บทที่ 26 9.1 อภิเษกสมรส
หานไท่หยางวางร่างของจางอวิ๋นซีอย่างแผ่วเบา ราวกับรักหยกถนอมบุปผายิ่งนัก หญิงสาวนั่งตัวแข็งทื่อภายในใจรู้สึกขัดเขินอย่างหนัก นางทำตัวไม่ถูกนักเมื่อบุรุษที่นางไม่อยากแต่งงานด้วยทำดีกับนางถึงเพียงนี้ หรือนี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริง ภายใต้หน้ากากที่เย็นชา
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” นางก้มศีรษะพลางกล่าวขอบคุณ
หานไท่หยางตีหน้าขรึม กล่าวด้วยน้ำเสียงดุ “เจ้าเป็นว่าที่พระชายาเอกของข้า ข้าไม่อยากให้มีข่าวเสื่อมเสียก่อนเจ้าจะแต่งเข้าตำหนัก”
หมดกัน..! คำชื่นชมเมื่อสักครู่นางขอถอนคืนได้หรือไม่?!
“เพคะ หม่อมฉันย่อมรู้ดีว่าท่านอ๋องไม่เต็มใจช่วยหม่อมฉันหรอก” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแกมประชดประชัน
“ขอบพระทัยท่านอ๋องนักเพคะ ที่พาซีเอ๋อร์มาส่งถึงเรือน” จางฮูหยิน ย่อกายคำนับอย่างนอบน้อม หานไท่หยางก้มศีรษะรับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะมาคุยเรื่องสินสอดทองหมั้น แต่เห็นทีวันนี้คงไม่สะดวกเสียแล้ว เชิญฮูหยินใหญ่กับไท่ฮูหยินตามสบายเถิด” หานไท่หยางกล่าวแล้วเดินออกจากเรือนของหญิงสาวว่าที่พระชายา โดยมีหรูหรงกับพ่อบ้านมู่เดินออกไปส่งหน้าจวน
จางฮูหยินกับไท่ฮูหยินน้อมส่งหานไท่หยาง หลังจากนั้นจึงเข้ามาดูจางอวิ๋นซีด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างซีเอ๋อร์” จางฮูหยินถามด้วยความเป็นห่วง
นางยิ้มให้กับมารดา “ข้าไม่เป็นอะไรมากเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านย่า”
“ดีนะที่ท่านอ๋องมาช่วยเจ้าเอาไว้ หาไม่แล้วเจ้าลูกอกตัญญูของข้าคงหาทางลงโทษเจ้าไม่มีสิ้นสุด” ไท่ฮูหยินเอ่ยอย่างเจ็บใจ บุตรชายของนางโง่เขลานักที่หลงเล่ห์กลมารยาของหลี่ฮูหยินจนแทบไม่ลืมหูลืมตา ส่วนจางเซียวหรูผู้เป็นหลานสาวนั้นก็กระไรนัก อิจฉาได้แม้กระทั่งน้องสาวในไส้ของตนเอง
จางอวิ๋นซีกุมมือไท่ฮูหยิน “หลานไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าค่ะท่านย่า อีกไม่นานหลานก็จะเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องแล้ว ท่านย่าอย่าได้กังวลเลยเจ้าค่ะ”
“ซีเอ๋อร์ของย่า” ไท่ฮูหยินลูบหัวหลานสาวสุดที่รักอย่างรักใคร่
แค่เพียงนึกถึงภาพที่นางโดนลงโทษอย่างไร้เหตุผล โทสะของหานไท่หยางพลันคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง หากไม่ติดว่าจางเยี่ยนและจางฮูหยินผู้เป็นท่านน้าของเขา มีความสัมพันธ์อันดีกับหลิวฮองเฮาผู้เป็นมารดามานาน เขาจะสังหารจางเยี่ยนทิ้งเสีย!
ไม่รู้เหตุใดที่เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเพราะนาง หัวใจของเขาที่
ไม่เคยมีสตรีใดเข้ามา แต่บัดนี้กลับค่อยๆ เปิดรับจางอวิ๋นซีเข้ามาทีละนิด สตรีขี้โรคหน้าตาอมทุกข์ที่เขาเคยรู้จักตั้งแต่เยาว์วัย ตอนนี้นางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แต่ท่าทีของนางที่เปลี่ยนไปนี้กลับทำให้หัวใจของเขาที่แห้งผาก กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง
“ท่านอ๋องจะให้กระหม่อมจัดการคนพวกนั้นหรือไม่พะยะค่ะ” เฉินหรงถามผู้เป็นนายจากการคาดเดาอารมณ์ ท่านอ๋องของเขาอารมณ์เสียนับตั้งแต่เหตุการณ์ว่าที่พระชายาถูกลงโทษ ตั้งแต่อยู่ในจวนสกุลจางแล้ว
หานไท่หยางสั่งกับเฉินหรง “ไปสืบมาให้หมดใครกันบ้างที่เคยทำร้ายว่าที่พระชายาของข้า สืบมาให้หมดทุกคนแม้กระทั่งหมาแมวก็ห้ามละเว้น!”
เฉินหรงประสานมือน้อมรับพระบัญชา “พะยะค่ะ”
หลังจากน้อมรับพระบัญชาแล้วเฉินหรงก็เร่งสืบทันที
ใครที่เคยทำร้ายหรือรังแกว่าที่พระชายาของเขา เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่!
อึก!
หานไท่หยางเอามือกุมสะบักไหล่ซ้ายด้วยความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมา ความเจ็บปวดจากบาดแผลยาพิษเมื่อครั้งเยาว์วัย ก่อกำเนิดเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันจางหายไป ขันทีคนสนิทอย่างหลินกงกงรีบกุลีกุจอเข้ามาดูพระอาการด้วยความเป็นห่วง
หลินกงกงกำลังจะสั่งนางกำนัลให้ไปตามหมอหลวงมา แต่หานไท่หยางปรามเอาไว้ก่อน
“หากให้หมอหลวงมา พระมารดากับเสด็จย่าต้องทราบอาการเจ็บป่วยของข้าเป็นแน่ ปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด” หานไท่หยางสั่งเสียงดุ พลางส่งสายตาเตือนหลินกงกง
หลินกงกงกระอักกระอ่วนใจนัก นับตั้งแต่กลับมาจากศึกทางตอนเหนือที่ตำบลซ่างจิ่ง อาการบาดเจ็บของหานไท่หยางดูจะไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำอาการยังแย่ลงกว่าเดิมนัก เรื่องนี้มีเพียงแค่หลินกงกงกับเฉินหรงเท่านั้นที่ทราบดี
วังหลวงเป็นสถานที่ที่อันตรายมากมาย เบื้องลึกเบื้องหลังเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก สนมนางในมากมายต่างหมายจะให้โอรสตนเองเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ตอนนี้หานไท่หยางได้รับการเพ่งเล็งเป็นพิเศษจากบรรดาพระเชษฐาและพระอนุชาที่ถือกำเนิดจากพระสนมแต่ละองค์ หากเขาเดินหมากก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียวชีวิตอาจถึงจุดจบ
“วังหลวงเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงอำนาจมากมาย อาการป่วยของข้าห้ามให้ใครทราบเด็ดขาด หากมีคนรู้นอกเหนือจากเจ้ากับเฉินหรงก็จงสังหารเสีย อย่าให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”หานไท่หยางกำชับเสียงหนักแน่น
หลินกงกงหนักใจนัก แต่ก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ได้ “พะยะค่ะ”
อ๋องหนุ่มหยิบยาเม็ดลูกกลอนจากในอกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะกลืนลงคออย่างรวดเร็วและดื่มน้ำชาตามลงไป แม้บาดแผลภายนอกจะเจ็บปวดมากเพียงใด แต่หานไท่หยางไม่มีวันแสดงความเจ็บปวดออกมาเด็ดขาด
