บทที่ 3 ถูกขายเป็นสาวใช้
“จะ เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดถึงไม่ตอบ” หญิงสาวถามย้ำ และยังคงไร้เสียงตอบ คงมีแต่ดวงตาคมที่มองนางเขม็งและให้ความรู้สึกจู่โจมหญิงสาว นางจึงต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในรถม้าอย่างลนลานด้วยความกลัวจับจิต และยามนั้นนางอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้มีผิวขาวดุจหิมะ ขาวและซีดอีกทั้งเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่ากลัว
เวลาผ่านไปนานราวๆ เกือบหนึ่งชั่วยาม ม่านซือซือก็เริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ของตน รถม้าที่นางนั่งมาจอดนิ่งระหว่างทาง เป็นจุดพักม้าที่เงียบสงบซึ่งเกือบร้าง
รออยู่ไม่นานก็มีสตรีอีกสามนางถูกจับโยนเข้ามาข้างในรถพวกนางต่างมีสีหน้ามึนงง บางคนถูกจับตัวมาจากสกุลใหญ่ เสื้อผ้ากับเครื่องประดับของพวกนางบ่งบอกว่าเป็นลูกของคนมีอันจะกิน
“คนเลว พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้” หลิวฟ่านเอ่ยแล้วก็ร้องห่มร้องไห้ ดูเหมือนเสื้อผ้านางทั้งเปื้อนโคลนและมีบางส่วนฉีกขาด
ม่านซือซือจำนางได้ นางเคยไปซื้อของที่ร้านของอีกฝ่าย ทั้งสมุนไพรหายากรวมถึงผงหอมต่างๆ จึงเอ่ยถามเพื่อให้คลายความสงสัย
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณหนูหลิว!”
เมื่อหลิวฟ่านได้ยินคนเรียกตนจึงหันมาทางม่านซือซือ และเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เป็นข้าที่ถูกจับตัวมา แล้วเจ้าเล่า...มาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
“ถูกจับตัว! ใครกันบังอาจถึงขั้นจับตัวลูกสาวเจ้าบ้านหลิว” ม่านซือซือเอ่ยจบจึงสังหรณ์ใจในทางร้ายมากกว่าดี
“ฮึ! เกรงว่าคนที่กระทำเช่นนี้กับข้าคงมีแต่ท่านย่า... นางคงอยากลบชื่อข้าออกจากสกุลหลิว เพื่อข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสมบัติที่จงใจให้ลูกชายคนรองนางเอาไปผลาญเล่น”
ม่านซือซือไม่กระจ่างใจสิ่งใดนัก แต่ข่าวของหลิวฟ่านดังไปทั่วเมืองมิน้อย สกุลนางมีทรัพย์สมบัติมหาศาล และนั่นทำให้หลิวฟ่านมีชื่อเสียงเสียหายอยู่เสมอ นางเป็นหญิงที่รักสนุก นิยมการร้องรำ ชอบจัดงานเลี้ยงที่เรือนของตน มีทั้งชายงามและหญิงงามเข้าออกเรือนตลอด หลายครั้งเรื่องของนางมีคนใส่ไข่เติมสีว่า หลิวฟ่านเป็นหญิงที่ชอบอุ่นเตียงกับทั้งชายและหญิง ซึ่งไม่ใช่คราวละคน แต่นางนิยมเล่นพิเรนทร์ทั้งข้างหน้าข้างหลังและริมฝีปาก แน่นอนว่าเมื่อชอบความสนุกเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจใช้บุรุษหรือสตรีเพียงคนเดียวในการระเริงรัก
หลิวฟ่านหรี่ตามองม่านซือซือ ท่าทางนางเหมือนกำลังประเมินว่า อีกฝ่ายถูกจับขึ้นรถม้าคันนี้ได้อย่างไร
“ตัวเจ้าเล่า เหตุใดถึงถูกจับตัวมา” หลิวฟ่านถาม
“ขะ ข้า...มาเอาจดหมายให้ท่านพ่อที่หอดอกเหมย” ม่านซือซือเอ่ยจบ ก็เหมือนพึ่งพบความผิดปกติบางอย่าง ก่อนมองจดหมายในมือตน
“ซือซือ เจ้าคงถูกบิดาหลอกอย่างมิต้องสงสัย ในมือเจ้าคงไม่ใช่จดหมายอันใด แต่เป็นสัญญาขายตัวเสียมากกว่า โถ... เด็กโง่เอ๋ย”
“เอ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านพ่อจะขายข้าให้ใคร!?”
หลิวฟ่านไม่ได้ตอบ และนางปิดปากเงียบคล้ายถูกดึงเข้าสู่เรื่องดำมืด เป็นตอนนั้นที่ม่านซือซือคิดไม่ตก นางทบทวนหลายสิ่งตามลำพัง ก่อนค่อยๆ เปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ข้างใน
สิ่งที่นางรับรู้ด้วยสองตาของตนมันคือความจริงเยี่ยงนั้นรึ สวรรค์ไยเล่นตลกกับนางถึงเพียงนี้
ม่านเจิ้นขายนางให้กับคนอื่น เรื่องบัดซบเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ทะ ท่านพ่อ ขายข้าให้กับคฤหาสน์สัตตบงกช!”
ม่านซือซือเอ่ยจบ นางก็เป็นลมหมดสติ
ม่านซือซือสลบไปนานเท่าไหร่นางไม่แน่ใจนัก แต่ที่สะดุ้งตื่นเพราะถูกทาสหญิงตัวอ้วนกำลังป้อนยาเม็ดกลมๆ สีดำเหมือนถ่านเข้าปากนาง ทั้งที่พยายามขัดขืน แต่นางกลับสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว
“กลืนลงไป ไม่อย่างนั้น เจ้าได้ตายคามือข้าแน่”
เสียงนางทาสตวาดใส่และทำตาเหลือกถลน ม่านซือซือจึงพยักหน้ายอมให้นางทาสส่งยาเหม็นๆ เข้าปาก แต่นางเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและยามามิน้อย ไฉนจะยอมกลืนมันลงท้องเล่า ม่านซือซือเลยดันยาไปที่กระพุ้งแก้ม พร้อมทำท่ากลืนยาอย่างสมจริง
“อยู่กันให้เงียบๆ อีกไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ก็ถึงจุดหมาย”
หลิวฟ่านที่ยามนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี มองนางทาสและเอ่ยถาม
“นายของเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้ให้พวกข้ากินยาบ้าบออะไรเช่นนี้”
“ข้าไม่รู้ แม่นางทั้งหลายเพียงแค่ทำตัวให้ดี และอย่าตายก่อนถึงคฤหาสน์สัตตบงกชก็พอ อีกอย่าง อย่าถามสิ่งใดให้มากความ นอนพักเก็บแรงเอาไว้เสียเถิด เพราะหลังจากลงรถม้า คุณหนูทั้งหลายคงต้องเสียเหงื่อและส่งเสียงร้องเสียงครางระงมทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน”
คำข่มขู่ของนางทาสมาพร้อมสีหน้านางที่ดูโหดเหี้ยม และชวนให้ใจฝ่อเหลือเกิน
