บทที่ 2 บทที่ 1 วิ่งตามหัวใจไร้รัก
บทที่ 1 วิ่งตามหัวใจไร้รัก
หลี่เลี่ยงหรงเดินถือห่อผ้าผืนเล็ก ๆ ไว้ในมือ กลิ่นหอมจาง ๆ ของขนมงาคั่วลอยอวลขึ้นพร้อมไอร้อนอุ่นที่ยังไม่จางหาย นางยืนนิ่งอยู่หน้าศาลากลางจวนหลิงอัน ใจเต้นแผ่วเบาไม่ต่างจากเช้าวันก่อน และวันก่อนหน้านั้น
“คุณชาย…วันนี้ลองชิมขนมที่ข้าทำดูเถิดเจ้าค่ะ” เสียงของนางเบา หากเปี่ยมด้วยความหวัง
หลิงจงนั่งพิงเสาคนเดียวในศาลา สวมชุดยาวปักลายมังกรครามพลิ้วเบาใต้สายลม ดวงตาคมเรียวยกขึ้นมอง ก่อนกล่าววาจาเย็นชาเช่นเคย
“เจ้าไม่มีหูหรือไม่มีสมองกันแน่ ข้าเคยบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าไม่ชอบกินของสกปรกจากมือเจ้า”
ขนมในมือบางหล่นลงพื้นดัง ตุบ! ห่อผ้าสีอ่อนซึมซับความอับชื้นของหยาดน้ำค้างยามเช้าอย่างเงียบงัน เสียงฝีเท้าเขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับ
แต่นางยังยืนนิ่ง ริมฝีปากบางยกยิ้มเจื่อน ราวจะปลอบใจตนเองว่า…วันหน้าคงดีกว่านี้
นับตั้งแต่จำความได้ หลี่เลี่ยงหรงก็มีเพียงเงาของเขาให้เฝ้าตาม ไม่ว่าฝนตกแดดออก นางก็ยังถือร่มเดินตามหลัง เห็นเขาถูกดุ ถูกบีบคั้นจากบิดา เห็นเขาแอบนั่งเหม่อเงียบอยู่ใต้ต้นหลิวในยามดึก
นางรู้ว่าเขาไม่ได้ใจร้ายอย่างที่แสดงเขาเพียง…ไม่อาจให้ใจแก่ใคร
“เขาไม่เคยรักเจ้า” ใครบางคนเคยเตือน
แต่นางกลับยิ้ม “แต่ข้ารักเขา และยังรักอยู่ นั่นก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ”
แต่บางครั้งความเพียงพอในใจคนคนหนึ่ง อาจเป็นความรำคาญในใจอีกคน
ค่ำวันนั้น ศาลากลางจวนสว่างด้วยโคมแดง แขกเหรื่อขุนนางผู้ใหญ่และบุตรหลานต่างมาเลี้ยงฉลองตามธรรมเนียมประจำปี บทเพลงดนตรีคลอเบา ๆ บ่าวไพร่รินเหล้าให้แขกอย่างขะมักเขม้น
หลี่เลี่ยงหรงสวมชุดปักดอกเหมยสีอ่อน ก้าวเข้ามาท่ามกลางเสียงซุบซิบ สายตานับสิบจับจ้อง แต่สิ่งที่นางเห็นมีเพียงเขาหลิงจงยืนท่ามกลางสหายด้วยท่าทีหยิ่งทะนง
หัวใจของนางเต้นแรง นางคิดว่าคืนนี้…คงถึงเวลาแล้ว
นางเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปตรงหน้าเขา มือบางกำชายกระโปรงแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสั่นระริกแต่หนักแน่น
“คุณชายหลิง… ข้ารักท่าน”
เสียงนั้นชัดถ้อย ทุกคนได้ยินเสียงดนตรีพลันหยุดลงทันที ผู้คนเงียบกริบ สายตาจับจ้องราวกับรอชมเรื่องสนุก หลิงจงเลิกคิ้ว สบตานางแวบหนึ่ง ก่อนริมฝีปากหนายกยิ้มเย็น
“เจ้ากล้าพูดเช่นนี้…ต่อหน้าผู้คน”
เขาแค่นหัวเราะต่ำ พลิกถ้วยเหล้าในมือ “หลี่เลี่ยงหรง เจ้ามิใช่คู่ควรของข้า…อย่าได้ทำให้คนทั้งงานหัวเราะเยาะไปมากกว่านี้เลย”
คำพูดนั้นดังก้องในความเงียบ ทุกสายตาเริ่มมีรอยยิ้มเย้ยหยัน บุตรสาวขุนนางบางคนกระซิบเสียงขำ ลมหายใจของนางติดขัด
แต่เขายังไม่หยุด
“ของที่ข้ารังเกียจ ต่อให้ตามตื๊อเพียงใด ก็ไม่อาจกลายเป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาได้หรอก”
ขาของนางสั่นไหว หัวใจแตกสลายตรงนั้นเอง ในสายตาของคนทั้งงาน นางไม่ต่างจากตัวตลกที่กล้าเอาความรู้สึกมาประจานตนเอง
น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ริมฝีปากบางยังฝืนยิ้ม เพราะต่อให้ถูกเหยียบย่ำสักเพียงใดนางก็ยังรักเขา คืนที่หลี่เลี่ยงหรงกล้าสารภาพด้วยหัวใจ กลับกลายเป็นคืนที่นางถูกตราหน้าเป็นหญิงโง่
และสำหรับหลิงจง… มันเป็นเพียงการกำจัดความรำคาญท่ามกลางผู้คน
