บทที่ 2 ภาคนิยาย - 2

วีรกรรมของเฟิ่งซีอวิ๋นแม้จะมีนับไม่ถ้วน ทว่าฮ่องเต้และฮองเฮากลับไม่เคยลงโทษนางเลยสักครั้ง ทำอย่างมากสุดก็แค่ตำหนิเท่านั้น ทำให้เหล่าบ่าวไพร่ที่เคยถูกนางทำร้ายล้วนไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ป้าได้ข่าวว่าเจ้าตบตีนางบ่าวผู้นั้นหรือ?” ‘หลี่ฮองเฮา’ ทรงตรัสถามหลานสาวด้วยพระสุรเสียงอ่อน ทรงรู้อุปนิสัยของเฟิ่งซีอวิ๋นดี แม้นางรูปกายภายนอกจะไม่งดงามมาก แต่ทว่าหากมองลึกภายในจิตใจแล้วนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว

เฟิ่งซีอวิ๋นวางจอกชาลง นางพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “เพคะ หลานพบว่าบ่าวผู้นั้นเป็นคนของเซี่ยซูเจี๋ย อีกทั้งอาหารที่นำมาปรุงให้หลานล้วนเป็นของที่ไม่สดสะอาด เงินจำนวนมากที่ท่านแม่มอบให้พวกนางนำไปซื้อวัตถุดิบดีๆ ล้วนตกเป็นของติงฮูหยินกับเซี่ยซูเจี๋ยหมด หากหม่อมฉันไม่ทำเช่นนี้เกรงว่าสองแม่ลูกนั้นคงจะได้ใจไปอีกนาน”

หลี่ฮองเฮากุมมือของเฟิ่งซีอวิ๋นด้วยความห่วงใย “ป้ารู้ แต่วิธีการแสดงออกของเจ้านั้นค่อนข้างรุนแรงมากไป หากเจ้าจะลงโทษป้าขอให้เจ้าลงโทษแบบรุนแรงครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปพบองค์รัชทายาทที่แคว้นเว่ยเถิดนะ”

“เสด็จป้าก็ทรงรู้นี่เพคะ รัชทายาทเว่ยเลี่ยงหรงไม่ใคร่โปรดปรานหลาน เขามีสตรีในดวงใจอยู่แล้ว อีกทั้งข่าวลือของหลานก็แพร่สะพัดไปไกลมาก...” เฟิ่งซีอวิ๋นเอ่ย

“หลานป้าสู้คนมาตลอด กลายเป็นคนยอมแพ้ได้อย่างไร เชื่อป้าเถิด...รัชทายาทต้องไม่หลงเชื่อคำเล่าลือพวกนั้นเป็นแน่” หลี่ฮองเฮาทรงเลี้ยงดูเฟิ่งซีอวิ๋นมาตั้งแต่นางยังเยาว์วัยด้วยเพราะพระนางนั้นไม่มีบุตรสาว กอปรกับหม่าฮูหยินนั้นให้กำเนิดบุตรสาวขึ้นมา พระนางจึงทรงเอ็นดูเป็นพิเศษ ขนาดที่ฮ่องเต้ทรงรู้ว่าพระนางโปรดปรานหลานสาวผู้นี้มากเพียงใดจึงทรงพระราชทานยศท่านหญิงให้ทีเดียว

เมื่อคิดเว่ยเลี่ยงหรงแล้ว รอยยิ้มของเฟิ่งซีอวิ๋นพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้างดงาม “ไม่รู้ว่าผ่านไปห้าปีแล้ว รัชทายาทเว่ยเลี่ยงหรงจะจำหลานได้หรือไม่”

เพราะเมื่อห้าปีก่อนที่เคยเจอกันนั้นพวกเขาทั้งสองเจอกันแค่ผิวเผินเท่านั้น ทว่าดูเหมือนเว่ยเลี่ยงหรงในวัยสิบแปดชันษาจะยังไม่มีท่าทีชมชอบนางเท่าใด ต่างกับเฉินเป่าหลิงหรือเฉินฮองเฮาที่เป็นเสด็จแม่ของเขา ซึ่งทรงพระทัยดีกับนางไม่ต่างจากหลี่ฮองเฮานัก แต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนทีไร นางอดชิงชังเซี่ยซูเจี๋ยไม่ได้นัก ต่อให้อีกฝ่ายจะมีสถานะที่ต่ำกว่า แต่ทว่ากลับได้รับความสนใจจากอู๋ไทเฮาซึ่งเป็นเสด็จย่าของเว่ยเลี่ยงหรง อีกทั้งยังมีความสนิทสนมกับเขามากกว่านางเสียอีก!

“หลานได้ข่าวว่าเซี่ยซูเจี๋ยได้รับอนุญาตให้เดินทางไปพร้อมหลานด้วยหรือเพคะ” เสียงของเฟิ่งซีอวิ๋นแข็งกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนางนึกถึงญาติผู้พี่ของตนที่งดงามกว่า กิริยาวาจาอ่อนหวานกว่า มีสถานะที่ต่ำศักดิ์แต่กลับได้รับความนิยมชมชอบมากกว่านางที่มีสถานะเป็นท่านหญิงเสียด้วยซ้ำ

“ใช่แล้วล่ะ ทางอู๋ไทเฮาเสด็จย่าของเว่ยเลี่ยงหรงส่งคนมาเชิญนางด้วยตนเอง ป้าก็เลยขัดไม่ได้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ป้าเชื่อว่าเจ้าต้องเอาชนะพระทัยรัชทายาทได้แน่นอน” เสด็จป้าฮองเฮากล่าวให้ความหวังเช่นนี้มีหรือที่คนหยิ่งยโสอย่างเฟิ่งซีอวิ๋นจะไม่ลำพองใจ

‘เซี่ยซูเจี๋ย ข้าเป็นถึงท่านหญิงของราชวงศ์ เจ้าอย่าคิดมาตัดหน้าแย่ง

ของที่เป็นของข้าไป!’

วันต่อมา ขบวนออกเดินทางสู่แคว้นเว่ยของท่านหญิงหลันซีอันยิ่งใหญ่สมฐานะ ค่อยๆ เคลื่อนพลในฐานะตัวแทนของแคว้นมู่เดินทางสู่แคว้นเว่ย หลันซีจวิ้นจู่แต่งกายในอาภรณ์งดงามค่อยๆ เยื้องย่างฝ่าเท้าขึ้นเกี้ยวอันหรูหราของตนเอง ก่อนจะสังเกตเห็นเซี่ยซูเจี๋ยกำลังจะขึ้นตามมา

นางเลิกคิ้วมองเซี่ยซูเจี๋ย “ใครให้เจ้าขึ้นมาบนเกี้ยวของข้า”

“...” เซี่ยซูเจี๋ยนิ่งอ้าปากค้างไปชั่วขณะ นางหันมามองบ่าวรายรอบทิศอย่างอับอาย “เอ่อ คือว่า”

ติงฮูหยินเดินมาหาหลันซีจวิ้นจู่เบาๆ แล้วกระซิบเอ่ย “ให้พี่สาวของเจ้าขึ้นไปด้วยมิได้รึ?”

“หึ” หลันซีจวิ้นจู่กดยิ้มลึกที่มุมปาก นางมองเซี่ยซูเจี๋ยอย่างเย้ยหยัน “นี่คือขบวนของข้า ขบวนของพระชายารัชทายาทเว่ยเลี่ยงหรง ในสาสน์เชิญนั้นก็ระบุเป็นชื่อข้า ส่วนของบุตรสาวท่าน...เอ๊ะ ข้าได้ข่าวว่าอู๋ไทเฮาทรงเชิญเองมิใช่รึ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องหาทางไปเอง มิใช่มานั่งร่วมขบวนกับข้า”

“มันจะมากไปแล้วนะเฟิ่งซีอวิ๋น!” ติงฮูหยินหรือติงจินเหลียงกล่าวกับเฟิ่งซีอวิ๋นด้วยใบหน้าถมึงทึงกับน้ำเสียงแข็งกระด้าง “เจ้าจะให้สกุลเฟิ่งกับสกุลเซี่ยอับอายหรืออย่างไร?”

เฟิ่งซีอวิ๋นเดินเข้าไปในนั่งเกี้ยวของนางอย่างอารมณ์ดี นางกางพัดของตนเองออกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องของสกุลเซี่ย ไม่เกี่ยวกับสกุลเฟิ่ง ถ้าบุตรสาวเจ้ามีความกล้ามากพอที่จะไปเจอว่าที่พระสวามีของข้า ก็หาทางไปเองสิ”

เซี่ยซูเจี๋ยกล่าวกับมารดาน้ำเสียงสะอื้น “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ใน

เมื่อท่านหญิงไม่ยินดี ลูกเดินไปก็ได้เจ้าค่ะ”

เฟิ่งซีอวิ๋นปรายหางตามองอย่างไม่สนใจ นางสั่งกับสารถีเสียงดังว่า “ออกเดินทาง ชักช้าจะเสียเวลา!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป