บทที่ 9

ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันจึงทำได้เพียงพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

อาจมีบางครั้งที่คนเราสามารถถ่อมตัวได้มากโดยไม่มีเหตุผล และฉันก็เช่นกัน ฉันเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดจากเฮนดริกส์ แม้ว่าฉันจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในก้นบึ้งของหัวใจ

เขาขับรถตรงไปยังตัวเมือง ฉันคิดว่าเขาจะส่งฉันกลับบ้านก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าฉันคิดผิด เมื่อเขาพาฉันไปโรงพยาบาลแทน

กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อติดอยู่ในอากาศและทำให้ฉันรู้สึกไม่สบาย แต่ฉันทำได้แค่เดินตามหลังเขาและตามเขาไปยังที่ที่อันเดรียอยู่

อันเดรีย กำลังให้สายน้ำเกลือ อันที่จริงเธอป่วยและอ่อนแอ แต่ตอนนี้ ขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงสีขาวเรียบง่าย ประกอบกับดวงตาตื้นของเธอ ยิ่งทำให้เธออ่อนแอและเปราะบางขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม สายตาของเธอก็เย็นชาทันทีที่เธอเห็นฉันเข้าไปในห้องพร้อมกับเฮนดริกส์ ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอมองไปที่เฮนดริกส์และตะคอกว่า "ฉันไม่อยากเห็นหล่อน!"

ดูเหมือนว่าเมื่อไม่มีเด็ก ท่าทางที่นุ่มนวลและน่ารักของเธอก็หายไปด้วย และเธอก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังแทน

เฮนดริกส์เดินไปหาเธอและยกเธอขึ้นจากเตียง เขาเอาคางแตะหน้าผากเธอเพื่อปลอบเธอ "ปล่อยให้เธอดูแลคุณสักสองสามวัน เพราะเธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้"

ความจริงที่ว่าเฮนดริกส์เสน่หาและรักเธอมากได้แทงใจฉันอย่างบาดลึก

อันเดรียกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มองขึ้นไปที่เฮนดริกส์ด้วยรอยยิ้มตื้นๆ แล้วพูดว่า "ตกลง ฉันจะฟังคุณค่ะ!"

นั่นเป็นวิธีที่พวกเขาตัดสินใจว่าฉันจะอยู่หรือออกไป

ฟังดูน่าขันที่ฉันไม่สามารถแม้แต่จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ที่แย่ที่สุดคือฉันตกลงเต็มที่กับอะไรก็ตามที่พวกเขาจัดการ

เฮนดริกส์ยุ่งมาก แม้ว่าเขาจะหายตัวไปในระหว่างงานศพของคุณปู่ แต่เขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโรเบิร์ต ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการอีกมาก รวมทั้งโรเบิร์ตกรุ๊ป และเขาไม่มีเวลาที่จะอยู่ในโรงพยาบาลกับอันเดรียมากนัก

ฉันเป็นคนเดียวที่มีเวลาดูแล อันเดรีย

ตอนตีสอง อันเดรีย ยังคงตื่นอยู่เพราะเธอนอนหลับไปมากในตอนกลางวัน ในห้องไม่มีเตียงเสริม ฉันเลยได้แต่นอนบนเก้าอี้ข้างเตียงเธอ

เมื่อรู้ว่าฉันยังตื่นอยู่ อันเดรียก็มองมาที่ฉันแล้วพูดว่า "แอเรียนา เธอนี่ก็น่าสมเพชเกิน"

เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ฉันก็พูดไม่ออก ฉันมองลงไปที่แหวนของฉันและตอบเธอหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “นั่นคือความรัก ไม่ใช่เหรอ”

เธอหัวเราะอย่างไม่มีเหตุผล สักพักเธอถามว่า “เธอเหนื่อยไหม”

ฉันส่ายหัว อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับชีวิตก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ ฉันแค่ตกหลุมรักใครบางคน นั่นไม่มีอะไรมาก

“ขอน้ำสักแก้วได้ไหม” อันเดรียลุกขึ้นและเอนตัวพิงกับเตียง

ฉันพยักหน้าขณะที่เทน้ำให้เธอ

“ไม่ต้องเติมน้ำเย็น ทำให้มันร้อน” เธอพูดอย่างเฉยเมย

ฉันส่งแก้วน้ำให้เธอ แต่เธอไม่รับ เธอมองมาที่ฉันและพูดว่า "ฉันรู้สึกสงสารเธอ มันไม่ใช่ความผิดของเธอเรื่องเด็ก แต่ฉันก็ยังอดไม่ได้นอกจากต้องโทษเธอ"

ฉันไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของเธอ ฉันเลยยื่นน้ำให้เธอและเตือนเธอว่า "ระวัง มันร้อน"

อันเดรีย คว้าแก้วน้ำแล้วดึงฉันด้วยสุดกำลังของเธอ ฉันรู้สึกจะดึงมือออก แต่ฉันก็หยุดลงหลังจากมองดูดวงตาที่จ้องเขม็งของเธอซึ่งจับจ้องมาที่ฉันขณะที่เธอพูดว่า "มาเดิมพันกันและดูสิว่าเขาจะรู้สึกสงสารเธอไหม"

ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง ฉันพอจะเห็นชาจหนุ่มยืนอยู่ที่ประตู และฉันสงสัยว่าเขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ อันเดรียมองมาที่ฉันด้วยท่าทีแผ่วเบา "เธอกล้าไหม"

ฉันไม่ตอบอะไร ปล่อยให้เธอเทน้ำร้อนลงบนหลังมือของฉัน มันช่างเป็นความคู้สึกที่รุนแรงและทำให้อ่อนแรงราวกับว่ามีเปลวไฟที่มองไม่เห็นติดอยู่ที่ผิวหนังของฉัน

ในใจของฉันกำลังกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ฉันยังคงเงียบเมื่อตัดสินใจเดิมพัน

อันเดรียวางแก้วลงและพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แก้วร้อนมากจนฉันเผลอทำหกใส่ เธอโอเคไหม?”

คำพูดของเธอเห็นได้ชัดว่าปลอม

ฉันดึงมือออก ความเจ็บปวดนั้นไร้ความปราณี แต่ฉันพยายามที่จะอดทนและส่ายหน้า "ฉันไม่เป็นไร!"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป