บทที่ 3 ตอนที่ 3 เทพเจ้ายี่ซิง
ไป๋หลันอยู่คนเดียวในห้องเกือบสามเดือนแล้ว ถึงเธอจะอยากออกไปเที่ยวบ้าง แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากออกไปไหน สุดท้ายจึงสั่งอาหารมาที่ห้องและนั่งดูซีรีส์ ดูการ์ตูน ดูอนิเมะต่อไป บางวันก็อ่านนิยายบ้าง เล่นเกมบ้าง
ไป๋หลันไม่มีพี่น้อง เป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับปู่ย่า การเรียนไม่ค่อยได้เรื่อง แต่โชคดีเป็นคนที่เก่งกีฬา เธอจึงได้โควตาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวา ด้วยคะแนนเกาเข่าเพียงสามร้อยกว่าเท่านั้น หลังเรียนจบก็หางานทำไม่ได้ เพราะได้รับบาดเจ็บที่แขนและขาจนต้องผ่าตัด ความฝันอาชีพนักกีฬาจึงต้องหยุดลงด้วย ยังดีที่เธอได้เงินจากการแข่งขันก่อนหน้ามาจำนวนหนึ่ง จึงยังพอใช้ชีวิตต่อไปได้ แม้จะต้องเดินด้วยท่าทางแปลกๆ
ไม่นานปู่ย่าก็มาเสียชีวิตติดๆ กันอีก เธอจึงขายบ้านของปู่ย่า เพราะไม่อยากฟังคำบ่นของพวกเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะป้าหลิวที่วันๆ คอยแต่ถามเธอว่าทำงานอะไร เธอหนีไปอยู่ในตัวเมืองปักกิ่ง แม้อากาศจะแย่มาก แต่ไป๋หลันที่มีเงินซื้อห้องเล็กๆ อยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
จากนั้นมาเธอพยายามหางานทำแล้วแต่หาไม่ได้เลยเพราะเธอทำงานหนักไม่ไหว เพื่อนสนิทคนเดียวของเธอก็แต่งงานไปแล้ว แฟนเฮงซวยของเธอก็มาบอกเลิก ทั้งที่เขาขอหมั้นกับเธอแล้ว สุดท้ายชีวิตของไป๋หลันจึงลงเอยด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง ใช้เงินเก็บจนร่อยหรอลงเรื่อยๆ ถึงเธอจะกังวลแต่ก็ไม่อยากออกไปหางานทำ
เธอเคยถูกคนอื่นๆ เรียกว่าเป็นพวกป่ายล่าน [1] ครั้งหนึ่ง ตอนที่เธอออกไปหาเพื่อนสนิท พวกผู้ชายที่เป็นเพื่อนกับสามีของเพื่อนเธอก็แซวเธอเล่นๆ แบบนั้น เพราะมันบังเอิญพ้องเสียงกับชื่อของเธอ แต่มันทำให้ความรู้สึกของไป๋หลันยิ่งดิ่งจนไม่กล้าออกไปไหนอีก
ความสุขเดียวของเธอตอนนี้คือการดูซีรีส์ ดูอนิเมะ อ่านหนังสือ เล่นเกมอยู่ในห้อง เธอชอบสะสมแปลนธนูเก่า มันทำให้เธอหลงรักเสื้อผ้าแบบโบราณด้วย บางครั้งเธอก็อยากไปงานคอสเพลย์บ้าง แต่ติดที่ไม่กล้าออกไป เธอจึงได้แต่สั่งผ้ามาลองตัดใส่เอง แม้ฝีมือของเธอจะห่วยแตกชนิดที่มองไม่ได้ แต่เสื้อตัวแรกที่เย็บเองนั้นก็ทำให้เธอภูมิใจมาก
วันนี้ไป๋หลันเห็นข่าวในโต่วอิน [2] บอกว่าจะมีการรวมตัวกันของเหล่านักคอสระดับโลก ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังโบราณกู้กง ในอีก 15 วัน ทุกคนต้องจองตั๋วพิเศษเท่านั้น หัวใจของไป๋หลันกลับมาเต้นแรงในรอบ 4 ปี มันเป็นครั้งแรกที่เธออยากออกไปข้างนอกมากๆ
เธอตัดสินใจแย่งชิงตั๋วพิเศษ เธอใช้ความสามารถในการเล่นเกมจนแย่งมาได้สองใบ หยิบเอาชุดที่เธอเย็บด้วยตัวเองมาลองทาบๆ หน้ากระจกอยู่นาน แต่มันห่วยแตกจนเธอไม่อาจโกหกตัวเองได้
ไป๋หลันขายตั๋วอีกใบ ซึ่งราคาแรงมากจนเธอสามารถเอาเงินนั่นไปซื้อชุดฮั่นฝูชุดใหม่ได้พอดี ชุดนั้นสวยจนชวนตะลึง มีเกล็ดสีทองประดับตามชายกระโปรงด้วย ไป๋หลันตื่นเต้นมาก ได้ยินว่าถูกตัดเย็บตามแบบโบราณแท้ๆ
เธอเฝ้ารอวันที่จะได้ออกไปพบเจอเหล่าเลเยอร์ [3] ด้วยใจจดจ่อ แม้ชีวิตของเธอตอนนี้จะบัดซบสิ้นดี
พอถึงวันงานอีเวนต์จริงๆ บรรยากาศดีกว่าที่ไป๋หลันกังวลมาก ไม่มีใครสนใจที่เธอใส่ชุดโบราณ เพราะใครๆ ก็ใส่ แต่ละคนที่เดินผ่านไปมาก็สวยงามจนไม่อาจละสายตาได้ ไม่มีใครมาคอยถามเธอว่าทำงานอะไร ทุกคนต่างพูดถึงแต่ชุดและการตัดเย็บที่แสนลำบาก มีคนขอถ่ายรูปชุดของไป๋หลันด้วย แม้ตัวเธอที่เดินท่าทางผิดปกติจะไม่เหมาะกับชุดเลยก็ตาม
ไป๋หลันไม่มีเพื่อนมาด้วย ดังนั้นเมื่อขบวนนักคอสเคลื่อนเข้าไปด้านในพระราชวัง เธอจึงรั้งอยู่ท้ายขบวนตามที่ตั้งใจแต่แรก ทุกคนเดินดูและตื่นเต้นกับพระราชวังที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่ประตูไท่เหอจนถึงประตูเสินอู่
ทุกอย่างช่างมหัศจรรย์ชวนหลงใหลจนไป๋หลันเดินช้าลง ช้าลง เธออยากเดินสำรวจพิพิธภัณฑ์พระราชวังกู้กงมากกว่านี้ ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจแยกตัวจากขบวน และไม่มีใครสนใจว่าเธอจะหายไปไหนด้วย
ไป๋หลันเดินย้อนกลับไปทางหอนาฬิกา ตำหนักเฟิงเสียน เธอเฝ้ามองนาฬิกาแต่ละเรือนที่งดงาม เดินดูทีละเรือน อ่านทุกตัวอักษรความเป็นมาของนาฬิกาพวกนั้น ราวกับต้องมนตร์
กระทั่งเธอเดินมาถึงป้าย ห้ามเข้า! กำลังปรับปรุง แต่เพราะที่นี่คือบริเวณที่ตั้งของหอนาฬิกาน้ำเครื่องแรกของโลกที่ถูกออกแบบโดยเทพเจ้ายี่ซิง ซึ่งเป็นนักดาราศาสตร์ชาวจีน นักคณิตศาสตร์ นักประดิษฐ์ วิศวกรเครื่องกล นักปรัชญาและพระภิกษุในราชวงศ์ถัง ถูกสร้างโดยนักประดิษฐ์อัจฉริยะซูซ่ง แม้จะถูกทำลายไป แต่รัฐบาลก็ได้สร้างขึ้นใหม่โดยอ้างอิงจากแบบในบันทึกเก่าแก่ สร้างขึ้นโดยไม่ผิดเพี้ยนจากบันทึกเลย
ไป๋หลันรู้สึกอยากเห็นหอนาฬิกากลน้ำนี้มากจนห้ามใจไม่ได้ เหมือนถูกบางอย่างครอบงำ เธอที่ขี้ขลาดมาเป็นปี กล้าที่จะเดินเข้าไปในห้องต้องห้าม ในห้องนั้นทั้งกว้างและสูงใหญ่ ค่อนข้างมืดเพราะปิดอยู่ มีหอนาฬิกาตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้อง
หอนาฬิกาน้ำถูกสร้างใหม่สูงประมาณเก้าเมตร หรือเทียบเท่าตึกสองสามชั้นได้ มีนั่งร้านที่ทำจากไม้ไผ่ล้อมรอบ เธอรู้สึกอยากปีนขึ้นไปดูกลไกด้านบนอย่างมาก จึงแอบปีนขึ้นไปตามนั่งร้านไม้ไผ่พวกนั้น แม้เธอจะขาพิการเจ็บแขน แต่ยังคงมีความคล่องตัวตามแบบฉบับนักกีฬา
