บทที่ 3 บุปผางาม

รั่วตงอวิ๋นตื่นขึ้นมาในห้องที่มีกลิ่นแปลกๆ หอมอยู่หรอก แต่บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นอายบุรุษเข้มข้น และไม่ใช่แค่คนเดียว เพราะมันหนาหนักจนอึดอัด

พอนางขยับตัว ก็เจ็บแปลบที่ศีรษะ ทั้งรู้สึกมวนท้อง แต่นอกเหนือจากนั้น ข้อเท้าข้างหนึ่งมีโซ่ล่ามไว้ ทั้งเสื้อผ้าเป็นเพียงเอี๊ยมบังทรงกับกางเกงขาสั้น เปิดเผยเนื้อหนัง ทั้งที่อากาศในห้องนี้ค่อนข้างเย็น

เกิดสิ่งใดขึ้น ร่างกายอ่อนเพลียเหลือเกิน และทั้งห้องมีเพียงแสงจากเทียนไข มันอึมครึมไปหมด

“อ๊ะ... พี่หาน... ทะ ท่านอยู่ที่ใด”

หญิงสาวร้องเรียกอีกฝ่าย แต่ไม่มีเสียงเขาตอบกลับ พอกวาดตาสำรวจให้ถ้วนถี่ สถานที่นี้ดูคล้ายห้องขัง หรือไม่ก็ห้องสำรับลงโทษผู้คน

เกือบพักใหญ่ เสียงหัวเราะแหลมเล็กก็ดังขึ้น คนที่โผล่หน้ามาคือ ลี่ชุน ด้านหลังนางมีผู้ชายตัวหนาใหญ่สองคน ทั้งคู่วางสีหน้าเหี้ยม มองแล้วรั่วตงอวิ๋นไม่อาจคิดเป็นอื่น หากไม่ใช่ว่า นางถูกจับตัวมา

“พะ พวกท่านทำสิ่งใดพี่หาน จับตัวข้ามาเพื่อเรียกค่าไถ่เยี่ยงนั้นหรือ”

นางคะเนว่า ข่าวที่นางหลบหนีออกจากเรือน คงทราบถึงหูบิดาแล้ว แต่คนอย่างเขาจะสนใจนางได้เยี่ยงไร ปกตินางก็เป็นพวกไม่มีตัวตนอยู่ในสกุลรั่ว บิดาคงไม่คิดจ่ายเงินเพื่อให้ผู้อื่น เพื่อให้นางไปอยู่ขวางหูขวางตาเป็นแน่

“สาวน้อย ไม่มีการเรียกค่าไถ่... นับแต่นี้เจ้าคือบุปผางามของหอวสันต์รัญจวน!”

รั่วตงอวิ่นตกใจ สีหน้านางสลด ริมฝีปากสั่นน้อยๆ แม้ไม่ใช่คนฉลาดเฉลียว มีไหวพริบมาก ทว่าชื่อหอแห่งนั้นเป็นที่โด่งดัง ด้วยมีนักเล่านิทานกล่าวถึงเสมอ และสาวงามอันดับต้นๆ ก็มีค่าตัวดั่งทองคำ ชีวิตพวกนางหากเทียบแล้วก็ประหนึ่งองค์หญิง ผิดแต่ต้องนอนกับบุรุษไม่ซ้ำหน้าเท่านั้นเอง

เป็นสตรีที่ใช้ร่างกายปรนเปรอให้กับบุรุษ หากเรียกง่ายๆ อย่างที่ท่านย่าชอบตวาดใส่มารดานางตอนที่อีกฝ่ายมีชีวิตก็คือ ‘เป็นโสเภณี คือสตรีที่ไร้คุณค่า!’

“พวกท่านเข้าใจผิด ข้าเป็นภรรยาของบบัณฑิตผู้หนึ่ง และเขากำลังจะสอบเข้ารับใช้เป็นขุนนางในสำนักผังเมือง แน่นอนเขาต้องได้เป็นขุนนางขั้นห้าอย่างไม่ต้องสงสัย พี่หานคือคนมีปัญญา ฉลาดเฉลียว สกุลเขาก็เป็นที่รู้จักของผู้คน”

ลี่ชุนมองแม่นางคนงาม ใจอยากหัวเราะเยาะใส่หน้า แต่ตอนนี้ การซื้อใจอีกฝ่าย และผูกมิตรเอาไว้ เพื่อให้นางเชื่อฟัง ย่อมดีที่สุด

“ผู้ชายของเจ้า ติดหนี้ข้าเกือบสองพันตำลึงเงิน คิดดูเถิด...เงินเดือนขุนนางตงฉิน ในหอผังเมืองนั้น หากไม่รู้จักกินใต้โต๊ะ ปีหนึ่งจะได้สักเท่าใด เช่นนี้เขาถึงได้ส่งตัวเจ้ามาให้ข้าดูแล รู้เช่นนี้ คนฉลาดคงเข้าใจทุกสิ่งได้ง่ายๆ อย่าต้องทำให้ตนเองเดือดร้อน หรือร่างกายพิการเลย มันไม่คุ้มหรอก เจ้าเป็นแม่นางที่มีใบหน้าล่มเมือง ทางที่ดี ควรใช้ให้เกิดประโยชน์”

“หากให้ข้าเป็นโสเภณี ชีวิตนี้ขอตายดีกว่า”

รั่วตงอวิ๋นเอ่ยจบ นางก็ถุยน้ำลายใส่หน้าลี่ชุน ภาพของมารดาที่ถูกท่านย่าดูถูก และบิดาทำท่าทีเย็นชาใส่ เป็นแผลในหัวใจนาง และพอมารดจากไป นางก็รับเคราะห์กรรมดังกล่าวไม่ต่างจากอีกฝ่าย

ฝ่ายแม่เล้าที่ทำงานมานาน และเก่งการเจรจา หงุดหงิดจัด แต่นางไม่อยากให้ร่างกายนุ่มนิ่มนี้ได้รับแผล จึงกล่าวเสียงเหี้ยมเป็นการข่มขู่

“มีเวลา 12 ชั่วยาม จงเลือกเอา อยากรับแขกทีละคน หรือต้องการให้ข้าจับเปลือยกายแล้วยัดใส่กรงขังหมูส่งเจ้าไปซ่องในค่ายทหาร คนอย่างลี่ชุน ชอบนักพวกที่คิดลองดีกับข้า”

รั่วตงอวิ๋นไม่ตอบ นางมึนงง และสับสน ภาพในหัวที่ฝันเอาไว้ว่าจะเป็นเพียงภรรยาของคนผู้หนึ่ง ให้กำเนิดบุตรแก่คนๆ เดียว พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดีแล้วในยามนี้ และแม้นางพยายามกลั้นก้อนสะอื้นไว้ แต่น้ำตาก็ไหลอาบหน้าจนได้

คืนนั้นอากาศแปรปรวนหนัก ตอนกลางวันฝนตก พอฟ้ามืดก็ร้อนอยู่สักหน่อย กระทั่งต้นยามซวี* (คือ 19.00 – 20.59 น.) อากาศกลับเย็น ค่อนข้างหนาว

หอวสันต์รัญจวนเกิดความโกลาหลเล็กๆ แขกมากันตั้งแต่ช่วงบ่าย พอถึงเวลานี้มีการปิดชั้นบนสุด และคุณชายลึกลับท่านหนึ่ง มีคำสั่งให้คัดเลือกสาวงามไปบริการเขาถึงสิบคน!

คนผู้นั้น เพิ่งกลับมาเมืองหลวงในรอบหลายปี การแต่งตัว ทั้งท่าทางจึงดูดิบเถื่อน ไร้มารยาสักหน่อย

บุรุษที่มีไอสังหารท่วมร่าง สวมหน้ากากที่มีเขาทู่ๆ ด้านบน เป็นแบบครึ่งหน้า ขับให้ดวงตาคมกริบคู่นั้นดูอำมหิต ส่วนริมฝีปากบางสีสด แม้มีรอยหยักสวย ทว่าการส่งเสียงของเขาที่แหบต่ำ สลับการคำรามเป็นระยะๆ ใครที่ได้พบเขาก็อยากวิ่งหนีไปให้ไกล

เขาเป็น เสือรึ... ไม่ใช่หรอก ดูคล้ายหมาป่า ที่พร้อมจะกัดคนอื่นเสียมากกว่า

ลี่ชุนทำใจอยู่หลายหน เพื่อมาพบคนผู้นั้น แต่พอมาถึงห้องรับรอง นางก็เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก

“ตอนนี้แขกมากันไม่ขาดสาย เกรงว่าสาวงามที่คุณชายของท่านต้องการอาจไม่พอ แต่อย่าห่วง ข้าขอเวลาสักครึ่งชั่วยาม จะจัดให้พร้อม แล้วถ้าไม่เกรงว่าปีนี้ข้าอายุสามสิบแปด ข้าก็จะเป็นหนึ่งในสาวงามที่ปรนนิบัติคุณชายท่านนั้น”

ลี่ชุนว่าและยิ้มให้จางคังฉิก ที่วันนี้ปกปิดฐานะที่แท้จริงของตนเอาไว้ และคุณชายของเขาที่มาเที่ยวตรอกแห่งนี้ คือองค์ชายเจ็ด โต้วเซ่าเหล่ย

“แม่เล้าลี่ อายุเจ้ามากถึงเพียงนี้ สมควรอยู่บ้าน ให้ลูกหลานบีบนวดร่างกายดีหรือไม่ ยังมีน้ำหน้าจะรับแขก และแขกที่ว่าเป็นถึงคุณชายของข้า!”

จางคังฉิกแยกเขี้ยวใส่ลี่ชุน และนางหน้าเสีย ทั้งฉุนจัด แต่เงินของอีกฝ่ายหนา และจ่ายดีมาก ฉะนั้นย่อมต้องฉีกยิ้มหวานหลอกล่อเอาไว้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป