บทที่ 1 บทที่ 1
ร่างสูงเพรียวในชุดกางเกงผ้าเนื้อดีเข้ารูปและเสื้อเชิ้ตสีเข้มคาดด้วยเข็มขัดหนังราคาแพง บนศีรษะมีหมวกทรงเท่ปิดเส้นผมรองทรงสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกายงดงามจนน่าอิจฉา เพราะมันเหมือนดวงตาของตุ๊กตาเด็กเล่นตัวน่ารัก ริมฝีปากบางเป็นกระจับหยักโค้งที่มุมลึก เป็นลักษณะของคนมีแววโด่งดังจากพรสวรรค์ของตน
“มาคัส ป้าว่าถ้าหลานหิวจะสั่งอะไรมาทานก่อนขึ้นเวทีก็ได้นะ เพราะกว่าเจ้าหน้าที่จะเตรียมงานเสร็จก็คงอีกประมาณ 1 ชั่วโมง”
มาคัส มาเวลล์ อัจฉริยะทางด้านดนตรีปรายตามองป้าเฮเลนก่อนเหลือบเลยไปยังเวทีที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ ริมฝีปากบางเฉียบบิดเบ้ราวกับจะเหยียดหยันเจ้าหน้าที่ ทำไมไม่จัดเตรียมให้พร้อมก่อนตั้งแต่เมื่อวาน แบบนี้หากเขาเป็นเจ้านาย เขาจะหักเงินเดือนเจ้าหน้าที่พวกนี้ให้หมดทั้งเดือน โทษฐานที่ทำให้อัจฉริยะอย่างเขาต้องมานั่งรอเป็นชั่วโมงอย่างไร้สาระเสียเวลาชะมัด
“คราวหน้า ถ้ามีงานอีเวนท์ที่ไหนอีก ป้าช่วยบอกให้เขาเตรียมให้พร้อมก่อนที่ผมจะมานะครับ แบบนี้มันน่าเบื่อชะมัด”
“เอ่อ...ก็ป้าบอกแล้วไง ว่า...”
“ผมไม่กิน จะเดินดูอะไรไปเรื่อยๆ เสร็จเมื่อไหร่ก็ไปตามผมด้วยแล้วกัน”
แล้วร่างสูง 180 ซม. ของชายหนุ่มวัย 22 ปี ผู้ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองของใครต่อใครในแวดวงดนตรี มาคัส มาเวลล์ถือเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีขนานแท้ เขาสามารถเล่นเครื่องดนตรีสากลได้ทุกชนิดตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี จากนั้นอีก 2 ปีต่อมา เขาก็กลายเป็นนักแต่งเพลงที่อายุน้อยที่สุดในโลก เขาแต่งได้ทั้งเพลงสากลและเพลงไทย ความจริงแล้วเขามีชาติกำเนิดเป็นลูกเสี้ยว ไทย-อังกฤษ-อเมริกัน พูดและแต่งเพลงได้ 5 ภาษา นั่นก็คือ ไทย อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศสและสเปน
ไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะและนักแต่งเพลงที่อายุน้อย แต่ยังเป็นชายหนุ่มซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติมากมาย หล่อ รวย ฉลาด เก่ง เพราะเหตุนี้มาคัสจึงได้ทุกอย่างมาโดยง่าย โดยเฉพาะสาวงามต่างตบเท้าเรียงหน้ากระดานมาให้เลือกเรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งเลยทีเดียว
“ญาเอ้ย ออกไปซื้อไข่มาให้แม่หน่อยสิลูก เอามาสัก 2 แผงนะ วันนี้ร้านไข่ยังไม่มาส่งเลย เดี๋ยวจะไม่ทันการ”
“ได้จ้ะแม่”
ร่างเล็กในวัย 12 ขวบ ผิวขาวละเอียดลออสวมชุดเอี๊ยมกางเกงขาสั้นน่ารัก เรือนผมยาวตรงดำขลับถูกมัดเป็นแกละ 2 ข้าง รอยยิ้มสว่างไสวส่งไปให้คนเป็นแม่พร้อมรับเงินจากมือแม่ แล้วกระโดดหยองแหยงออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ซื้อไข่มาแล้ว อย่ากระโดดเข้ามานะญา เดี๋ยวไข่แตกหมด”
นางสมศรียังตะโกนไล่หลังบอกลูกสาว แต่ดูเหมือนคนเป็นลูกหาได้ใส่ใจไม่ วันนี้ญารินดามีความสุข เธอกระโดดไปฮัมเพลงที่เพิ่งเรียนมาเป็นการฝึกไปในตัว เสียงของเธอใสราวกับแก้วเจียระไน มีกังวานคล้ายระฆังแก้วบางใส ท่วงทำนองนั้นอาจมีเพี้ยนไปบ้างเพราะคนร้องยังเด็กนัก แต่เสียงเพลงนั้นก็เรียกความสนใจจากร่างสูงซึ่งเดินผ่านมา
มาคัสเหลือบตาสีฟ้ามองลอดปีกหมวกไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงผมแกละ เสียงของเธอทำเอาเขาอดทึ่งไม่ได้ มันมีเสน่ห์เหลือล้นจนเขาต้องมองตาม ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเสียงของเด็กน้อย อายุของเธอไม่น่าจะเกิน 10 ขวบด้วยซ้ำ เขาเห็นเพียงใบหน้าขาวใสอมชมพูด้านข้าง ปลายจมูกโด่งรั้นและกลีบปากที่เผยอออกร้องเพลง ถ้าโตขึ้นคงสวยไม่แพ้นางฟ้าบนสวรรค์ แต่ไม่ยักรู้ว่านางฟ้าจะชอบร้องเพลงด้วย
ที่สำคัญ ใบหน้าเล็กตอนร้องเพลงนั้นดูมีความสุขมาก ความสุขที่ได้ร้องเพลง ไม่เหมือนนักร้องบางคนเสียงไม่ได้เรื่องแต่ใช้หน้าตาเข้ามาเป็นนักร้อง แปลก...ค่ายเพลงเหล่านั้นก็รับเป็นนักร้องในสังกัดไปได้ คงเป็นเพราะตั้งใจจะขายหน้าตานักร้องมากกว่าน้ำเสียง
เมื่อยังไม่มีใครมาเรียก มาคัสก็รั้งรอเด็กสาวอยู่บริเวณนั้น เขาอยากทำความรู้จักกับเธอ อยากรู้ว่าเธอชื่ออะไร เป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วมาทำอะไรที่นี่ เด็กตัวน้อยอย่างเธอเวลานี้ควรจะอยู่ที่บ้านมากกว่า มาคัสไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเด็กสาวตัวเล็กแค่นี้ ความต้องการในบางอย่างมันพุ่งเข้าหาอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
‘มาคัส แกอย่าคิดอะไรบ้าๆ นะ ผู้หญิงมากมายที่อยากให้แกเลือก แต่ไม่ใช่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้น’
ชายหนุ่มแม้วัยจะเพียงน้อยนิดแต่ประสบการณ์อันมากล้นในทุกเรื่อง รู้สึกร้อนวูบวาบและหงุดหงิดงุ่นง่านจนต้องเดินกลับไปหน้าเวที บัดนี้การจัดเตรียมเวทีเสร็จสิ้นแล้ว มาคัสถึงกับถอนใจยาวอย่างโล่งอก อย่างน้อยการหวนกลับมาหาสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดคงจะดีกว่าการรอคอยเด็กน้อยตัวกระจ้อยร่อยแต่เสียงใสดังระฆังแก้วคนนั้น
เพราะทั้งวิ่งทั้งกระโดดโลดเต้นทำให้เด็กน้อยสะดุดขาตัวเองล้ม หัวเข่ากระแทกพื้นถนนอันแสนร้อนจนแตกเลือดออกซิบ ทำให้เธอต้องหาที่นั่งพักและใช้ปากเป่าหัวเข่าแดงถลอกของตน
“โอ๊ย! ไม่น่ากระโดดเลย เจ็บจัง”
เด็กสาวตัวน้อยบ่นก่อนพยุงกายลุกขึ้นเดินต่อไปยังร้านขายของชำตรงหัวมุมถนน ไม่นานเธอก็มีถุงใส่ไข่ไก่ 2 ถุง ติดมือ 2 ข้าง ร่างน้อยเดินกะเผลกกลับเข้าไปในโรงแรม ความจริงจะมีอีกประตูหนึ่งซึ่งใช้สำหรับคนครัวเดินเข้าออก แต่เด็กสาวเลือกเดินเข้าประตูใหญ่อย่างเช่นขาไปเพราะไม่ต้องเดินอ้อมไกล
แต่การกลับเข้ามาอีกครั้งก็ทำให้เธอถึงกับงุนงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนถึงได้มากมายจนต้องเบียดเสียดเช่นนี้ ความสงสัยทำให้เธอแทรกร่างน้อยนิดเข้าไปหาต้นตอ พลันเห็นภายในห้องบอลรูมเบื้องหน้ามีเวทีขนาดเล็ก มีเปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับร่างสูงเพรียวซึ่งสวมหมวดปิดบังใบหน้ากำลังบรรเลงเพลงหวานด้วยเปียโนราคาแพง
ร่างเล็กแทรกตัวเข้าไปยืนอยู่แถวหน้าสุด เสียงเปียโนขับกล่อมเป็นเพลงไพเราะจนเธอเคลิบเคลิ้ม ดวงตากลมโศกจับจ้องไปยังร่างหลังเครื่องดนตรีสุดหรู ซึ่งมีไว้สำหรับพวกเศรษฐีเท่านั้นที่จะเล่นมันได้ สำหรับเด็กสาวซึ่งเกิดมาจากสลัมอย่างเธอคงไม่มีทางได้แตะปลายนิ้วสัมผัสมัน
ถ้ามีสักวันหนึ่ง เธอได้ไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังเปียโนบ้างก็คงดี...
เด็กสาวปล่อยตัวปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีด้วยการหลับตาลงและฮัมเพลงในลำคอเบาๆ แม้เพลงที่เธอฮัมนั้นจะไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไรและมีความหมายใด แต่เธอก็มีความสุขที่ได้ทำเสียงคลอตามอย่างไร้ความหมาย
