บทที่ 2 ตอนที่ 2

ทุกวันนี้หล่อนทำอาชีพอิสระ ไม่ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจึงไม่ต้องยึดติดอยู่กับวันเวลา ตลอดระยะเวลาสองปีภายหลังลาออกจากอาชีพพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาทำงานเป็นนักเขียนนิยายที่ตัวเองรัก ระรินน์มีรายได้ทุกเดือนไม่ต่ำกว่าแสน

และครอบครัวที่ญี่ปุ่นของหล่อนก็มีฐานะร่ำรวยมาก ระรินน์จึงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองแต่อย่างใด

“รินน์แน่ใจนะ… ”

ที่แทนไทต้องถามย้ำอีกครั้ง…

ก็เพราะเขารู้ว่าถ้าระรินน์ตัดสินใจเช่นนี้ หล่อนจะต้องย้ายจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาอยู่เชียงใหม่ อยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกับพ่อสามี

“ค่ะ… แน่ใจสิคะ… รินน์อยากช่วยดูแลคุณพ่อ… รินน์สงสารพ่อสันต์ค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือระหว่างนี้รินน์จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน…”

ระรินน์ให้เหตุผลกับสามี…

ทุกวันนี้หล่อนรู้สึกเบื่อหน่ายกรุงเทพเต็มที ที่เชียงใหม่อากาศดีมาก และนี่เป็นโอกาสดีที่หล่อนจะได้รื้อฟื้นประสบการณ์ด้านพยาบาลที่เรียนมาแต่แทบไม่เคยได้ใช้

“แต่อาการป่วยของพ่อพี่… เอ่อ… มันไม่เหมือนคนอื่นๆ นะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อแทบไม่พูดกับใครเลย… แล้วพ่อก็เอาแต่ใจตัวเอง… ”

แทนไทรู้เรื่องนี้จากปากของ ‘ป้าชื่น’ หญิงวัยหกสิบซึ่งเป็นคนงานเก่าแก่ ป้าชื่นทำงานในไร่แห่งนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้าที่สันต์จะมาซื้อต่อจากเจ้าของเดิม

ทุกวันนี้ป้าชื่นมาทำความสะอาดให้บ้านหลังนี้รวมทั้งหาข้าวปลาอาหารให้กับสันต์เป็นประจำ

ตอนแรกที่รู้เรื่องนี้แทนไทก็ตกใจมาก สัปดาห์ต่อมาเมื่อถึงวันหยุดก็รีบลางานแล้วเดินทางมาดูอาการของบิดา

“ไม่เป็นไรค่ะ… รินน์คิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณพ่อเหมือนคนที่ถูกทิ้งไว้นาน เท่าที่เห็นร่างกายของท่านยังแข็งแรงมากไม่ซูบผอม รินน์เชื่อว่าอาการของคุณพ่อจะดีขึ้นถ้ารินน์มาอยู่เป็นเพื่อน… ”

ระรินน์ยังคงยืนยันว่าอยากมาอยู่ดูแลพ่อสามี

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ… ”

แทนไทถามย้ำอีกที กลัวว่าระรินน์จะรับมือไม่ไหว

“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ… ”

น้ำเสียงหนักแน่นของภรรยาที่ได้ยิน ทำให้แทนไทรู้สึกซาบซึ้งจนต้องกุมมือหล่อนขึ้นมาบีบ

“พี่ขอบใจรินน์มาก… ขอบใจที่สุด”

แทนไทโอบกอดเมียรัก…

รู้สึกตื้นตันอยู่ในอกจนพูดไม่ถูก เขามองคนไม่ผิดจริงๆ

ตลอดสามปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ผู้หญิงคนนี้ทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเสมอมา และวันนี้หล่อนก็ยังอาสาที่จะดูแลบิดาของเขา

อีกสองสัปดาห์ต่อมา

ที่ไร่องุ่นของสันต์ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินน์มาอยู่ดูแลสันต์ได้สองอาทิตย์กว่าๆ

ช่วงแรกๆ ที่ต้องมาอยู่บ้านของพ่อสามี หล่อนยอมรับว่ารู้สึกหนักใจอยู่บ้าง

เพราะว่าเกือบสัปดาห์ที่หล่อนมาอยู่ร่วมชายคาบ้านกับสันต์ เขายังคงพูดน้อย วันๆ แทบไม่พูดไม่จากับใครรวมทั้งหล่อน

อันที่จริง…

งานดูแลพ่อสามีก็ไม่ได้หนักอะไรมาก แม้ว่าเขาจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงบ้างในบางวันแต่สันต์ก็ยังเดินเองได้ แม้อาจจะช้าหน่อยแต่เขาก็เข้าห้องน้ำและอาบน้ำเองได้ปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียงอาการหนัก

และเท่าที่ระรินน์ประเมินอาการป่วยของสันต์ด้วยสายตา หล่อนเชื่อว่าเขาไม่ได้ป่วย

แต่อาการที่แสดงออกมาน่าจะเป็นผลมาจากจิตใจมากกว่าสภาพร่างกายที่ยังดูแข็งแรงมาก

“พ่อสันต์คะ… ได้เวลากินยาแล้วนะคะ… ”

ระรินน์เดินมาพร้อมกับยาในมือและแก้วน้ำเหมือนเช่นหลายๆ วันที่ผ่านมา

หล่อนเอายาใส่มือของสันต์ ทว่าครั้งนี้เขาไม่กินเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ขว้างยาทิ้งไปในสนามหญ้าอย่างไม่ไยดี

“อุ๊ย… พ่อสันต์มีแรงขว้างยาทิ้ง แสดงว่าอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงดีขึ้นมากนะคะนี่… ”

แทนที่จะโกรธ…

แต่ระรินน์มองบวก หล่อนไม่ได้แสดงอารมณ์กับความดื้อดึงของสันต์ สมกับที่เคยเรียนพยาบาลและมีจิตวิทยา เมตตาและอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลคนป่วยประเภทนี้

ระรินน์รู้ว่าผู้ชายดื้อแบบนี้หล่อนควรจะเข้าหาเขายังไง

ร่างเอิบอิ่มในชุดเสื้อแขนกุดสีชมพูคอกว้างกับกางเกงขาสั้นสีดำบางๆ แนบเน้นสรีระจนดูรัดรึงทั้งบนและล่าง ค่อยๆ ขยับเข้ามานั่งใกล้รถเข็นของสันต์

“ไม่กินยาก็ไม่เป็นไร วันนี้พ่อสันต์ดูดีขึ้นมากนะคะ ดูหน้าตายังหล่อเหลา หนูว่าพ่อสันต์ควรรีบรักษาตัวให้หายแล้วหาเมียใหม่สักคนดีไหมคะจะได้ไม่เหงา… ”

สะใภ้คนสวยแกล้งเย้าชวนคุย…

ก่อนจะกุมมือของพ่อสามี บีบเบาๆ ให้กำลังใจ ช่วยบีบนวดมือและแขนให้กับเขาอยู่ครู่ใหญ่ๆ

มือเรียวไล้ลูบท่อนแทนกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อของพ่อผัว ปกคลุมไว้ด้วยเส้นขนสีดำ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป