บทที่ 4 บทที่ 4

ทิพวรรณลงจากรถ พาแข้งขาสั่นๆ เดินเข้าไปหามาเฟียฮ่องกง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พอได้สบตาคมสีสนิมนั้นเข้า มือไม้ก็พานจะอ่อนแรงลงดื้อๆ แต่บัดนี้เขาไม่มีรอยยิ้มให้เธอเหมือนแต่ก่อน เรียวปากบางได้รูปสวยบิดเบ้ลงราวจะเยาะหยันในตัวเธอ

“เก่งนี่ที่กล้ามา” หยางเฟ่ยหลงหยัดตัวขึ้นยืนจังก้า ถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากใบหน้า

“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันคะ” ในเมื่อได้เจอกันแล้ว ทิพวรรณก็ไม่อยากเสียเวลา เธอรีบถามเขาถึงสาเหตุที่ต้องเรียกตัวเธอออกมาแบบนี้

“ขึ้นรถสิ” ชายหนุ่มไม่ตอบกลับชวนเธอขึ้นรถไปด้วยซะงั้น

“ฉันว่าเราควรจะคุยกันที่นี่ดีกว่า”

“เธอมีสิทธิ์ที่จะต่อรองด้วยเหรอทิพวรรณ ถ้าเธอไม่ห่วงชีวิตใครๆ ก็น่าจะห่วงชีวิตแรกเกิดของลูกเธอสักนิดนะ”

“ไม่มีประโยชนที่คุณจะเอาตาธัชมาข่มขู่ฉัน”

“ทำไม หรือเธอเป็นแม่ที่ไม่รักลูกกันล่ะ”

“ได้โปรด...พูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน” ทิพวรรณบอกเสียงอ่อน เธออยากให้มันจบๆ ไปจะได้กลับไปหาลูก เธอไม่ต้องการหวั่นไหวและใจอ่อนกับเขา พยายามคิดถึงครอบครัว คิดถึงสามีและลูกให้มากกว่าคนตรงหน้า มันทำได้ไม่ยากนักเมื่อเห็นภาพครอบครัวอันแสนอบอุ่น

“ขึ้นรถ” หยางเฟ่ยหลงยังยืนยันคำเดิม คราวนี้บอดี้การ์ดของเขาเปิดประตูรถรอเธอ

“แต่ฉันมากับคนของฉัน”

“ไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครทำอะไรคนของเธอได้”

ทิพวรรณหันไปมองรถของตนที่จอดอยู่ ดวงตาของเธอกวาดมองเข้าไปยังคนขับรถ น่าแปลกที่เธอมองไม่เห็นอุทิศ หรือว่าเขาจะลงจากรถไปไหนสักแห่ง หรือเขาถูกกันให้ออกห่างเธอ ความคิดต่างๆ นานาประเดประดังกันเข้ามา ทั้งเป็นห่วงลูกน้องและหวาดกลัวคนตรงหน้า

แล้วท้ายสุดหญิงสาวก็จำใจต้องขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเบียดเข้าไปนั่งเคียงข้าง

“ฉันอยากให้เธอหว่านล้อมให้ไอ้อรรถวัฒน์ยกหุ้นอัครา(กรุ๊ป)ให้ฉัน ฉันต้องการหุ้นทั้งหมดที่เป็นส่วนของเธอและไอ้อรรถวัฒน์”

“ทำไมคะ คุณก็มีธุรกิจและเงินทองมากมายอยู่แล้ว จะต้องการหุ้นของอัครา(กรุ๊ป) ไปทำไม”

“แลกกับชีวิตของหยางเสี่ยวผิงไง หรือพวกเธอไม่คิดจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

“ถ้ายกหุ้นให้คุณหมด อัคราบริรักษ์ก็จบสิ้นกันสิคะ ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ” ทิพวรรณไม่เสียเวลาคิดสักนิดเดียว เธอตอบอย่างฉะฉานและมั่นใจว่าไม่มีทางทำเช่นนั้นได้

“หึ หึ...ก็มันสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ชีวิตของหยางเสี่ยวผิงมีค่ามากกว่าหุ้นราคาไม่กี่ร้อยล้าน ต่อให้รวมทรัพย์สินทั้งหมดของอัคราบริรักษ์ก็ไม่มีค่ามากพอ ที่ฉันอยากได้ก็เพราะต้องการสั่งสอนให้พวกเลวทรามได้รู้บ้างว่าความทรมานมันเป็นอย่างไร”

“จะให้บอกสักกี่ครั้งว่าพวกเราไม่รู้เรื่องจริงๆ ตำรวจก็สืบสวนสอบสวนหมดแล้ว คุณจะยัดเยียดความผิดนั้นให้พวกเราได้ยังไง”

“ถ้าฉันปลุกไอ้เอกรัตน์นั่นขึ้นมาสารภาพทุกอย่างได้ ฉันทำไปนานแล้ว อย่าปฏิเสธฉันเลยดีกว่าทิพวรรณ เธอไม่มีทางเลือกหรอก”

ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเจรจาต่อรองด้วยท่าทีตึงเครียดกันอยู่ในรถคันงามที่แล่นไปตามถนนสายนั้น ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับมาขนาบข้างแล้วชักปืนออกมากระหน่ำใส่ร่างคนทั้งคู่อย่างอุกอาจ

“ระวัง!!!” หยางเฟ่ยหลงกดร่างบางลงต่ำ แต่ทั้งเขาและเธอก็ไม่พ้นวิถีกระสุน

“ปังๆๆ” เสียงปืนรัวก่อนมือปืนจะแน่ใจว่าทุกคนในรถคันงามสิ้นลมหายใจ แล้วรถที่พรุนไปด้วยลูกกระสุนก็ชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางซ้ำ มือปืนปริศนาแสยะยิ้มแล้วบิดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ซิ่งหายไป

ไม่นานเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังเข้ามาใกล้ พร้อมกับไทยมุงที่แห่เข้ามาตีวงล้อม บอดี้การ์ดของหยางเฟ่ยหลงซึ่งถูกกันไม่ให้ตามมาเพิ่งจะแห่กันมาถึง พวกเขาต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เจ้านายใหญ่วางใจให้พวกเขาอยู่ห่างเพราะเชื่อว่าคนในตระกูลอัคราบริรักษ์ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาได้ แต่เจ้านายใหญ่ของเขาคิดผิด ไม่ว่ามือปืนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม มันหาญกล้าที่จะปลิดชีวิตมาเฟียฮ่องกงคนดังในระยะเผาขน และที่สำคัญทิพวรรณก็กลายเป็นศพไปพร้อมกับหยางเฟ่ยหลง

มือปืนคนนั้นคือใคร? และมันต้องการอะไร?

ณ เกาะฮ่องกง ปี พ.ศ.2554

หยางโจวหมิงจ้องมองน้องสาวเพียงคนเดียวอย่างจับผิด ร่างบอบบางเอาแต่ก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาสีสนิมแสนร้ายกาจของพญามังกรดำ ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวราวกับไข่ในหิน หยางเหม่ยลี่เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่หยางโจวหมิงรักมากที่สุด หลังจากที่สูญเสียทั้งบิดาและมารดาไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับอายุของน้อง เขาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อ แม่และพี่ชายในเวลาเดียวกัน มอบความรักและการดูแลเอาใจใส่มากกว่าอะไรทั้งสิ้น

หากแต่น้องสาวแสนสวยของเขาก็ยังมีเรื่องที่ต้องให้กังวล บอดี้การ์ดที่ส่งไปประกบเพื่อคุ้มครองเธอ มักจะบอกเป็นเสียงเดียวว่าหยางเหม่ยลี่ชอบหนีไปเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ กว่าจะตามหาเจอก็เมื่อเธอต้องการจะกลับมาหาเอง คุณหนูหยางเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แพ้พี่ชาย เธออาศัยความน่ารัก ช่างออดอ้อนประจบประแจง เพื่อหลอกล่อให้ผู้ติดตามตายใจ และเพราะเสน่ห์ของเธอ ที่ทำให้บอดี้การ์ดต้องทำงานพลาดอยู่บ่อยๆ ซ้ำยังถูกกำชับว่าหากใครนำเรื่องที่เธอหนีเที่ยวไปเล่าให้พี่ชายฟัง เธอจะบอกพี่ชายว่าเขาคนนั้นทำไม่ดีกับเธอ ให้พี่ชายลงโทษและไล่ออกจากหน้าที่ซะ

บอดี้การ์ดก็ใจอ่อนหรือคงกลัวจะตกงานมากกว่า จึงไม่ปริปากสาธยายให้คุณชายหยางฟัง นอกจากเป่าปง เขาได้รับมอบหมายให้เล่าเรื่องทุกอย่างที่หยางเหม่ยลี่ทำในแต่ละวันจากหยางโจวหมิง ทำให้พญามังกรดำรู้ว่าน้องสาวของเขากำลังปิดบังบางอย่างไว้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป