บทที่ 2 ผัวจ้างรัก บทที่ 2

“เธอก็เป็นผู้ชายที่วิเศษสำหรับลูกของเรานะ อดัมส์” ธนิตกล่าวตอบ “เพราะเรนี่ลูกสาวของเราทำแต่งาน ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ได้พบผู้ชายดี ๆ ที่เข้าใจและจะคอยเอาใจใส่ ปกป้องเธอได้อย่างที่เราเคยดูแลเธอมาแต่เล็ก พูดกันตามตรงเราห่วงเรนี่มาก แต่เราไม่ได้หวงเธอไว้โดยไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตอิสระหรือไม่ได้อยู่กับคนที่เธอรัก เรารักเรนี่และพร้อมที่จะให้อิสระกับลูกของเราเสมอ”

“ผมพร้อมที่จะเป็นคนคอยดูแลและปกป้องเธอครับ คุณพ่อคุณแม่”

อดัมส์ก้มลงประทับจุมพิตบนแก้มเนียนของอรอิสราจนหญิงสาวหน้าแดงซ่านไปถึงใบหู ธนิตและอลิสายิ้มกริ่มกับความรักของหนุ่มสาวที่ดูยังไงก็น่าชื่นใจไม่รู้เบื่อ

“โอเค...เราเข้าบ้านกันเถอะ พ่อให้คนจัดเตรียมอาหารจานพิเศษไว้ให้ลูกทั้งสองแล้ว”

ทั้งธนิตและอลิสาเดินกลับเข้าไปในตึกซึ่งออกแบบเป็นเพนท์เฮาส์สำหรับครอบครัวชนะการ เบอร์ตัน แต่อดัมส์ยังกอดร่างเล็กไว้แนบตัวเขาไม่ยอมปล่อย

“อดัมส์...ปล่อยได้แล้วล่ะค่ะ”

บทที่ 2

อรอิสราหันไปกระซิบบอกอดัมส์ซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มยังรู้สึกว่าเขาไม่อยากปล่อยร่างนุ่มและหอมกรุ่นในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ

“แค่ให้พ่อแม่รู้ว่าเราเป็นผัวเมียกันก็ได้แล้วนะคะ” หญิงสาวยังกระซิบเสียงหวิว แก้มของเธอเป็นสีแดงปลั่งเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายซึ่งได้ชื่อว่าเป็น สามี กอดและหอมเธอต่อหน้าบุพการี

“ถ้าอยากให้พ่อกับแม่ของคุณเชื่อว่าเราเป็นผัวเมียกันจริง ๆ เราก็ต้องกอดกันอย่างนี้รู้มั้ย เรนี่”

“มันจะสมบทบาทเกินไปมั้ยคะ อดัมส์?”

“มันโอเค...เราต้องแสดงบทบาทผัวกับเมียให้ลึกซึ้งและดูสมจริงมากที่สุดไม่ใช่หรือ”

ดูเหมือนนั่นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการบอกกล่าวให้นายจ้างของเขาเข้าใจในบทบาทหน้าที่มากกว่าอย่างอื่น ใช่...นายแบบหนุ่มหล่อล่ำไม่ได้มาที่นี่ในฐานะสามีที่แท้จริงของอรอิสรา ชนะการ เบอร์ตัน สาวสวยเจ้าของบริษัทรับจัดงานอีเวนท์ซึ่งเขาเคยรู้จักเธอในฐานะรุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยในวอชิงตัน ดี.ซี และได้พบเธออีกครั้งในการเดินแบบเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งก่อนหน้านี้แค่สัปดาห์เดียว

มันเป็นความตื่นเต้นของนายแบบหนุ่มที่เขาก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะเขาเคยพูดคุยและรู้สึกกับอรอิสรา สาวสวยชาวไทยมากกว่าแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องที่เคยรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัยกระมัง

ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธว่าเขาเคยแอบรักรุ่นน้องสาวคนนี้ แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้แสดงออกว่าสนใจเขาแต่อย่างใด และเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากในตอนนั้นเพราะคิดว่าอรอิสราอาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็เป็นได้

ครั้งแรกที่ได้พบอรอิสราอีกครั้งหลังจากเรียนจบและยึดอาชีพเป็นนาแบบจากการติดต่อของเอเยนซี่ชื่อดัง เธอเป็นผู้หญิงทำงานที่ดูแคล่วคล่องและมองภายนอกเป็นนักจัดงานสาวที่จัดเจนมากในการทำงาน ทว่าเมื่อได้พูดคุยกับเธอเป็นครั้งที่สองอดัมส์ถึงได้มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธออย่างชัดแจ้ง

อรอิสราเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้มีดีแค่ความงามผุดผ่องด้วยวัยยี่สิบสี่ปีของเธอเท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานและในบางครั้งก็ออกจะไม่มั่นใจในตัวเองด้วยซ้ำ

เธอเข้ามาขอพบเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อบอกความต้องการที่จะให้เขาช่วยทำอะไรให้เธออย่างหนึ่ง ซึ่งสำหรับนายแบบและรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยอย่างเขามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นแม้แต่น้อย

นั่นคือการแสดงละครตบตาพ่อแม่ของเธอในบทบาทของ สามี และอรอิสรายินดีตอบแทนค่าเหนื่อยให้เขาเป็นเช็คของขวัญที่เป็นใครก็ต้องตะครุบไว้ด้วยราคาหนึ่งแสนเหรียญ สำหรับเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่จะต้องมากับเธอในฐานะสามีภรรยาเพื่อให้พ่อแม่ของเธอเชื่อว่า อรอิสราแต่งงานและมีครอบครัวแล้วจริง ๆ

เธอยังไม่พร้อมแต่งงานมีครอบครัวแต่ขัดความต้องการของบุพการีไม่ได้ เธอต้องการให้เขาช่วยแสดงบทสามีต่อหน้าบิดามารดาเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ในฟีนิกส์ อดัมส์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็น เขาก็แค่ได้มาเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศกับรุ่นน้องสาวสวยซึ่งมีท่าทีเหนียมอายตลอดเวลาที่เดินทางมาพร้อมเขา

นายแบบหนุ่มงดรับงานที่เอเยนซี่ในนิวยอร์คและเดินทางมายังเมืองฟีนิกส์พร้อมกับอรอิสราโดยไม่ให้ใครรู้ ทรงผมที่ย้อมเป็นสีทองอร่ามเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นสีผมเดิม แต่ชุดสูทสุดเนี้ยบที่เขาเลือกมาสวมใส่เพื่อเปิดตัว สามี ของสาวสวย รวย และเพอร์เฟ็คอย่างอรอิสราเป็นอะไรที่ตรงกับบุคลิกของเขาอย่างมาก

“ดูเหมือนกับว่า...พ่อแม่ของเธอ ท่านรักเธอมากนะเรนี่”

อดัมส์เอ่ยขึ้นหลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านพ้นไปพร้อมด้วยบทสนทนามากมายที่เขานั่งคุยอย่างถูกคอกับธนิตและอลิสา นายแบบหนุ่มและอรอิสรากลับมายังห้องพักซึ่งเป็นเพนท์เฮาส์สุดหรูกินเนื้อที่ทั้งหมดบนชั้นที่สามสิบของตึก หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวแล้วถอนหายใจราวกับปลดเปลื้องความอัดอั้นออกมาจนหมด

“ค่ะ...พวกท่านเป็นห่วงฉันมาก ฉันเลยไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องที่ฉันยังไม่ยอมมีครอบครัวเสียที”

“เธอเพิ่งจะยี่สิบสี่เท่านั้นนะเรนี่”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป