บทที่ 8 8
“อื้อ…ก็อยากกอดนี่นา” คราวนี้เธอเปลี่ยนเป้าหมายมากอดชาวัตน์แทน อกอวบหยุ่นเบียดแนบแผงอกกว้าง ชายหนุ่มใจระรัว รีบดันเธอออกไป
“หาเรื่องลวนลามฉันหรือไง”
นราพิมพ์ยังคงยิ้มหวาน เมื่อชาวัตน์ไม่ให้กอด เธอจึงกระโจนเข้าไปหมายจะกอดพงษ์ทัตแทน แต่ชาวัตน์ดึงคอเสื้อเธอไว้ได้ทัน
“กรี๊ด ! ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย” เขาพูดเสียงเข้ม ดึงเธอมานั่งบนตัก แล้วกอดเอวไว้หลวมๆ
“ปล่อย…”
“ไม่ปล่อย…ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเมาง่ายขนาดนี้แสดงว่าที่บอกว่าไม่เคยกินเหล้าคงเป็นเรื่องจริงสินะ” ชาวัตน์กระซิบพร้อมจุมพิตเบาๆ ที่ต้นคอระหง เธอสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ยอมเบี่ยงหลบซ้ำมือน้อยยังลูบไล้ต้นขาเขาเล่นอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก
“เฮ้ชาย นายน่าจะแบ่งปันความสุขให้เพื่อนบ้างนะ” สมรักษ์เอ่ยออกมาหลังจากเงียบไปนาน
“ไม่ได้” ชาวัตน์ปฏิเสธเสียงเฉียบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“ทำไมวะ หวงหรือไงไหนว่าเป็นผู้หญิงแก้เหงา แบ่งให้เพื่อนๆบ้างจะเป็นไรไป” พงษ์ทัตแทรกอย่างไม่พอใจ
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ในน้ำเสียงเริ่มมีแววไม่พอใจก่อนจะดึงหญิงสาวให้ลุกยืน “กลับเข้าห้องเธอไปซะแล้วอย่าออกมาอีก”
“ไม่อาววว” เธอลากเสียงยาว ตาฉ่ำปรือ “ขออีกแก้วนะ นะๆ”
“เมาแล้วชอบกอดผู้ชาย ฉันไม่มีทางให้เธอดื่มแก้วที่สามอีกแน่ๆ”
“ทำมายยย อื้อ ปล่อยฉันนะคะคุณชาย ฉันจะดื่มต่อ”
“กล้าขัดคำสั่งฉันเชียวเรอะ” ชายหนุ่มตะคอกก่อนช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแนบอก พาเข้าห้องใต้บันไดที่คับแคบ ภายในห้องเธอเก็บกวาดจนสะอาด กลางห้องคือฟูกที่นอนบางๆ หมอน1ใบ และผ้าห่มอีกผืนหนึ่ง
เห็นห้องที่เธอต้องใช้อาศัยนอนแล้วชาวัตน์ก็อดใจหายไม่ได้แต่ก็พยายามย้ำเตือนในใจว่า…เธอเป็นเพียงโสเภณีรับจ้างที่เขาไม่ต้องการ เธอใช้ร่างกายแลกเงิน ที่พยายามตื้ออยู่กับเขาก็เพื่อเงินสองแสน
“อยู่ในนี้แหละ แล้วอย่าออกไปจุ้นจ้านวุ่นวายข้างนอกนะ” สั่งเสร็จเขาก็หันหลังจะออกจากห้องแต่เธอยังวิ่งตามมากอดเขาจากทางด้านหลัง
“ขอออกไปด้วยคนสิ นะๆ”
“เธอนี่เวลาเมาแล้วเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” ชายหนุ่มบ่น “เมาแล้วทำตัวร่านกว่าตอนไม่เมาเสียอีก คงต้องทำให้เธอสร่างซะก่อนมั้ง”
เขาลากเธอออกจากห้องใต้บันไดพาไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องส่วนตัวของเขา
“เอ้า จะได้หายบ้าเที่ยวไล่กอดผู้ชายซะที” ชายหนุ่มเปิดฝักบัว หยาดน้ำพร่างพรมรดเธอจนเปียกโชก จากนั้นก็ปิดน้ำ เบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ…ให้ตายสิ ยามที่เสื้อสีขาวเปียกแนบเนื้อ มองเห็นบราเซีย เนินอก และเอวเล็กอย่างเด่นชัด
“คุณชาย…” เสียงเธอแผ่วโหย เริ่มได้สติ เธอกอดตัวเองไว้ด้วยมืออันสั่นเทา หนาว…หนาวเหลือเกิน
“อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอออกไปเพ่นพ่านอีกนะ”
ร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำตรงไปยืนกลางห้องนอนโดยมีนราพิมพ์ตามไปติดๆ
“คุณชายคะ ฉันขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม”
เขาปรายตาไปมองเธอเพียงแว่บเดียวแล้วถามอย่างเย็นชา
“จะถามอะไร”
“ทำไมคุณชายถึงรังเกียจฉันนักคะ”
“คำตอบก็ง่ายแสนง่าย เธอคิดเองไม่ได้หรือไง…ที่ฉันรังเกียจก็เพราะเธอน่ารังเกียจยังไงละ”
“คุณชาย !” เธอตวาดลั่น เงื้อมือขึ้นสูง ขณะที่เขาเลิกคิ้วขึ้น ถามปนหยัน
“ทำไม ? จะตบฉันหรือไง เอาสิ”
มือที่ชูขึ้นสูงสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงต่ำแนบข้างลำตัว
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะตบคุณ”
“รู้แบบนี้ก็ดีแล้ว” พูดจบ ชายหนุ่มก็ผลุนผลันออกจากห้อง ทิ้งให้เธอทรุดนั่งกองที่พื้นแล้วร่ำไห้เพียงลำพัง
โธ่…เอาอีกแล้ว น้ำตาไหลอีกแล้ว ทำไมนะ…ช่วงนี้หัวใจเธอถึงได้อ่อนแอเหลือเกิน
จะขอเพียงเศษเสี้ยวความปรานีจากเขาบ้างก็ไม่ได้เลยเชียวหรือ… ขอเพียงความเห็นใจ คำพูดจาดีๆ แม้สักนิดหนึ่งก็ยังดี
ทว่าสิ่งที่เธอได้รับกลับมีแต่ความเหยียดหยัน ถ้อยคำดูถูก และสายตาหมิ่นแคลนที่ทิ่มแทงจนใจเธอปวดร้าวทุกครั้งที่สบตาด้วย
คิดหรือว่าถ้าเลือกได้ เธอจะมาเป็นโสเภณีชั่วคราวให้ผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนกอดจูบ แต่ที่ต้องทำก็เพราะความจำเป็นบีบบังคับ
หญิงสาวลุกยืน ปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มอย่างลวกๆ ก่อนจะดึงโทรศัพท์เครื่องน้อยออกจากกระเป๋ากระโปรง โชคดีที่มันไม่เปียกน้ำ เพราะน้ำที่เขาราดเธอนั้นมันเปียกแค่ส่วนศีรษะและเสื้อยืด กระโปรงชื้นเป็นบางส่วนเท่านั้น ไม่งั้นมีหวังมือถือราคาถูกของเธอคงเจ๊งแน่ๆ
นราพิมพ์กดหาชื่อที่บันทึกไว้ ก่อนจะโทรออก ไม่นานนัก พ่อก็รับสาย
/ฮัลโหล พิมพ์ ตอนนี้พิมพ์อยู่ไหนลูก/
