บทที่ 30 10.1 เข้าหอ

ขบวนรถม้าของหานอ๋องไท่หยางและจางอวิ๋นซีขับเคลื่อนมาหยุดที่หน้าวังของหานไท่หยาง ตลอดเส้นทางที่ทั้งสองนั่งรถม้าคันเดียวกันมาถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตื่นเต้นสำหรับการอภิเษกสมรสที่เพิ่งผ่านพ้นไป และในยามราตรีนี้คือฤกษ์แห่งการเข้าหอที่ทางราชครูของวังหลวงได้คำนวณฤกษ์ยามเอาไว้แล้ว

หานไท่หยางลอบมองว่าที่พระชายาของตนเองเพียงนิดเดียว แม้ใบหน้าของนางจะถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีแดง แต่ความงดงามกลับเปล่งประกายชัดเจนยิ่งนัก เขานั้นรู้สึกว่านางงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเขาแทบไม่เคยสนใจนางด้วยซ้ำ แต่นับจากวันนั้นที่เจอกันในตลาด นางกลับมีอิทธิพลในหัวใจของเขายิ่งนัก

รถม้าของทั้งสองเคลื่อนมาหยุดที่วังของหานไท่หยางอย่างรวดเร็ว อ๋องหนุ่มเดินลงจากรถม้า โดยมีหลินกงกงคอยประคองลงจากรถม้า ก่อนจะหันมาหาจางอวิ๋นซีที่เดินออกมาพร้อมกับชุดแต่งงานที่ยาวรุ่มร่ามจนนางเกือบสะดุดล้มตกจากรถม้า

“ว้าย!” จางอวิ๋นซีเกือบสะดุดอาภรณ์ของตนเองตกรถม้า หานไท่หยางรีบประคองนางด้วยความเป็นห่วงอย่างลืมตัว หลินกงกงและนางกำนัลต่างก้มหน้าซุกซ่อนรอยยิ้มของตนเองกับกิริยาของท่านอ๋อง

จางอวิ๋นซีกอดคอหานไท่หยางแน่นอย่างกลัวตก นางหลับตาปี๋อย่างตกใจ หากนางล้มคะมำตกจากรถม้าหาร้านศัลยกรรมหน้าไม่ได้แน่

หานไท่หยางช้อนร่างของนางขึ้นแนบอกเบาๆ เหมือนดั่งที่เคยทำเมื่อครั้งอยู่จวนสกุลจาง หญิงสาวร้อง

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ” นางร้องเตือนเบาๆ ผ่านผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้างดงาม

อ๋องหนุ่มไม่กล่าวตอบ เขากระชับร่างของนางให้แน่นขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ห้องบรรทมของตนเองในตำหนักใหญ่ของวัง ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่ยิ้มดีใจกับท่าทีของผู้เป็นนายที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน หลินกงกงกับเฉินหรงรีบตามไปพร้อมกับนางกำนัลคนอื่นๆ

อันที่จริงคู่บ่าวสาวจำเป็นต้องเดินเข้าเรือนหอร่วมกัน แต่หานไท่หยางนั้นกลับอุ้มนางเข้าเรือนหอแทน หัวใจของจางอวิ๋นซีกระตุกเต้นไม่เป็นจังหวะยามทอดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของอีกฝ่ายผ่านผ้าคลุม ยิ่งดูใกล้ๆ เขาหล่อเหลาเอาการนัก!

หลินกงกงเปิดประตูเรือนหออย่างรู้งาน ส่วนกูกูใหญ่ของวังก็รีบจัดสุรามงคลมาให้คู่บ่าวสาวในคืนเข้าหอ

หานไท่หยางวางร่างของชายาตนเองลงแล้วหันไปสั่งกับกูกูอาวุโสและหลินกงกง

“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจัดการเอง!” หานไท่หยางสั่งเสียง

เข้ม หลินกงกง หยางกูกูและนางกำนัลจึงทยอยกันออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม อำนวยความสะดวกให้กับเจ้านายและพระชายา

หลังจากได้อยู่กันเพียงลำพัง หานไท่หยางทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ หญิงสาวที่นั่งตัวสั่นเทาอย่างประหม่า แม้ใบหน้าของเขาจะดูเรียบเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึกใด แต่ทว่าในใจนั้นแสนประหม่าระคนตื่นเต้นยิ่งนัก

หลังจากผ่านสามหนังสือหกพิธีการ4 แล้ว เพลานี้คือฤกษ์การเข้าหอดื่มสุรามงคลที่สุด แต่ทว่าคู่บ่าวสาวทั้งสองกลับนั่งนิ่งสงบในเรือนหอที่ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าม่านสีแดง พืชพรรณมงคลบนเตียงอย่างงดงาม หลินกงกงหลังจากที่ถูกไล่ออกไปก็จำเป็นต้องมารินสุราให้คู่บ่าวสาว ท่านอ๋องและพระชายาของพวกเขา

จางอวิ๋นซีนั่งกำมือด้วยความประหม่า แต่ทว่าหานไท่หยางกลับสังเกตอาการประหม่าของนางออก เขาเลิกผ้าคลุมหน้าสีแดงของนาง เผยให้เห็นโฉมหน้างดงามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน โฉมหน้างดงามที่ติดตาตรึงใจเขามาตลอด

ยามนี้ราวกับเหมือนความฝัน ยอดโฉมงามที่เขาแทบไม่เคยสนใจ แต่จู่ๆ กลับรู้สึกสนใจในตัวนางขึ้นมาราวกับศรรักปักใจ จางอวิ๋นซีจึงทำใจกล้าเงยหน้าสบตาคมของเขา

ตึกตักๆ

หัวใจของทั้งสองเต้นระรัวยามสบตากันและกัน จางอวิ๋นซีนางยิ่งรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม หานไท่หยางส่งสายตาให้กับหลินกงกงเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเคยสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ และแน่นอนว่าหลินกงกงทำให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“มาดื่มสุรามงคลเถิด” หานไท่หยางส่งจอกสุราให้กับนางผู้นั่งนิ่งเงียบ

“เอ่อ คือ ข้าดื่มสุราไม่เป็น” เป็นเรื่องจริงที่หญิงสาวคออ่อนต่อสิ่งมึนเมายิ่งนัก สุรามงคลนี้ส่งกลิ่นแรงจนนางอยากจะอาเจียน หญิงสาวเบือนหน้าหนีเมื่อกลิ่นของสุรามงคลนี้ลอยมาเตะจมูกนาง

“เจ้าจำเป็นต้องดื่ม หากไม่ดื่มแล้วถือว่าการแต่งงานระหว่างเรายังไม่สมบูรณ์” หานไท่หยางเอ่ยแกมบังคับ

แล้วใครเขาอยากแต่งงานกับนายกันล่ะอีตาบ้า นางก่นด่าเขาในใจ แต่นั่นล่ะนางทำได้แค่ก่นด่า บ่นว่าเขาในใจจริงๆ นางไม่รู้หรอกว่าภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา แต่ท่าทีเย็นชาแผ่รังสีอำมหิตนี้เขาจะเก็บซ่อนความโหดร้าย ป่าเถื่อนเอาไว้อย่างไร

หญิงสาวหยิบจอกสุราขึ้นมาดมนิดๆ เมื่อก่อนนางเคยดูละครว่าตัวร้ายนั้นมักจะใส่ยาปลุกกำหนัดให้กับนางเอก แล้วหลอกปลุกปล้ำนางเอกเพื่อบังคับให้มาแต่งงานกับตน แล้วถ้าหากหานไท่หยางเป็นเช่นนั้นล่ะ?

หญิงสาวพยายามสลัดหัวไล่ความคิดออกไป ตอนนี้เป็นโลกยุคโบราณ อีกทั้งหานไท่หยางเป็นถึงอ๋องก็ย่อมต้องมีศักดิ์ศรีของราชวงศ์อยู่บ้าง เขาคงไม่ทำเช่นนั้นกับนางหรอกกระมัง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป