บทที่ 3 ตอนที่ 3
กล้ามเนื้อที่สะท้อนความคมชัดอยู่ภายใต้แสงเงาของแดดยามสาย เดาได้ว่าเขาต้องออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ดวงตาคมถูกอำพรางเอาไว้ด้วยแว่นกันแดดฉาบปรอท นอนหงายเอกเขนก กางหนังสืออ่านอย่างสบายอารมณ์
ชั่วอึดใจ เขาก็คว้าขวดน้ำแร่ที่วางอยู่ข้างๆกล้องถ่ายรูป เปิดขวดกระดกดื่มแล้วเปลี่ยนอิริยาบถจากหงายเป็นคว่ำหน้า ชันข้อศอกทั้งสองข้างลงบนผืนทราย อวดแผ่นหลังบึกบึน เลื่อมลื่นไปด้วยครีมกันแดด เปิดหนังสืออ่านต่อไปโดยไม่สนใจสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
“คนไทยหรือฝรั่งวะแก” ดารินถาม ชำเลืองไปที่ชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“ไม่แน่ใจ” แม้มินตราทำทีท่าว่าไม่สนใจ แต่ก็อดที่จะแสดงความเห็นไม่ได้ เมื่อดารินถาม
จากนั้นมินตราก็พยายามไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิจากสิ่งกระตุ้นเร้าและกำลังรบกวนอยู่ในขณะนั้น รีบเบือนสายตามาที่หน้ากระดาษสีขาว ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดพร้อมๆกับการจรดปลายดินสอ เก็บรายละเอียดของภาพตรงหน้าด้วยเส้นสายรางๆเป็นรูปเป็นร่างภูเขากลางทะเลขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วย ความชำนิชำนาญ
มินตราเริ่มวาดภาพตรงหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นอีกต่อไป ทว่าเพียงชั่วอึดใจจากนั้น หญิงสาวก็ละพู่กันด้วยความฉุนเฉียว
“เฮ้ย ยัยมิน...เกิดอะไรขึ้น” ดารินทำหน้างง ชำเลืองมองเพื่อนสาวซึ่งแสดงอารมณ์กระฟัดกระเฟียดออกมา
“อีตาบ้านั่นแอบถ่ายภาพฉัน”
“จริงด้วย” ดารินหันไปเห็นในสิ่งเดียวกันกับที่เพื่อนกล่าว
“ทำยังงี้ได้ยังไง นี่มันกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวกันชัดๆ ไร้มารยาท ไม่รู้ว่าเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า” มินตราหัวเสีย สันนิษฐานถึงพฤติกรรมของชายคนนี้ไปในทางร้ายต่างๆนาๆ
“ช่างเถอะมิน อยากถ่ายก็ถ่ายไป”
“ได้ยังไง” น้ำเสียงของมินตราเอาเรื่อง เธอหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ไม้ไผ่ ก้าวยาวๆไปยังชายหาดอีกด้าน ลงส้นเท้าหนังจนน่าเป็นห่วง ดารินได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
“นี่!...คุณ” หญิงสาวเรียกด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น เมื่อก้าวเข้าไปใกล้
“ครับ” เขาขานรับ แกล้งทำหน้าซื่อ ทั้งที่ประมาณเอาจากน้ำเสียงของมินตราได้ว่าเธอไม่พอใจในการกระทำของเขาอย่างแน่นอน
“คุณกำลังทำอะไรของคุณ?” เธอย่นหน้าผาก เปิดฉากกับเขาในทันที
“เอ่อ…ก็ เห็นอยู่ว่าผมกำลังถ่ายภาพ” เขาแกล้งทำไขสือ
“ถ่ายภาพอะไร?” เธอคาดคั้น ราวกับพนักงานสอบสวน
“เอ่อ…ก็ถ่ายภาพทั่วๆไป”
“โกหก เห็นอยู่ว่าคุณแอบถ่ายภาพฉัน กรุณาหยุดถ่ายภาพฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง” เธอว่า
“เอ่อ ขอโทษครับ ถ้าเมื่อครู่ มันเป็นการรบกวนคุณ” เขายอมรับว่าแอบถ่ายภาพเธอ
“ใช่ค่ะ มันไม่ใช่แค่รบกวน แต่มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ฉันไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีใครเคยสอนมารยาทให้คุณบ้างหรือเปล่า ว่าสิ่งที่คุณทำ คือการก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของคนอื่น” เธอว่า
“ขอโทษครับ” เขาหลุบตา ทำสีหน้าเหมือนเด็กๆเมื่อถูกครูตำหนิ ทว่าสิ่งที่เธอไม่เชื่อว่าเขาสำนึกอย่างแท้จริง ก็คือประกายตาที่แลเห็นอาการล้อเลียนวูบไหวอยู่เบื้องหลังดวงตาคมกริบของเขา แต่คำขอโทษที่เขากล่าวออกมา ก็ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเริ่มคลายลง
“คุณถ่ายรูปฉันไปทำไม” มินตราลดน้ำเสียง ทว่าสีหน้ายังเครียดขรึม เอาจริง
“ก็...เอ่อ เห็นว่าคุณสวยดี” เขาตอบยิ้มๆ
มินตราส่ายหน้า นอกจากจะไม่รู้สึกปลาบปลื้มในคำชม กลับคิดว่าเขาแกล้งตีสำนวนยวนยีเสียมากกว่า ปกติมินตราไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องใครก่อน เลี่ยงได้เธอจะเลี่ยง หากครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้เธอทนไม่ได้ ถ้าจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านเลยโดยไม่ตำหนิเขา
“อย่ามาทำทะลึ่ง…แล้วก็ไม่ต้องมาชมฉัน” เธอว่า
“ชมก็ไม่ได้” เขาเถียงเบาๆ
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันว่าถ่ายรูปฉันไปทำไม”
“ตอบแล้วนี่ครับ…ก็บอกว่าคุณสวยดี”
“เก็บคำชมเอาไว้ใช้กับผู้หญิงคนอื่นเถอะค่ะ…อย่าหวังว่าฉันจะตัวลอยไปกับคำเยินยอของคุณ แล้วอย่ามาแกล้งชมเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัว”
“ที่ถ่ายรูปคุณ สาบานได้ว่าผมไม่มีเจตนาที่จะเอาไปใช้ในทางที่เสียหาย”
“แต่มันก็ไม่สมควรอยู่ดี” เธอกอดอก ไม่หลบสายตาเขา แปลกที่ชายหนุ่มตรงหน้าก็จงใจสู้สายตาเธอเช่นกัน
“ว่าแต่คุณไม่ใช่พวกโรคจิตใช่ไหม” หญิงสาวหรี่ตามองเขา
“โธ่คุณ…หน้าตาผมเหมือนคนโรคจิตตรงไหนเนี่ย” เขาเบะปาก ยักไหล่
“ไม่รู้แหละ…คนสมัยนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“แต่ผม…ใจกับหน้าตรงกันนะครับ” เขาทำน้ำเสียงทะเล้น
“กรุณาลบภาพฉันออกให้หมด...เดี๋ยวนี้”
“จะให้ลบจริงๆหรอ...” เขามองหน้าเธอ ทำน้ำเสียงต่อรอง แววตาบ่งบอกว่าเสียดายภาพเหล่านั้น
“เอามานี่” มินตรารีบคว้ากล้องมาจากมือเขา เมื่อเห็นท่าทางอิดออดของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวสิคุณ…ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมลบให้ก็ได้” เขาเสียงอ่อน
“ไม่ต้อง…ฉันจะลบเอง”
เธอเลื่อนดูภาพทีละรูปๆ
“ระวังจะเจอภาพลับเฉพาะของผมนะ…เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” เขาหลิ่วตา ทำสีหน้าทะเล้น
มินตราหยุดกึก เมื่อนึกถึงคำว่าภาพลับเฉพาะของเขา
“ฉันชักจะไม่เชื่อซะแล้ว ที่คุณปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นโรคจิต” เธอหรี่ตามองเขา
“อ้าว…ทำไมคิดยังงั้นล่ะคุณ” เขาเบ้ปาก มีอารมณ์กระเซ้าปนอยู่ในน้ำเสียง
“คนปกติคงไม่ถ่ายรูปลับเฉพาะของตัวเองหรอกค่ะ” เธอว่า
“แหม…มันก็ต้องมีบ้างแหละ คุณเองก็เถอะ ถามจริงๆ…ไม่เคยเลยหรอ อย่างน้อยก็ถ่ายแล้วลบ” เขากล่าวยิ้มๆ
“บ้า
…อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนคุณ” เธอนึกตำหนิในใจว่าเขาช่างหน้าไม่อาย จริงไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูด
