บทที่ 1 ชอบความรู้สึกนี้
“บัดซบ... ความหยาบคายของนางโลมผู้นี้ มันทำให้ข้าอยากหลั่งความสุขออกมาจนหมดตัว” ชายหนุ่มว่าเสียงเหี้ยม และใจก็ปรารถนาอยากครอบครองนาง
เย็นวันนั้น หนังตาหญิงสาวหนักอึ้ง คราแรกตั้งใจดื่มสุราเพียงจอกเดียว แต่คนรักของนาง พี่หาน หรือจิ่งเว่ยหาน บอกด้วยเสียงทุ้มๆ น่าฟังว่า พรุ่งนี้เขาจะต้องเข้าทดสอบวัดความรู้ และใช้เวลาหลายวันที่ห้องสอบสำนักศึกษาเมืองฝาง ดังนั้นนางที่อยู่บ้านเช่าเพียงลำพังอาจต้องว้าเหว่ และการดื่มสังสรรค์ ใช้เวลาร่วมกันอย่างหวานชื่นในเย็นวันนี้ คงเป็นสิ่งสมควรที่สุด ของคู่รัก
รั่วตงอวิ๋นมองคนรักของนาง บุรุษผู้นี้สะโอดสะอง ผิวขาวเหลือง ปากบาง คิ้วหนาแต่คมเหมือนกระบี่ จมูกโด่งสวย ยามที่เขาใช้ปลายจมูกชนแก้ม และถูไถแก้มนาง ทำให้ความอุ่นซ่านในกายสาวลุกโชน
นางพึงใจต่อคนรูปงาม ความคิดนี้อาจตื้นเขิน ทว่าอีกสิ่งที่นางเชื่อใจเขาคือ จิ่งเว่ยหาน เป็นบุรุษที่ยื่นมือช่วยเหลือรั่วตงอวิ๋น ให้หลุดพ้นจากนรกในเรือนหลังใหญ่ ซึ่งไม่เคยมีใครมอบความรักให้สตรีที่แสนอาภัพผู้นี้เลย
“สุราจอกนี้ เรียกว่าเหล้ามงคลได้หรือไม่พี่หาน” นางทอดเสียงหวาน ถามไถ่ ดวงตากลมโตฉ่ำปรือ มองคนรักที่หล่อเหลาเปี่ยมด้วยเสน่ห์ นางกับจิ่งเว่ยหานเดินทางมาจากเมืองเล็กๆ ห่างจากเมืองหลวง (เมืองฝาง) ราวๆ หกร้อยลี้ ขึ้นทั้งเรือ นั่งรถม้า และเดินเท้า พอมาถึงที่นี่ นางก็ใช้เงินเก็บที่มีเช่าบ้านหลังเล็กๆ ทางฝั่งตะวันตก พร้อมตั้งใจเปิดหน้าบ้านขายบะหมี่ไข่ รอวันที่จิ่งเว่ยหาน สอบรับราชการสำเร็จ ยามนั้นนางกับเขาจะได้ใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาร่วมกัน ความฝันนางดีงามเช่นนี้ และเขาเติมเต็มให้หัวใจดวงน้อยที่เปี่ยมด้วยความรักสมบูรณ์
สตรีที่มีบุรุษพร้อมดูแล และนางจะเป็นหลังบ้านให้เขา เพียงเท่านี้นับว่าประเสริฐแล้ว
“ได้สิ เราก็เหมือนคนๆ เดียวกัน นับแต่เจ้าก้าวเท้าออกจากเรือนหลังนั้น ข้าเห็นแต่ร้อยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะตลอด จำได้ไหม บิดาเกลียดชั่งเจ้า และมารดานั้นด่วนตายจาก ส่วนท่านย่ากับแม่เลี้ยง วันๆ คอยหาแต่เรื่องขายเจ้าให้พ่อค้าในเมืองไป๋กว้าน”
ได้ยินอย่างนั้นหญิงงามก็ถอนหายใจออกมาหลายเฮือกใหญ่ นางคือลูกชังของบิดา เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นเล่า เพราะมารดานางถูกทหารต่างแคว้นข่มเหง!
เรื่องนั้นคือสิ่งที่น่าอดสู ทว่าอย่างไรนางก็คือลูกของรั่วเหอ ผู้รับราชการด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นห้า ทำหน้าที่เก็บอากรและส่งเข้าคลังหลวง
ส่วนมารดาผู้ล่วงลับของรั่วตงอวิ้น ฝ่ายนั้นได้เอาชีวิตของตนเป็นเดิมพัน นางทั้งลุยไฟ และอดอาหารร่วมเดือน หากสุดท้ายทั้งบิดา ท่านย่ากลับไม่เชื่อ กระทั่งวันหนึ่งมารดาของรั่วตงอวิ้นขึ้นเขาเพื่อไปถือศีลกลับต้องเสียชีวิตด้วยการผลัดตกน้ำ เรื่องนี้ฝังใจหญิงสาวเรื่อยมา ซึ่งตอนนั้นนางอายุได้เพียงแปดขวบ
“พี่หานคือ คนที่รักข้ารองจากท่านแม่”
รั่วตงอวิ้นเอ่ยจบ ก็เช็ดน้ำตาตน และได้มือใหญ่ๆ ช่วยเช็ดอีกแรง
ยามนั้นร่างกายนางผะผ่าวร้อน ความรู้สึกยามใกล้ชิดกับจิ่งเว่ยหาน เต็มไปด้วยไฟราคะ หากนางเป็นสตรี ไฉนจะกล้าเอ่ยปากบอกเขา จึงทำได้แค่การส่งสายตาเชิญชวน และแสดงท่าทางที่ไม่น่าเกลียดจนเกินงามเท่านั้น
ริมฝีปากนางเผยออ้า แลบเลียลิ้นเล็กๆ สีชมพูออกมา
หญิงสาวรอเวลาอยู่ประเดี๋ยว หนุ่มรูปงามก็ประกบริมฝีปาก
“อื้อ... พะ พี่หาน... ขะ ข้า... ชอบความรู้สึกนี้”
นางบอกเขา ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง ในเมื่อทั้งคู่หากกล่าวแล้วก็คือ สามีภรรยากัน
“อืม ข้าจูบและดูด ทั้งขบเจ้าได้ดีกว่านี้”
หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นพลันขนลุกซู่ และจิ่งเว่ยหาน จูบนาง จูบที่ริมฝีปาก
และดูดพร้อมกับดึงรั้งริมฝีปากล่างลงมาให้นางซาบซ่าน
สองมือของนางทุบไหล่หนา ด้วยตกใจ ระคนสยิวจัด
ทว่าเขาไม่ได้หยุดหากส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก กวาดเร่งเร้า และหยอกเย้านางอย่างถึงใจ
“อื้อ... อ๊ะ... อี๊... พะ พี่หาน”
ลิ้นเขาทั้งสากและอุ่นจัด แต่ยามนี้สิ่งที่ทำให้นางครางไม่เป็นภาษาคือ การที่เขาปลดสายรัดเอวนางออก มือใหญ่ก็เลื่อนไปวางแปะกลีบงามๆ ในร่มผ้า
รั่วตงอวิ๋นสมองขาวโพลนไปหมด นางรู้ว่าต้องตกเป็นของจิ่งเว่ยหาน และเตรียมใจเตรียมรับศึกครั้งนี้ ทว่านางก็อยากให้ทุกอย่างถูกต้อง เขากับนางสมควรแต่งงาน มีการกราบไหว้ฟ้าดิน รวมถึงหนังสือรับรองจากศาลเมืองฝาง นั่นคือสิ่งที่นางคิดไว้
“ข้าปรารถนาท่าน ตะ แต่... ทุกอย่างต้องไม่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ” บอกเขาไปอย่างนั้น และการหายใจก็ติดๆ ขัดๆ เนื่องจากนิ้วของเขา แทรกกลีบอวบอูม และถลำลึกลงไปสัมผัส
เกรสหวานฉ่ำของนาง แล้วบีบบี้พอให้นางส่งน้ำใสๆ ออกมาจนชุ่มมือเขา
“พี่หานกำลังทำร้ายข้าหรือไม่”
ความไร้เดียงสาของนาง ทำให้จิ่งเว่ยหานพึงใจยิ่ง สตรีผู้นี้งดงาม อ่อนหวาน และฉ่ำเยิ้มเหลือเกิน สมแล้วที่เขาเลือกนางมาที่นี่ด้วยกัน
