทำให้ความร้อนสะสมในร่างกายเยอะจนเป็นลมได้อีก” จางอวิ๋นซีนางจับมือหญิงชราผู้นั้นให้กำลังใจก่อนจะปลีกตัวออกมา นางมุ่งหน้าเดินกลับจวนทันที มิสนใจหานไท่หยาง
“จะตามไปส่งนางดีหรือไม่พะยะค่ะท่านอ๋อง” เฉินหรงถามไปยิ้มไป
หานไท่หยางหันมามองเฉินหรงตาขวาง แต่สุดท้ายก็เดินตามนางไป
จางอวิ๋นซีพยายามก้าวเท้าเดินหนีจากหานไท่หยางให้เร็วที่สุด ให้ตายสิ! นี่นางกำลังจะกลับบ้านนะ เหตุใดต้องเดินตามมาคุมตัวนางราวกับนางเป็นนักโทษกันด้วย
นางหยุดเดิน อีกฝ่ายก็หยุดเดินตาม
เมื่อถูกนางหันมามอง หานไท่หยางก็ทำราวกับตนเองชมนกชมไม้รอบๆ หมายจะยั่วโมโหนาง
หญิงสาวเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อเห็นท่าทีแสร้งกวนโทสะนางจึงพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ แล้วรีบกลับจวน นางลุ้นนักว่ากลับไปจางเยี่ยนจะหาเหตุอันใดมาลงโทษนาง แค่เพียงเพราะว่านางแอบหนีออกจากจวนไม่ยอมถูกกักบริเวณ
หญิงสาวเดินกลับมาถึงจวนในเพลาไม่นาน พ่อบ้านมู่ยืนรอรับอยู่ทางเข้าประตูจวน แต่ทว่าฮูหยินรองหลี่กับจางเซียวหรูมายืนขวางหน้านางเอาไว้ พร้อมกับสายตาและรอยยิ้มเยาะเย้ย ส่วนหานไท่หยางได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ
“รีบกลับมารับโทษรึ? ช่างรู้งานราวกับสุนัขเสียจริง ฮ่าๆ” คำพูดกระทบกระเทียบของจางเซียวหรู แม้จางอวิ๋นซีจะไม่พอใจ แต่นางจะไม่ยอดลดตัวมาเกลือกกลั้วกับคนพวกนี้เด็ดขาด นางกำลังจะกลายเป็นพระชายาในหานไท่หยางอีกไม่นาน นางควรทำตัวหยิ่งผยองให้คนพวกนี้อิจฉาตาร้อนเสียหน่อย
“ข้าเองก็สงสัยนัก พี่หญิงกินสิ่งใดเข้าไปหนอถึงได้เป็นดั่งคำว่าเชื้อโรคเข้าทางปาก เคราะห์ร้ายเพราะปากไม่ดี” จางอวิ๋นซีเหยียดยิ้มที่
มุมปากอย่างสะใจ แม้กระทั่งพ่อบ้านมู่แอบสะใจเล็กๆ
