บทที่ 1 บทที่ 1
ร่างสูงพลิกตัวลงนอนหงาย หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน สาวงามยังคงตามมากอดก่ายร่างสูงเอาไว้ อิมรานผลักร่างอวบอิ่มออก เขาจะรู้สึกรำคาญทุกครั้งที่เมื่อเสร็จกามกิจ แล้วยังมีร่างสาวตามมากกกอดอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างขัดใจ เขาหยิบเงินจากกระเป๋าออกมาปึกหนึ่ง โยนให้หญิงสาวที่ยังนอนระทด-ระทวยอยู่บนเตียง
“นี่เงินของเธอ กลับไปได้แล้ว” เขาบอก
“แต่ว่า... รานคะ” หญิงสาวพยายามต่อรองเพื่อจะได้อยู่ต่อ เธอรักรูปร่างหน้าตา รักความรุนแรงที่เขามอบให้ และรักเงินของเขาด้วย
“เสร็จธุระระหว่างเราแล้ว กลับไปได้” อิมรานไล่อีกครั้ง
“แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกล่ะคะ” สาวงามถามอย่างคาดหวังว่าจะได้มีสัมพันธ์สวาทกับชายหนุ่มรูปงามอีก
“ฉันเป็นคนเบื่อง่ายเสียด้วย ยิ่งพวกเกาะติดยิ่งน่าเบื่อ” อิมรานบอกอย่างไม่ยี่หระ บ่ากว้างถูกยกขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเบื่อหน่ายจริงๆ ไม่ได้มีความสุขสมอย่างที่ควรจะเป็นเลย
“รานคะ” สาวงามหน้าเสีย แต่ยังเรียกชายหนุ่มเสียงหวานและออดอ้อน
อิมรานไม่ฟังเสียง เขายกมือขึ้นข้างหนึ่งโบกลาน้อยๆ ก่อนจะเดินโทงๆ เข้าห้องน้ำไปอย่างหน้าตาเฉย หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงจำต้องลุกขึ้นอย่างขัดใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าอย่างรีบเร่ง และคว้ากระเป๋าก้าวฉับๆ จากไป
อิมรานปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวอาบน้ำไหลลงผ่านร่างกำยำของตน ขจัดคราบคาวโลกีย์ออกไปให้หมด แม้ร่างกายจะสะอาดสะอ้านหมดจด แต่หัวใจยังคงหนักอึ้งและเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่ยังจำฝังใจ ตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ดวงตาคมกริบหลับตาลง และเงยหน้าขึ้นรับสายน้ำให้ตกลงมากระทบอย่างไม่หลีกหนี
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นตอนที่อิมรานอายุได้เพียง 5 ขวบ ภาพบิดาและมารดาที่ทะเลาะกันยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ
“ถ้าคุณไม่เลิกกับผู้หญิงพวกนั้น ก็เลิกกับฉันไปดีกว่า” นางผกากรองในวัย 24 ปี ยังสวยสดงดงามสมกับเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีหนุ่มรูปงามอย่าง นายอาหมัด ซายัต บิน ฟาฮัต เจ้าของธุรกิจบ่อน้ำมัน และโรงแรมอีกหลายแห่งในดูไบ
“คุณก็ต้องเข้าใจผมบ้างสิผกา ผมกำลังมีลูกกับพวกเค้า” นายอาหมัดบอกอย่างฉุนเฉียว
“แล้วฉันล่ะ ฉันไม่มีลูกกับคุณรึไง นี่อิมรานลูกชายของคุณไงคะ แล้วคุณยังต้องการอะไรอีก”
“ผมรู้ว่าอิมรานเป็นลูกของผม แต่ผมจะต้องรับผิดชอบพวกเธอและลูกๆ ที่กำลังจะเกิดตามมาด้วย”
“แต่ฉันจะไม่เป็นเมียหลวงหรอกนะ ถ้าฉันเป็นเมียเดียวของคุณไม่ได้ ก็ไม่เป็นมันเสียเลยจะดีกว่า” นางผกากรองน้ำตาไหลพราก มือนุ่มกุมมือเล็กๆ ของลูกชายตัวน้อยเอาไว้มั่น
“ผกา!”
“อาหมัด คุณจะให้ฉันต้องทนคุณอีกนานแค่ไหน ฉันยอมให้คุณทำเจ้าชู้ไก่แจ้กับผู้หญิงอื่นมามาก จนกระทั่งมีอิมรานขึ้นมา และเดี๋ยวนี้อิมรานก็อายุ 5 ขวบแล้ว คุณจะให้ฉันทนคุณไปอีกนานแค่ไหน กว่าคุณจะเลิกความเจ้าชู้ของคุณเสียที แค่มันไม่มีผลพวงที่ตามมา ฉันก็เจ็บมากพออยู่แล้ว แต่นี่... คุณจะให้ฉันยอมรับลูกเมียน้อยของคุณทุกคนเลยรึไง ฉันรับไม่ได้หรอกนะ และฉันก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เราเลิกกันเถอะ” นางผกากรองเอ่ยเสียงสั่น ก่อนจะจูงมือน้อยๆ ของอิมราน เดินขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าบนห้องนอน ไม่นานต่อมาก็จูงมือลูกน้อยลงมา เด็กชายอิมรานตัวน้อยมองหน้าแม่ที มองไปทางพ่อทีอย่างสงสัย
“แม่ครับ เราจะไปไหนกันเหรอครับ” เด็กชายอิมรานกระตุกมือมารดาแรงๆ
“เมืองไทยลูก เราจะไปอยู่เมืองไทยด้วยกันสองคนแม่ลูกนะอิมราน” นางผกากรองก้มลงบอกลูกน้อย และพาจูงมือเดินออกไปจากคฤหาสน์หลังงามหลังนั้นทันที
นายอาหมัดได้แต่มองตามสองแม่ลูกที่เดินออกจากชีวิตไปเงียบๆ โดยไม่ติดตามและง้องอนแต่อย่างใด ตอนนั้นเขาคิดแต่เพียงว่า ถ้าหล่อนอยากไปนักก็จะให้ไป แต่เมื่อนางผกากรองได้เดินทางมาถึงประเทศไทย ไม่กี่วันต่อมา นายอาหมัดก็ตามมาขอคืนดี ด้วยการบอกว่าจะเลิกกับผู้หญิงทุกคน แต่นางผกากรองไม่เชื่อ และไม่ยอมจะคืนดีกับเขา ดังนั้นอาหมัดจึงขอให้ตนได้ส่งเสียเลี้ยงดูอิมรานในฐานะพ่อบังเกิดเกล้า ทีแรกนางผกากรองก็ไม่ยอมไล่นายอาหมัดกลับไป แต่ในที่สุดเมื่อลูกน้อยเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ภาระค่าเลี้ยงดูก็เพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงที่อยู่ตัวคนเดียวกับลูกชายตัวน้อย ก็ต้องดิ้นรนทำมาหากิน แต่ก็ลำบากนักเนื่องจากอิมรานยังเด็กมาก และติดแม่ของตัวเองแจ นางผกากรองไม่อาจทำมาหากินได้อย่างเต็มที่ และเงินที่มีติดตัวมาก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว เมื่อนายอาหมัดติดต่อมาอีกครั้ง นางผกากรองจึงตอบตกลงให้อาหมัดได้ทำหน้าที่ของพ่อส่งเสียเลี้ยงดูอิมรานได้เต็มที่ แต่จะไม่มีวันกลับไปเหยียบดูไบอีกเป็นอันขาด
อิมรานเรียนจบปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ร่วมลงทุนกับเพื่อนๆ เปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ขึ้นมา โดยอิมรานนั้นเป็นหุ้นส่วนใหญ่ มีธาวินและวิฑูรย์เป็นหุ้นส่วนร่วม แต่ชายหนุ่มไม่ค่อยชอบงานบริหารสักเท่าไหร่ จึงปล่อยให้เพื่อนๆ ได้ช่วยกันบริหารงาน ส่วนตัวเขาจะเข้าไปดูในส่วนของต้นทุน รายได้ และค่าใช้จ่ายของบริษัทบ้างในบางครั้ง
แม้จะจบด้านบริหาร แต่ชายหนุ่มนั้นมีพรสวรรค์ในการวาดภาพสีน้ำมัน ภาพที่เขาวาดนั้น จะถูกเก็บเอาไว้ในห้องสตูดิโอเล็กๆ ที่คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯที่ชายหนุ่มได้พักอาศัย แต่เพื่อนๆ ที่ได้ไปเห็นเข้าก็ถูกใจและขอซื้อเก็บไว้ จนปากต่อปากบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ภาพของอิมรานจึงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และมีมูลค่าเป็นหลักล้าน แต่ชายหนุ่มก็ไม่รับวาดภาพให้ใครง่ายๆ ถ้าไม่ถูกใจกันจริงๆ
