บทที่ 3 Chapter 3

ตูม!

ธิดาดอยว่ายน้ำเป็นและเก่ง น้ำในคลองจึงไม่เป็นอุปสรรค เธอใช้ปลายเท้าสะบัดอยู่ในน้ำ ใช้มือร่วมด้วยเพื่อนำตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ทว่าช่วงเวลานั้น ธิดาดอยรู้สึกว่า น้ำรอบตัวเธอหมุน ความเร็วและแรงของน้ำวนค่อยๆ เพิ่มทีละน้อย จนเธอไม่อยากฝืนนำตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ซ้ำร้ายตัวเธอยังถูกดูดลึกลงไปสู่ผิวน้ำ วินาทีนั้นธิดาดอยรู้สึกแปลกๆ การจมน้ำของเธอทำไมหายใจในน้ำได้ ไม่มีอาการสำลักน้ำเหมือนกับที่ควรจะเป็น แรงดูดมีพลังมากเหมือนเครื่องสูบกำลังแรง รอบตัวเธอก็เป็นแสงสีขาว ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างธิดาดอยถูกแรงดึงดูดมหาศาล ดูดร่างเธอข้ามผ่านมิติกาลเวลา ไปยังอีกดินแดนหนึ่ง

จิ๊บๆ จิ๊บๆ

เสียงนกร้อง นกที่ไหนกันนะ ทำไมมันดังใกล้ๆ หู ใกล้มากเสียด้วย ที่สำคัญที่สุด ตัวเองตกน้ำไม่ใช่หรือ เป็นไปได้ไงที่นกจะมาร้องในน้ำ

จิ๊บๆ จิ๊บๆ

นั่นไง ได้ยินเสียงอีกแล้ว แต่เอ...ทำไมรู้สึกว่า ตัวเองโผล่พ้นน้ำแล้วเพราะไม่รู้สึกถึงมวลน้ำที่อยู่รอบตัว แถมยังรู้สึกตัวเบาอีกต่างหาก ที่สำคัญแขนทั้งสองข้างเหมือนกระพือปีก คล้ายนกกำลังบิน บินขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้อะไรดลใจ ธิดาดอยก้มหน้าลงดูเบื้องล่างที่เป็นแม่น้ำใสแจ๋ว มองเห็นปลาที่ว่ายในน้ำ และนั่นทำให้เธอมองเห็นตัวเอง

ไม่ใช่...ธิดาดอยมองเห็นนกหงส์หยกที่ตนอยากจะจับต้มกิน

“โห...เกลียดมันจัดถึงกับตาพร่ามองเห็นเป็นมันเลยหรือเนี่ย”

ธิดาดอยพูด ขณะมองลงไปในน้ำที่ใสสะท้อนกลับราวกับกระจก แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่ภาพหลอนนกณัชชาไม่ไปไหนสักที ทั้งที่เธอกระพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้ภาพนั้นจางหายไป แต่ไม่เลย เจ้านกหงส์หยกแสนเกลียดชังก็ยังอยู่ตรงหน้า ธิดาดอยลองกระพริบตาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอแปลกใจที่นกณัชชากระพริบตาตามตน เธอลองขยับตัวไปทางซ้าย มันก็ขยับตาม ไปทางขวามันก็ตามไปอีก

“ไอ้นกบ้า ล้อเลียนฉันเหรอ” ธิดาดอยอยากพูดประโยคนี้ ทว่าเสียงที่ออกมากลับเป็น

จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ

เฮ้ย! อะไรกันวะเนี่ย... เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพูดไม่ได้ แถมเสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงนก ธิดาดอยเริ่มสงสัยว่า ภาพสะท้อนบนผืนน้ำที่เห็นว่าร่างตัวเองกลายเป็นนกหงส์หยกณัชชา จะไม่ใช่ภาพหลอน แต่มันคือความจริง ความจริงที่น่าตกใจมากที่สุดในชีวิต

ไม่ใช่! ไม่จริง! ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าเราสลบไปแล้วเกิดฝันหว่า...

ธิดาดอยยังคิดไปอีกทาง เธอไม่ปักใจเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นนก เธอเป็นคนอยู่ๆ จะกลายเป็นนกได้อย่างไร แถมเป็นนกพันธุ์เดียวกับที่ตนไม่ชอบหน้าอีก ที่สำคัญที่สุดทั้งตัว ทั้งสีของขนนกและขนาดยังเหมือนกับนกณัชชาไม่มีผิด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย

เพื่อความแน่ใจและมั่นใจ ธิดาดอยมองลงไปในน้ำ เพ่งมองตัวเองในน้ำว่า จะเป็นร่างคนหรือว่านก แต่ภาพนั้นก็ยังเหมือนเดิม ชั่วขณะนั้นเธอเพิ่งนึกออกว่า ตัวเองตกน้ำในคลอง แต่ทำไมมาโผล่ที่แม่น้ำ แถมเป็นแม่น้ำแปลกตา มันใสสะอาดมาก มากราวกับกระจก ทั้งไม่มีขยะสักชิ้น บรรยากาศโดยรอบก็สวยงาม มีต้นไม้น้อยใหญ่โอบแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ภูเขาตั้งตระหง่านสูงชัน มองลงไปในน้ำก็มีปลาแหวกว่าย ราวกับว่าไม่มีมนุษย์บุกรุกทำลายธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อากาศก็เย็นสบาย บรรยากาศและทรัพยากรธรรมชาติที่ธิดาดอยเห็น ไม่เหมือนเมืองไทยเลยสักนิดเดียว

ตายล่ะหว่า...เกิดอะไรขึ้น เหตุใดตนจึงกลายเป็นนกได้ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน

โอ้ๆๆๆ ตายๆๆๆ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง

ธิดาดอยอยากจะตะโกนให้ก้องโลก แต่เสียงที่ออกมากคือ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บบ้าจิ๊บบออะไร ใครหนอ ใครช่างทำกับธิดาดอยสุดสวยอย่างนี้ได้

สมองธิดาดอยเต็มไปด้วยความสับสนและสงสัยว่า เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนได้อย่างไร เธอดูละคร ดูภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศเรื่องเกี่ยวกับคนกลายเป็นสัตว์และสัตว์กลายเป็นคน หรือสลับร่างกันด้วยเหตุต่างๆ ที่ละครหรือภาพยนตร์เรื่องนั้นกำหนด เธอพูดเสมอว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ทว่าตอนนี้เธอรู้อย่างหนึ่งว่า เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้

แต่ทำไม ทำไมต้องกลายเป็นนกหงส์หยกณัชชาด้วย สัตว์อื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย จะกลับเป็นคนได้อีกหรือเปล่า ธิดาดอยยิ่งคิดยิ่งทุกข์และเศร้าใจ น้ำตาจึงสะท้อนความรู้สึกของธิดาดอย...

เธอร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

นกหงส์หยกที่เวลานี้ชื่อธิดาดอย กระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เธอบินไปไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด เมื่อเหนื่อยก็บินเกาะกิ่งไม้ จากนั้นก็บินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้

ธิดาดอยในร่างนกหงส์หยกบินไปตามแม่น้ำทางทิศเหนือ ยิ่งบินไปไกลจากจุดที่โผล่พ้นน้ำ เธอยิ่งรู้สึกว่า เหมือนไม่ใช่เมืองไทย เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย แดดก็ไม่แรง คนที่เดินอยู่ริมแม่น้ำก็แต่งตัวแปลกๆ คล้ายคนจีน เธอแอบคิดไปว่าอาจมีค่ายละครหรือภาพยนตร์มาถ่ายทำแถวนี้ คนที่เธอเห็นจึงสวมชุดเหมือนคนจีน เมื่อเข้าใจเช่นนั้น เธอจึงบินต่อไปเรื่อยๆ

“โครกคราก โครกคราก”

ระหว่างที่บินไป ท้องเธอเกิดร้องขึ้นมา ไม่ได้ร้องธรรมดา ร้องดังมาก เสียงท้องร้องมาพร้อมความหิว และด้วยสัญชาตญาณของความเป็นนก ธิดาดอยบินต่อไปเรื่อยๆ จนเจอแปลงผักของชาวบ้านที่ปลูกอยู่เต็มพื้นที่ที่น่าจะมากกว่าสิบไร่ นกหงส์หยกจิตใจมนุษย์บินลงไปเกาะบนดอกกะหล่ำที่ปลูกเป็นแถวยาว ก่อนจะใช้ปากจิกกินผักอย่างเอร็ดอร่อย

“กรี๊ด!” ธิดาดอยกรีดร้อง แต่เสียงที่ออกมาคือ จิ๊บๆ เมื่อเธอเห็นหนอนหลายสิบตัวชอนไชขึ้นมาจากพื้นดิน หนอนเป็นสัตว์ที่เธอเห็นครั้งใด ขยะแขยงเมื่อนั้น เธอรู้มาว่า หนอนคืออาหารของนก เธอภาวนาอย่าให้นกหงส์หยกโปรดปรานหนอน

“อย่านะ แกอย่ากินนะ อย่ากิน” ธิดาดอยบอกนกหงส์หยกที่เวลานี้ ชะโงกหน้าลงไปมองหนอนที่ไต่หยุบหยับ ทำท่าทางเหมือนจะจิกกิน ถ้ากิน เธอคงอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุงแน่

บทก่อนหน้า
บทถัดไป