บทที่ 3 อธิษฐานเลยสิเจ้า
เจิ้งเหมยยืนอยู่หน้าห้องพัก ตากอาหารแห้งซึ่งเป็นงานที่ย่าหนาน ให้ทำเพราะแผลถูกโบยยังไม่หายดี แผ่นหลังบอบบางยังมีเลือดซึมออกมาแม้จะเจ็บปวดเพียงไหนก็รู้ดีว่าไม่ควรปริปาก มันคือสิ่งที่เรียนรู้มาตั้งแต่ยังเล็กๆ
คังซื่อฮั่นเดินเลาะตามทางเท้าจนถึงที่พักของเจิ้งเหมย มือใหญ่ไพล่หลังเมื่อมองเห็นเจิ้งเหมยที่แผ่นหลังมีเลือดซึมออกมาเป็นรอยถูกโบย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เดินเข้าไปหมายสนทนา แต่เจิ้งเหมยรีบเก็บของและเดินเข้าไปในห้องพัก เพราะมองจากอาภรณ์ของคังซื่อฮั่นแล้ว ย่อมรู้ว่าคนผู้นี้ฐานะไม่ธรรมดา
“แม่นางเจิ้ง”
เพียงแค่เหลือบตามอง คังซื่อฮั่นตกตะลึงในใบหน้าที่งดงามผุดผาดเกินสาวใช้ หากนางจะเป็นนางกำนัลหรือสนมของฝ่าบาทย่อมเป็นที่โปรดปรานแน่แท้ แปลกใจว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงไม่ต้องตานางแล้วยังมอบนางให้กับท่านอ๋องแม้ตอนนี้หญิงงามทั่วหล้าสามคน นางคงเป็นหนึ่งในสามเป็นแน่ เจิ้งเหมยยังคงยืนนิ่งและรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มบทสนทนา
“ข้าคังซื่อฮั่น องครักษ์และคนสนิทของท่านอ๋องห้า”
ย่อตัวทำความเคารพแต่ไม่พูดสิ่งใดต่อ
"ท่านไม่ต้องเกรงใจข้า หรอกแม่นางเจิ้ง ความจริงแล้วข้าแค่"
"ใต้เท้า ไม่ว่าอะไรข้าขอตัว"
“แม่นางเจิ้ง แผ่นหลังของเจ้า”ถามเบาๆเพราะกลัวว่าอีกคนจะเจ็บปวดเพราะคำถาม
กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นความสงสารจับใจแม้คนตาบอดยังรู้ว่าแผลเกิดจากการโบย ท่านอ๋องถึงกับปล่อยให้ บุตรสาวของใต้เท้าเจิ้งถูกโบยตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาในจวนเลยหรืออย่างไร ทำแบบนี้ไม่เห้นแก่หน้่าบิดานางก็ครสงสารเจิ้งเหมยบ้าง
“ใต้เท้าอย่าได้ใส่ใจ เจิ้งเหมยขอบคุณในน้ำใจ งานในจวนมากมายรอให้ทำ เจิ้งเหมยขอตัว”
เข้าห้องปิดประตูอย่างรวดเร็ว คังซื่อฮั่นได้แต่มองตามจนลับสายตาพลางถอนหายใจยาว
สาวเท้าเดินกลับไปยังห้องทำงานท่านอ๋อง ทั้งที่คิดว่าจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้แล้วแต่มันสุดจะทนจะมากเกินไปแล้วนางคือหญิงบอบบางคนหนึ่งเท่านั้น
“ท่านอ๋อง ข้า ..พบแม่นางเจิ้งเมื่อครู่ นางถูกโบยด้วยความผิดใดกัน”
“เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ”
ไม่ตอบคำถามแต่ตะโกนเรียก เสี่ยวป๋อเข้ามาทันที
“ท่านอ๋อง”
เสี่ยวป๋อขานดังๆพรร้อมกับรีบเข้ามาข้างในห้องทันที
“นางบาดเจ็บใครให้นางออกมาเดินเพ่นพ่านเพื่อประจานข้ากัน ไปบอกนางให้พักอยู่แต่ในห้องจนกว่าจะหายดีค่อยออกมาเดินนวยนาดให้ผู้คนเห็น”
คังซื่อฮั่นถอนหายใจในคำพูดของท่านอ๋องหนุ่ม คนอะไรกลัวขายหน้าแต่กล้าทำร้ายหญิงงาม
เสี่ยวป๋อสาวเท้าอย่างรวดเร็วยังห้องพักของ เจิ้งเหมยเกรงว่าหากช้ากว่านี้ เจิ้งเหมยพี่สาวที่น่าสงสารคนนั้นจะถูกลงโทษอีก
“พี่สาวเจิ้งเหมย ท่านอ๋องให้ท่านพักอยู่แต่ในห้องห้ามออกมาเดิน”
หายใจหอบเหนื่อยแต่ก็ต้องรีบพูดเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้เพียงสักนิด
เจิ้งเหมยยิ้ม นึกขำท่าทีร้อนรนของเสี่ยวป๋อ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ใบหน้าซื่อๆ ของเสี่ยวป๋อก็ทำให้เจิ้งเหมยมีรอยยิ้ม
“ข้าเข้าใจ คงเกรงว่าข้าจะเผลอเอ่ยปากเรื่องถูกทำโทษ”
เสี่ยวป๋อยิ้มด้วยความละอายใจ รู้สึกว่าเจิ้งเหมยช่างเข้าใจอะไรได้ง่ายเสียจริง หารู้ไม่ว่าเจิ้งเหมยรู้ดีว่า สิ่งไหนควรพูดสิ่งไหนไม่ควรพูดในสถานการณ์เช่นนี้
“พี่สาวเข้าใจข้าก็เบาใจ เช่นนั้นท่านพักรักษาตัวให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยออกมาทำงาน”
เจิ้งเหมยรู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดของเจิ้งเหมย หากองครักษ์ผู้นั้นไม่เดินมาถึงที่นี่ จวนอ๋องกว้างใหญ่หากเขาไม่จงใจใยจะเดินมาถึงที่กันดารที่สุดในจวน
จินเฉิงอู่ยัดขวดยาสมานแผล ใบเล็กลงในมือของคังซื่อฮั่น ที่ทำสีหน้างงๆ
“เจ้ากำลังหาว่าข้า ใจคออำมหิตเช่นนั้นนี่คือยาสมานแผลที่ดีที่สุดที่ฝ่าบาทพระราชทานมา นำมันไปให้นางเสียบอกว่าเจ้าให้นางด้วยความหวังดี”
คังซื่อฮั่นอมยิ้ม
คังซื่อฮั่นผละออกมาหมายจะไปที่ห้องพักของเจิ้งเหมย
โยวเสวียนยืนฟังอยู่ด้านนอกหลบเดินไปอีกทางดักรอคังซื่อฮั่นที่ทางเดินทอดยาวสู่ห้องพักของเจิ้งเหมย
“ท่านองครักษ์”
ยิ้มบางๆ น้ำเสียงอ่อนโยน
“คังซื่อฮั่น คารวะพระชายา” โบกมือเหมือนรับรู้
“ท่านองครักษ์กำลังจะไปไหนไม่ทราบ”
“เอ่อคือ ยาสมานแผลข้าน้อยตั้งใจนำยานี่ไปให้ แม่นางเจิ้งที่ห้องพัก”
โยวเสวียนยิ้มอ่อนโยนที่สุด
“ข้ากำลังจะไป ที่นั่นนำยาไปให้นางเช่นกัน ..ท่านอ๋องแม้จะโมโหร้ายไปบ้าง แต่หากข้าไม่สั่งโบยนางเสียก่อนท่านอ๋องคงไม่ปล่อยนางแน่ ท่านองครักษ์ก็รู้ว่า ห้องทำงานของท่านอ๋องเป็นที่สำคัญเพียงใด ข้าจำต้องสั่งโบยนางด้วยโทษเบาสุดในจวนคือเพียงแค่สิบไม้”
คังซื่อฮั่นรู้สึกถึงความจริงใจในน้ำเสียงนั้น ล้วงหยิบยาส่งให้ชายาเอก
“เช่นนั้นข้าฝากยา สมานแผลนี่ไปกับพระชายา เผื่อว่าพระชายาจะได้ปลอบใจนางนานหน่อย ข้าเป็นบุรุษ อีกทั้งนางเป็นคน..ของท่านอ๋อง...ข้าจึงไม่ควรไปรบกวนนาง”
สายตาเปล่งประกายดุจเหยี่ยว แต่เป็นเพียงแวบเดียวและคังซื่อฮั่นไม่ทันเห็นมันด้วยซ้ำไป
“ข้า ยินดีบอกกล่าวแก่นางว่าเจ้ามอบยาดีมาให้นาง”
คังซื่อฮั่นคารวะก่อนเดินจากมา
ค่ำคืนเหน็บหนาว บาดแผลยังคงเจ็บลึก เจิ้งเหมยนอนไม่หลับออกมานั่ง ชันเข่าที่ม้านั่งด้านนอกห้อง เหม่อมองไปยังด้านหน้าของจวนอ๋องกว้างใหญ่นั้น คังซื่อฮั่น ยืนมองอยู่บนต้นไม้ใหญ่มือถือกระบี่ จ้องมองมาที่เจิ้งเหมยผ่านแสงนวลของจันทรา ใบหน้าเศร้าหมองริมฝีปากหยักได้รูป กับแววตาเศร้าสร้อยเหตุใดกันนางถึงทอดอาลัยถึงเพียงนั้น
