บทที่ 2 ปฐมบท 1 กำราบให้สิ้น2
แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ “หากเจ้าพาสมุนโจรทั้งหมดเข้าสวามิภักดิ์แต่โดยดี ซากศพพวกนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น” กล่าวพลางกวาดตามองเศษเนื้อของคนตายที่เคยมีร่างกายครบส่วนอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกยิ่ง
“ความสามารถของเจ้าย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้บ้านเมืองและแว่นแคว้นเยี่ยนสืบไป”
หัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงได้ฟังพลันแค่นเสียงหยัน “หึ! มิคาดว่าท่านแม่ทัพหยางผู้เก่งกาจในการศึกจะเป็นบุรุษที่ชอบฝันเฟื่องเยี่ยงนี้ ช่างพูดจาไร้สาระนัก!”
“เจ้า!” รองแม่ทัพคนเดิมถลันขึ้นหน้าอีกคราอย่างเดือดดาล “นังโจรถ่อย!”
เรียวตางามที่พ้นหน้ากากเงินตวัดฉับ “นังโจรถ่อยอย่างข้ายังดีกว่าสวะรับใช้ขุนนางถ่อยชั่วช้าเยี่ยงพวกเจ้า!”
“สามหาวนัก! ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”
รองแม่ทัพชักกระบี่ทำท่าพุ่งตัวฟาดฟันอย่างไม่ยอม กลับถูกหยางเจี้ยนหันมาถลึงตาปราดหนึ่ง เขาถึงได้กัดฟันบดกรามยอมสงบลงอีกครั้ง ท่าทางคล้ายหมาป่าถูกล่ามโซ่
จังหวะนั้นหญิงสาวผู้ยืนค้ำหล้าอย่างทระนงองอาจกลับเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน
แมลงสารพัดชนิดถูกปลดปล่อยออกมาจนมืดดำ นางเพียงผิวปากภายใต้หน้ากากเงินเท่านั้น รอบด้านคล้ายมีหมอกควันขมุกขมัวปกคลุมโดยรอบบริเวณ อัดแน่นไปด้วยแมลงมีพิษทันที
หยางเจี้ยนหาใช่บุรุษไร้ฝีมือไม่ เขาผ่านมาหลายสมรภูมิรบ กลการศึกอีกนับไม่ถ้วน ตำแหน่งแม่ทัพบูรพาฉายาจอมกระบี่สุริยัน มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่นอน
ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นสั่งการทันใด เหล่าทหารกล้าหลายคนฟาดฟันแมลงพิษ หลายคนกระจายตัวออกไปค้นหากลุ่มโจรที่เหลือ
ส่วนตนเองพุ่งตัวเข้าใส่หญิงสาวหัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงผู้ยืนโดดเด่นอยู่ผู้เดียวบนเชิงเนิน
นางเองย่อมตั้งรับรออยู่แล้ว
หญิงสาวหาได้ครั่นคร้ามต่อการเผชิญหน้ากับบุรุษที่พุ่งมาหาด้วยท่าทางรุนแรงไม่ กลิ่นอายบนตัวเขาที่พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายปานนั้น นางก็หาได้หวาดหวั่นอันใด
แม้ตัวคนจะแผ่ไอสังหารกระหายเลือดอย่างเข้มข้นออกมาเทียมฟ้า นางก็แค่แค่นเสียงเย็นหนึ่งคราก่อนทะยานร่างขึ้นสูงเทียมกัน
เสียงเคร้งคร้างเกิดขึ้นฉับพลัน
การปะทะกันของสุดยอดฝีมือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ใครที่มองทันกลับต้องรู้ซึ้งถึงคำว่าแสบตาอย่างแท้จริง
ท้องฟ้าที่สาดแสงสว่างเจิดจ้าเมื่อครู่กลับมืดครึ้มอึมครึมทันใด ดวงตะวันคล้ายถูกดวงจันทร์บดบังแทนที่อยู่ชั่วเวลาหนึ่ง
จังหวะกระบี่กระทบกันจนเกิดประกายเงินสะเก็ดไฟ หยางเจี้ยนยังไม่หยุดโน้มน้าวหญิงสาวผู้ที่เขานับถือในฝีมือ
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง กลับตัวกลับใจเถิด แล้วมอบตัวกับทางการ ผันตนจากฝ่ายอธรรมเสีย”
“ฝันไปเถอะ!”
ฟ้าที่มืดครึ้มกลับมาสาดแสงสว่างเจิดจรัสอีกครั้ง กำลังภายในสายหนึ่งถูกส่งมายังกระบี่จนร้อนวูบเกิดคลื่นพลังอันไร้รูปลักษณ์วาบขึ้นมาวาดเป็นเส้นแสงกรีดกลางอากาศ ยามที่หยางเจี้ยนตวัดกระบี่ออกไป
ดาบดวงเดือนในมือสตรียิ่งขยับขับเคลื่อนว่องไวปราดเปรียว คล้ายมีจันทร์เสี้ยวโค้งคมบาดลึกอ่อนไหว ทว่ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไร
นางลากแสงเงินเย็นเยียบผ่านแสงตะวันที่สาดส่องร้อนระอุ เกิดเป็นความเดือดพล่านตัดกันชนิดคนละขั้ว
ร่างใหญ่กับร่างเล็กประชิดประมือสลับการผละออกจากกันเพื่อเดินลมปราณขั้นสูง ก่อนกระโจนเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้งและอีกครั้ง
คนสองคนพุ่งทะยานฟาดฟันกันจนป่าราบทั้งแถบ เกิดเป็นหลุมใหญ่ยาวเหยียดความกว้างขนาดฝ่าเท้ามัจจุราชความลึกหลายชุ่น[1]
เศษหินทรายกระจัดกระจาย ฝุ่นกรวดปลิวว่อน ไม่ต่างจากอาวุธลับกระชากวิญญาณของเหล่าปีศาจร้าย
การต่อสู้ของชายหญิงเกิดขึ้นเนิ่นนาน
เสียงสั่นครืนก้องหล้า คล้ายแผ่นดินสะเทือนกึกก้อง ดังลั่นสะท้านผืนป่าสะท้อนหุบเขาอยู่เช่นนั้น
จังหวะพุ่งตัวเข้าปะทะและกรีดกระบี่ใส่กันในระยะประชิด ใบหน้าของพวกเขาแทบแนบสนิท ยังดีที่มีอาวุธคมกริบกางกั้น มิเช่นนั้นคงคล้ายกับทำสิ่งอื่นมากกว่าฆ่าฟัน
ขณะดวงตาคมสบประสานดวงตางามภายใต้หน้ากากเงินคู่นั้น หยางเจี้ยนสัมผัสได้ว่าพลังทำลายล้างของสตรีตรงหน้าสูงกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
ทว่าเสียงสตรีกลับดังลอดไรฟันอย่างเรียบง่ายแต่หนักแน่นยิ่ง
“ข้ามีหน้าที่ของข้า ท่านมีหน้าที่ของท่าน แม้เราสองไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ข้าจะติดตามท่านกลับเมืองหลวง ขอแค่วาจาสัตย์ เพียงท่านรับปากข้า”
บุรุษแค่นเสียงรับ “ได้! ว่ามา”
สตรีผละออกสะบัดดาบ ก่อนพุ่งเข้ามา กระบี่บุรุษกรีดอากาศทะยานรับรุก เกิดการปะทะราวอสนีบาตฟาด กำเนิดประกายแสงแปลบปลาบไม่จบสิ้น
“ดี! ศึกนี้หนักหนา ข้ายอมตายภายใต้เงื้อมมือท่าน แลกกับผลงานใหญ่หลวงของท่าน แต่ไม่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติ ค่ายโจรแห่งนี้จะสิ้นสลายไปพร้อมกับชีวิตของข้า คนที่ตายล้วนตายไปถือว่าชดใช้กรรม แต่คนที่หายสาบสูญนั้น ขอแค่ท่านไม่ตามหาหรือหมายหัวพวกเขาอีก ข้าจะลดดาบในมือยอมให้ท่านบั่นคอเดี๋ยวนี้”
บุรุษเบิกตากว้าง ยังไม่ทันเอ่ยปาก นางตรงหน้ากลับลดดาบลง คมกระบี่ของเขาก็ตรงเข้าหาลำคอขาวผ่องทันที
แน่นอนว่าด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าและความแรงของกำลังภายในอันแกร่งกล้า กระบี่พระราชทานจึงเฉือนลำคอระหงนั้นจนเลือดสาดทันใด
และภาพสุดท้ายที่หยางเจี้ยนได้เห็นจากสตรีผู้สวมหน้ากากเงินปิดบังใบหน้าก็คือดวงตาคล้ายระบายยิ้มยินดี นางยินดีปกป้องผู้คนด้วยชีวิตอันมีค่ามหาศาลของตน
ฉายาของนางคือเงาดาบจันทราฆ่าคนไม่กะพริบตา
นางมีพลังและความเร็วปานฟ้าผ่ากอปรกับฝีมือยุทธ์อันร้ายกาจยากต้านทาน
การฆ่านางย่อมมิใช่เรื่องง่าย
มีความจริงอยู่สิ่งหนึ่งว่าการเอาชนะนางนั้นแม้มิใช่ว่าไม่มีทาง เพราะอย่างไรวันนี้ค่ายโจรเถื่อนย่อมมีจุดจบ มิอาจยืนหยัดได้นานนัก
หากแต่หย่างเจี้ยนผู้ก้าวแกร่งที่สุดแห่งเมืองหลวงพลันรู้ดีแก่ใจว่ามันมิใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
---
[1] 1 ชุ่น = 1 นิ้ว




































