บทที่ 9 4.1 เรื่องวุ่นวายในตลาด
จางอวิ๋นซีเดินเที่ยวตลาดในเมืองหลวงแคว้นหานอย่างสบายใจ หลังจากที่ได้สั่งสอนจางเซียวหรูกับคนที่เคยทำร้ายเจ้าของร่างนี้ในอดีต
“เมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้ มีแค่ตลาดของชาวเมืองแค่นั้นหรือ” จางอวิ๋นซีถาม ตามประวัติศาสตร์จีนโบราณนั้นแต่ละแคว้นเริ่มมีการติดต่อกับชาติตะวันตก และวิทยาการการแพทย์แบบตะวันตกน่าจะเริ่มเข้ามาอย่างแพร่หลายบ้างแล้ว
“อยู่นอกตลาดนี้ออกไป เป็นท่าเรือและตลาดสินค้าใหญ่จากพ่อค้าชาวตะวันตกและพ่อค้าชาวต่างชาติเจ้าค่ะคุณหนู ฝ่าบาททรงมีนโยบายการค้าแบบเสรีกับต่างชาติไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าค่ะ” หรูหรงอธิบาย
จางอวิ๋นซีครุ่นคิดสักครู่หนึ่งแล้วถาม
“แสดงว่าการแพทย์ของพวกฝรั่งก็เริ่มเข้ามาแล้วน่ะสิ”
หรูหรงยิ้ม “เจ้าค่ะ แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับแบบแพร่หลายมากนัก”
“ทำไมล่ะ” จางอวิ๋นซีถามด้วยความสงสัย
“เนื่องจากพวกเราคุ้นเคยกับการรักษาแบบปัจจุบันมากกว่าเจ้าค่ะ อีกทั้งพวกฝรั่งเหล่านี้มียามากมายที่พวกเราไม่คุ้นเคยกัน” หรูหรง กล่าวเท่าที่นางรู้เพียงเท่านั้น
“แบบนี้ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ก็รักษาด้วยสมุนไพรประคับประคองตามอาการเท่านั้นน่ะสิ แย่จัง” จางอวิ๋นซีบ่นอย่างแสนเสียดาย วิทยาการแบบตะวันตกมีการรักษาที่ก้าวหน้ามากมาย การรักษาย่อมเห็นผลข้างเคียงน้อยกว่าและให้ผลการตอบสนองหลังการรักษาที่ดีกว่ามาก เห็นทีมายุคนี้ นางมีอะไรสนุกๆ ให้ทำอีกแล้วล่ะ
“ข้าอยากไปตลาดของพวกฝรั่งต่างชาติ เราไปกันเถิด” จางอวิ๋นซีจูงมือหรูหรงแล้วลากพาอีกฝ่ายไปตลาดค้าขายของพวกฝรั่ง ซึ่งก็มีพวกสตรีและขุนนางชั้นสูงมาเดินจับจ่ายซื้อของที่นี่เช่นกัน
หานไท่หยางหรือ ‘อ๋องไท่หยาง’ พระราชโอรสองค์รองในฮ่องเต้และพระราชโอรสองค์ใหญ่ในหลิวฮองเฮา ซึ่งบัดนี้กลับมาจากศึกปราบกบฏที่ชายแดนเหนือตำบลซ่างจิ่ง กำลังควบม้าเล่นในตลาดของแคว้นหานหลังจากกรำศึกมาเนิ่นนาน
เนื่องด้วยวันพรุ่งนี้คือวันพระราชสมภพของไทเฮาผู้เป็นเสด็จย่า เขาจำเป็นต้องรีบกลับมาร่วมงานถวายพระพรให้ทัน
“ไม่กี่เดือน บ้านเมืองเราครึกครื้นขนาดนี้เชียวรึ” ไท่หยางกล่าวกับองครักษ์ข้างกายซึ่งควบม้ามาคู่กัน
‘เฉินหรง’ องครักษ์คนสนิทที่รับใช้ข้างพระวรกายหานไท่หยางมาตั้งแต่เมื่อครั้งศึกที่แคว้นเยว่กล่าวขานรับ
“พะยะค่ะ ฝ่าบาททรงปรารถนาส่งเสริมการค้ากับพวกพ่อค้าตะวันตกและชาวเปอร์เซีย จึงทรงมีนโยบายเปิดการค้าอย่างเสรีกับพวกเขา รวมถึงการแพทย์แบบตะวันตกที่เริ่มเข้ามาแล้วพะยะค่ะ”
“แต่น่าเสียดายนักที่ไม่ค่อยได้รับการส่งเสริมมากเท่าใด ข้าเห็นว่าวิทยาการแบบพวกตะวันตกนั้นมีความก้าวหน้ากว่าชาวเรานัก จะมีประโยชน์ยิ่งต่อบ้านเมืองเรา” ไท่หยางกล่าวขณะกำลังควบม้าไปเรื่อยๆ
“ท่านอ๋อง นั่นใช่คุณหนูจางหรือไม่พะยะค่ะ” เฉินหรงกล่าวหานไท่หยางหันหน้ามองหญิงสาวที่เฉินหรงกล่าวถึง นางคือจางอวิ๋นซี สตรีที่พระมารดากับ
เสด็จย่าทรงโปรดปรานนัก
นานมากแล้วที่เขากับนางไม่ได้พบกัน...
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า หาใช่จางอวิ๋นซีผู้ชอบทำสีหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่เป็นสตรีที่กำลังเดินยิ้มระรื่นจับจ่ายซื้อของจากพวกชาวต่างชาติกับสาวใช้ของนาง ภาพรอยยิ้มอันงดงามที่หานไท่หยางไม่เคยได้เห็นจากนาง วันนี้กลับปรากฏอย่างชัดเจนนัก เป็นรอยยิ้มที่งดงามประทับใจคราแรกนัก
“ปกตินางไม่ค่อยยิ้มเท่าใด ทุกครั้งที่กระหม่อมเคยเจอนาง เมื่อครั้งมาเมืองหลวง นางมักจะมีสีหน้าราวกับคนอมทุกข์ แต่วันนี้นางมาแปลกยิ่งนักพะยะค่ะ” เฉินหรงเอ่ย แล้วหันมามองผู้เป็นนายที่ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลา
เง็กเซียนทรงโปรด! ท่านอ๋องของเขายิ้มเป็นหรือ?!
หานไท่หยางเป็นอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าเสือยิ้มยากนัก ทั้งชีวิตทรงตรากตรำกับการศึกสงครามมานับไม่ถ้วน ด้วยฐานะโอรสของฮองเฮาจึงจำเป็นต้องแบกรับภาระและความหวังเอาไว้มากมาย รวมถึงต้องแก่งแย่งคอยระวังเหล่าบรรดาองค์ชาย ซึ่งเป็นโอรสที่ประสูติจากพระสนมแห่งวังหลังหลายองค์ที่ต่างแย่งชิงความโปรดปรานจากฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา เพื่อตำแหน่งรัชทายาทที่ว่างเว้นมานาน
แต่หากนับตามธรรมเนียมแล้ว หากฮองเฮาทรงให้ประสูติพระโอรสนั้น พระโอรสที่ถือกำเนิดจากฮองเฮามีสิทธิ์เป็นรัชทายาทเท่านั้น ยกเว้นเสียแต่จักรพรรดิจะทรงโปรดโอรสองค์ใดมากเป็นพิเศษ
หานไท่หยางมองจางอวิ๋นซีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด นางอารมณ์ดีอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มของนางที่เขาเห็นแบบมีความสุขนี้ทำให้อ๋องหนุ่มพระทัยเต้นระรัวยิ่งนัก อ๋องหนุ่มผู้เย็นชาต่อสตรี ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นจอมอำมหิต แต่ขณะนี้กำลังมองสตรีตัวน้อยอย่างไม่วางตา
เฉินหรงมองความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนาย จึงได้แต่กลั้นยิ้มในใจ
“เราไปกันต่อเถิด” หานไท่หยางไม่อยากใส่ใจนัก เขายังควบม้าต่อไป
จางอวิ๋นซีเลือกซื้อเครื่องประดับและสมุนไพรร้านนั้นร้านนี้อย่างสนใจ เนื่องจากหรูหรงกล่าวว่าจางฮูหยินนั้นป่วยเรื้อรังมานานแล้ว แม้ว่าไทเฮาหรือฮองเฮาจะส่งหมอหลวงกี่สำนักมารักษา ก็ไม่อาจรักษาให้หายป่วยได้ นางจึงเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ เสมอมา
“คุณหนูจะไม่ถามเรื่องเทียบยากับเจ้าของร้านหรือท่านหมอฝรั่งหน่อยหรือเจ้าคะ” หรูหรงถาม นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับเทียบยามากมายที่อีกฝ่ายเลือกหยิบมา
ฉันนี่ล่ะเป็นหมอ และเป็นหมอที่เก่งมากด้วย...จางอวิ๋นซีคิดในใจ
“เอาเถิดน่า ข้ารักษาแม่ข้าได้แล้วกัน เจ้าแค่นำเทียบยาพวกนี้กลับไปที่จวนก็พอ” จางอวิ๋นซีสั่งหรูหรง
