บทที่ 29 9.4 อภิเษกสมรส
“คุณหนู เปิดผ้าม่านไม่ได้นะเจ้าคะ” หรูหรงเตือนเจ้านายตนเองเบาๆ
“ข้าแค่อยากดูบรรยากาศรอบๆ เท่านั้นล่ะ” นางไม่สนใจคำเตือนของหรูหรง แต่กลับมองบรรยากาศภายนอกผ่านผ้าคลุมใบหน้าสีแดงสดด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะตัดสินใจเปิดผ้าคลุมขึ้นมาเล็กน้อยจนหรูหรงตกใจ
“ไม่ได้นะเจ้าคะ! หากฮูหยินรู้เข้าบ่าวโดนต่อว่าแน่เจ้าค่ะ” หรูหรง กล่าวพลางถือวิสาสะถึงผ้าคลุมหน้าของเจ้านายตนเองลง แล้วผลักอีกฝ่ายเบาๆ เข้าไปในรถม้าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก จางอวิ๋นซีจึงได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างสุดแสนจะเบื่อนัก
เวลาเพียงไม่นาน ขบวนรถม้าของจางอวิ๋นซีก็มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าวังหลวงที่ปูพรมแดง พอดีกับขบวนของหานไท่หยางที่มาถึงพร้อมกับนาง อ๋องหนุ่มสอดสายตามองหานางผู้นั่งอยู่ในขบวนรถม้าอย่างสนใจ
บริเวณหน้าวังจนถึงแท่นปะรำพิธีถูกปูด้วยพรมแดงอย่างยิ่งใหญ่ หานไท่หยางมาหยุดยืนรอจางอวิ๋นซีที่หน้าประตูวัง ตามธรรมเนียมแล้วนั้นเขาควรไปจูงมือผู้เป็นเจ้าสาวลงมาจากรถม้า แต่ทว่าเขากลับเขินอายเกินกว่าจะทำเรื่องอ่อนโยนเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่นได้ เขายืนหยุดรอนางที่หน้าประตูวังด้วยท่าทีนิ่งสงบ
จางเยี่ยนจูงมือจางอวิ๋นซีมาส่งให้กับหานไท่หยางหน้าประตูวัง
ซึ่งฮ่องเต้ หลิวฮองเฮาและไทเฮา รวมถึงเหล่าบรรดาพระสนมและองค์ชายต่างยืนรอทั้งคู่ในลานพิธี ความงดงามของจางอวิ๋นซีนั้นอ๋องหนุ่มสัมผัสได้ถึงความงดงามที่ทะลุผ่านผ้าม่านคลุมหน้านั้นออกมา แม้นางจะคลุมใบหน้าด้วยผ้าม่านสีแดงสด แต่ความงดงามกลับมิอาจถูกบดบังได้เลย
ทั้งหานไท่หยางและจางอวิ๋นซีต่างอยู่ในอาการต่างฝ่ายต่างตกตะลึงกันและกัน
“ท่านอ๋อง จูงมือพระชายาเข้าแท่นปะรำพิธีพะยะค่ะ” หลินกงกงกระซิบเตือน อ๋องหนุ่มยื่นมือมาข้างหน้าหญิงสาว จางอวิ๋นซียื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือของเขาอย่างว่าง่ายก่อนที่ทั้งสองจะเดินอย่างช้าๆ ก้าวสู่ปะรำพิธี
เสียงบรรเลงจากกองดนตรีหลวงในวังดังสอดประสานกันเป็นจังหวะ เหล่าพระสนม องค์ชายและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย รวมถึงเหล่าขุนนางต่างมองพวกเขาทั้งสองอย่างชื่นชม จางอวิ๋นซีแต่เดิมแม้จะมีใบหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่ทว่ากลับงดงามเหนือสตรีอื่นใด ส่วนหานไท่หยางนั้นแม้ใบหน้าจะฉาบไปด้วยกลิ่นอายแห่งความดุดัน แววตาดุร้ายคมปลาบดั่งพญาอินทรีย์ ร่างกายสูงใหญ่และไหล่กว้างดุจภูผาทำให้จางอวิ๋นซีผู้เป็นว่าที่พระชายาดูตัวเล็กร่างบางไปโดยปริยาย
จางอวิ๋นซีเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของหานไท่หยาง ยามนางเดินเคียงข้างเขานั้นไม่ต่างกับมดตัวเล็กๆ เลยสักนิด
‘บ้าเอ๊ย! นี่มันเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลชัดๆ!’ จางอวิ๋นซีคิด
ยามนั้นที่เขาอุ้มนางไปส่งที่เรือนนางก็ว่าเขาตัวสูงใหญ่มากแล้ว ยิ่งเมื่อได้ยืนมองใกล้ๆ นางยิ่งรู้สึกประหม่ายิ่งนัก
กรมพิธีการจัดเตรียมลำดับขั้นตอน โดยเริ่มจากให้คู่บ่าวสาวนั้นคำนับฟ้าดินถึงสามครั้ง โดยทุกอย่างในพิธีการแต่งงานนั้นถูกดำเนินการตามธรรมเนียมทุกอย่างอย่างถูกต้อง ซึ่งใช้เวลานานมากพอสมควรเกือบตะวันตกดิน
หลังจากพิธีแต่งงานของทั้งคู่ผ่านไป ก็เป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองมงคล จางอวิ๋นซีนั่งเคียงข้างกับหานไท่หยางลำดับถัดมาจากฮองเฮา ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยถูกปรนนิบัติดีๆ เช่นนี้มาก่อน อาหาร ขนมและสุราเลิศรสมากมายถูกนำมาวางเรียงต่อหน้า นางมองอาหารอันโอชะของตนเองพลางคิดถึงยุคปัจจุบัน ยุคที่นางต้องทำงานเป็นแพทย์แผนกฉุกเฉินเกือบทั้งวันทั้งคืน วันเวลาที่จะได้กินอาหารเลิศรสนั้นมีน้อยมากนัก ป่านนี้ไม่รู้ว่าร่างที่จางอวิ๋นซีคนเก่าเก็บรักษาเอาไว้ให้จะเป็นอย่างไรบ้าง
งานเลี้ยงมงคลจบลงไปในหนึ่งชั่วยามก็เป็นฤกษ์มงคลส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอเสียที หานไท่หยางรอเวลานี้มาเนิ่นนานนัก! แต่จางอวิ๋นซีนั้นประหม่านัก ช่วงเวลาแห่งการเข้าหอนางนั้นไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ สำหรับสาวโสดจากยุคปัจจุบันวัยสามสิบปีอย่างเธอที่ต้องมาเข้าหอแต่งงานครั้งแรก!
