บทที่ 5 ไม่มีนางฟ้าแม่ทูนหัว

ชายหนุ่มได้ยินแล้ว ก็อารมณ์ดี เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนเอ่ยกับหล่อนว่า

“พูดว่าจะกัดผม แล้วให้มันจริงเถอะ สายตาคุณที่มองมาเมื่อครู่ เหมือนอยากใช้ปากกับไอ้นั่นมากกว่า เปรี้ยวปากมาหลายวันสิท่า ได้เลย พอถึงบ้าน... ผมจะป้อนทุกอย่างให้คุณจนอิ่มจนล้นทะลักเอง”

“เงียบเถอะค่ะ ฉันปวดหัว ตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”

หล่อนบอก และหันหน้าไปมองด้านนอกที่รถแล่นผ่าน ในยุคสมัยที่อันหว่านถิงย้อนมา มีธรรมชาติที่งดงาม ทั้งอากาศก็ยังบริสุทธิ์

“คุณบอกว่าฉันไม่ดูแลลูก... แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนคะ”

“แม่ทูนหัวของเผิงน้อยช่วยเลี้ยงอยู่”

น้ำเสียงเขาที่พูดถึงแม่ทูนหัวอะไรนั่น มันเจ็บจี๊ด และทำให้หัวใจอันหว่านถิงหดเกร็ง

ฝ่ายเขาก็เหมือนจับสังเกตบางสิ่งใด ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ท่าทางเหมือนคนถือไพ่ที่มีแต้มต่อหล่อน

“เผิงน้อยติดคนบ้านหลี่ คงเป็นเพราะอาถิง... ทิ้งขวางแกบ่อย เฮ้อ เรื่องนี้คงแก้ยากแล้วสินะ”

เขาว่าและถอนหายใจแรงๆ ยามนั้นอันหว่านถิงกับเจ้าของร่าง ไม่พอใจมาก จึงเอ่ยว่า

“ฉันอยากกลับบ้านไวๆ และต้องรีบไปรับลูกด้วยค่ะ”

อันหว่านถิงบอกเขา ในใจพยามปะติดปะต่อเรื่องที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ และไม่รู้เหตุใด หล่อนสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับเฉินรุ่ยเผิง หรือเผิงน้อย ผู้เป็นลูกชายของหล่อนเหลือเกิน


ดวงตากลมโตมองซ้ายสลับขวา เมื่อครู่เด็กชายกลัวจับใจ คนทำสวนตัวโตๆ เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย แล้วเดินเข้าไปเอาขวดใสๆ ที่มีน้ำเสียงเหลืองออกมา จากนั้นก็เปิดฝาเทใส่แก้ว แล้วยกดื่มไปหลายอึก

ที่เด็กชายไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เพราะคนๆ นั้นชอบเตะโต๊ะเก้าอี้ และบางทีโวยวายหยิบของต่างๆ ในห้องนี้ไป เป็นของประดับโต๊ะ หรือแจกันสวยๆ พอเอาไป ก็มักบอกเจ้าของบ้านว่า เฉินรุ่ยเผิงเป็นคนเอาไปซ่อน แต่เขาอายุเท่านี้ นิ้วมือก็สั้นป้อม จะหยิบของใหญ่โตพวกนั้นได้อย่างไร

แล้วตอนนี้มีการทะเลาะกัน เรื่องสูบบุหรี่ในห้อง แม่บ้านจึงร้องห้าม ก่อนมีการยื้อยุดไปมา พอผู้ชายตัวเหม็นเห็นว่าเฉิงรุ่ยเผิงอยู่ตรงนั้น จึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมถลึงตาตาดุเด็กชายด้วย

“แกเห็นอะไรไหม ไอ้หมาหัวเน่า”

เฉินรุ่ยเผิง มองไปยังอาเค่อ ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่บ้านลู่ หรือ ลู่เพ่ยเพ่ย

“พี่พูดกับเสี่ยวเผิงดีๆ สิ” แม่บ้านลู่ตำหนิ แต่ยิ้มและส่งตาหวานให้อาเค่ออย่างหยาดเยิ้ม

“เฮอะ พูดดีไปทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใบ้ สมองน้อยนิด วันๆ เดี๋ยวกิน เดี๋ยวร้องเข้าห้องน้ำ เธอไม่เบื่อหรือไง ทำงานบ้านด้วย ยังต้องดูแลเด็กอีก”

“ก็มันได้เงินดี คุณหนูรองจ่ายฉันเพิ่มทีละห้าหยวนเชียวนะ สำหรับดูแลเด็กทึ่ม ที่แม่มันวันๆ เอาแต่ร่านหาเรื่องหนีเที่ยว และจับกลุ่มกับพวกคนรวยที่มาจากเมืองหลวง”

ลู่เพ่ยเพ่ยว่า แล้วมองเด็กชาย พอเห็นว่าเฉินรุ่ยเผิงจ้องตนอย่างสนใจ นางก็ยกไม้กวาด ทำท่าจะตีเขา

“เสี่ยวเผิง ไปเล่นข้างนอกนู้นไป พี่เพ่ยจะคุยธุระกับอาเค่อ” เธอบอกเด็กชาย และพอเห็นเขาชักช้า ก็สั่งคนสนิทของตนทำท่าน่ากลัวให้เด็กชายเห็น

เฉินรุ่ยเผิงยืนนิ่งอยู่เกือบอึดใจ พร้อมกลั้นฉี่ พอสองขามีแรง เขาก็วิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไป

เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาเล่นอยู่คนเดียวและรู้สึกหิวจัด เพราะลู่เพ่ยเพ่ย ไม่ได้ให้อาหารเขา เด็กชายเลยหลบออกจากสวนหลังบ้าน เขาไม่อยากอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ ที่นี่ไม่มีนางฟ้า ไม่มีคนใจดีกับเขาเลย

และเด็กชายวัยสามขวบกว่าแล้ว แต่ตัวเล็กกว่าปกติด้วยคลอดก่อนกำหนด ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจหลายสิ่ง แต่มีปัญหาด้านการสื่อสาร เขาพูดติดอ่าง มักสลับคำหน้าไปหลัง และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือการกิน เขากินเก่ง และจำได้ว่าที่บ้านแม่ไม่ชอบทำอาหาร ไม่ให้มีแม่ครัว หรือคนใช้เนื่องจากกลัวคนเหล่านั้นวุ่นวายกับพ่อ จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยๆ

ดังนั้นที่บ้านของเขา จึงมีผลไม้ ขนมปังจากต่างประเทศ ที่อยู่ในกล่องกระดาษ ในกล่องเหล็ก มันหอมเนย มีน้ำตาลโรยข้างหน้า บางอันเป็นถั่ว ในกระปุกแก้วมีเนยถั่วที่อร่อยเหาะ และพวกผงโกโก้ เมื่อคิดถึงแล้วท้องเขาก็ร้องจ๊อกๆ

แต่ไม่รู้เหตุใด เขาเดินวนไปมา ทั้งสงสัยอีกว่ามันไม่ถึงบ้านเสียที ทั้งที่เขาเคยปั่นจักรยานแบบมีล้อเล็กๆ ด้านหลังสองข้างติดเอาไว้เที่ยวเล่นบ่อย และกลับบ้านถูกเสมอ ทว่าพักหลัง แม่รำคาญเสียงกระดิ่ง และเสียงร้องสนุกสนานของเขา มันเลยถูกล่ามโซ่เก็บไว้ในห้อง จักรยานสีเหลืองคันนั้น คงนอนเหงาคิดถึงเฉินรุ่ยเผิงอยู่แน่ๆ

“หม่าม้า... เผิงน้อยหิวแล้ว”

เขาร้องขึ้นและจำได้ว่า วันที่แม่หายไป เขาหยิบหนังสือภาพสีสวยๆ ออกมา เห็นรูปเค้ก รูปอาหารเส้นยาวๆ มีหมูสับปั้นเป็นก้อนๆ วางแปะด้านบน เลยอยากกินมาก เขาฉีกมันออกจากหนังสือ แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวเล่นจนเพลิน

“เผิงน้อยหิว”

นั่นคือเสียงที่เขาสื่อสารกับพ่อ และฝ่ายนั้นกอดเขา ก่อนอุ้มขึ้นแล้วพาไปหาหมอ

แต่เด็กชายไม่เข้าใจ เขาหิว ทำไม ต้องไปหาหมอด้วย

“หิว... อยากกินข้าว หม่าม้าไปไหน”

เขาเพ้อ และเอื้อมมือไปจับพ่อ

“กลับบ้านเดี๋ยวได้กินข้าวนะครับ และป่าป๊า จะให้อาม่าย ช่วยดูแลเผิงน้อยดีไหม”

เมื่อพ่อพูดถึงหลี่ชิงม่าย เด็กชายก็มองเขาตาปริบๆ ไม่รู้เหตุใด พ่อถึงชอบส่งเขาไปบ้านหลี่ ให้หลี่ชิงม่ายดูแล

บทก่อนหน้า
บทถัดไป