ตามแต่ละชั้น มีตัวอักษรที่วิศวกรเขียนเอาไว้คร่าวๆ ว่าต้องสร้างอย่างไร ไป๋หลันสนใจเพ่งมองแต่ตัวอักษรจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องนี้
ลุงเจ้าหน้าที่เห็นคนปีนขึ้นนั่งร้านจนถึงชั้นบนสุด ทั้งยังสวมชุดฮั่นฝูโบราณ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แน่ เขาจึงตะโกนออกไป
“ใครน่ะ เข้ามาทำอะไรในนี้”
ไป๋หลันตกใจอย่างแรงไม่ทันระวัง จับนั่งร้านพลาด พลัดตกลงมาจากที่สูงกะทันหัน หัวใจของเธอหล่นวูบ
‘ตายแน่!!’ ไป๋หลันคิดในใจ เพราะช่วงพลัดตกลงมา เธอเห็นชัดเจนว่าด้านล่างมีไม้ไผ่ที่ถูกตัดปลายจนแหลมคมรอรับเธออยู่
แต่เธอไม่ได้กลัว กลับหลับตาลงและหวังว่าจะไม่เจ็บมาก
‘ตายตอนนี้ก็ดี เงินเก็บก็แทบไม่เหลือแล้ว จะได้ไม่ต้องออกไปหางานทำ เทพเจ้ายี่ซิง..ขอบคุณที่ทำให้พ้นทุกข์เร็วขนาดนี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอเกิดมาแล้วไม่ต้องทำอะไรมาก นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในห้องก็พอ ถ้าท่านทำให้ความหวังของฉันเป็นจริง สัญญาว่าจะช่วยกู้ชาติตอบแทน’ เธอบอกตัวเองขำๆ ในใจระหว่างที่กำลังตกลงไปด้านล่างเรื่อยๆ ...
รูปหอนาฬิกากลไกน้ำเครื่องแรกของโลก [4]
[1] เทรนด์ของวัยรุ่นจีนตอนนี้ ‘ป่ายล่าน’ (摆烂) แปลว่า ‘ปล่อยให้เน่า’ ที่หมายถึงการปล่อยวางเรื่องความสำเร็จ ไม่ทะเยอทะยานอยากได้งานรายได้สูง และหันมาทำงานเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่หาได้เลี้ยงตัวเองไปวันๆ โดยไม่คิดอะไร นอนเน่าอยู่แต่ในห้อง ไม่พยายามดิ้นรน
[2] โซเชียลมีเดียของจีน
[3] (เลเยอร์) : เป็นการเรียกผู้ที่แต่งคอสเพลย์อย่างสั้น แผลงมาจากคำว่า Cosplayer (ย่อคำแบบญี่ปุ่น Cosp “layer”) คำนี้นิยมใช้ในทางสากล โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น Coser (คอสเซอร์) ◾ นักคอส / นักคอสเพลย์
[4] ทำหน้าที่เป็นเครื่องบอกเวลาและทำนายการเคลื่อนตัวของดวงดาว หรือเรียกว่าหอนาฬิกาคำนวณดาราศาสตร์พลังน้ำ มีเครื่องกลซับซ้อน แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ส่วนของการบอกเวลา มีหน้าต่างแสดงเวลาตามป้าย หมุนตามจำนวนเวลา 100 เค่อ บอกเวลาตั้งแต่ 1 วันจนครบ 1 ปี ชั้นที่ 2 ส่วนของตำแหน่งดวงดาว เรียกว่า ‘หุนเซี่ยง’ มีการติดตั้งลูกโลกทรงกลม มีปุ่มโลหะเลียนแบบตำแหน่งดวงดาว ชั้นที่ 3 ส่วนของวงล้อดาราศาสตร์ เรียกว่า ‘หุนอี๋’ มีวงล้อสำหรับสังเกตการขึ้นและตกของดวงดาว รวมถึงตำแหน่งของดาวบนท้องฟ้า เพื่อคำนวณเวลาตกฟาก
เครดิต : www.arsomsiam.com/หน่วยเวลาและนาฬิกาจีน
