บทที่ 1 อดีตที่ยังฝังใจ

ผิดที่รัก ตอนที่1

อดีตที่ยังฝังใจ

" พี่ลิน ดูข่าวเร็ว" น้องชายคนเก่งดีกรีแชมป์วาดภาพจากเวทีนานาชาติของปีนี้ วิ่งถือแท็บเล็ตหน้าตาตื่น เข้ามาหาพี่สาวที่นั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูปภายในห้องนอน

" ค่อย ๆ มาร์ค เดี๋ยวก็ล้มคว่ำหรอก" มิลินวางพู่กันลง ก่อนจะเงยหน้าดูน้องชายที่วิ่งเสียงดังจนทำให้เธอเสียสมาธิ ดวงตากลมโตเหลือบมองไปตามหน้าจอที่มาร์คหันมาให้ ซึ่งข่าวที่น้องชายเธอรีบเอามาให้ดูนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของพอส แฟนหนุ่มที่แอบคบหาดูใจกันมานานนับสองปี

มาร์ครู้ดีว่าพี่สาวชอบพอรักใคร่อยู่กับพี่พอส และแอบแหกกฎของบ้าน นั่นก็คือการมีแฟน แต่ด้วยความรักและความเคารพที่มีต่อผู้เป็นพี่ที่คอยช่วยเหลือมาร์คมาโดยตลอด บวกกับการไม่เห็นด้วยกับชีวิตที่เข้มงวดที่พวกเขาทั้งสองต้องพบเจอ ดังนั้นผู้ขึ้นชื่อว่าน้องชายจึงช่วยปกปิดพ่อกับแม่ รวมถึงปิดบังเรื่องที่พี่สาวแอบวาดภาพ มิลินและมาร์คชื่นชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทั้งสองกลับถูกสั่งห้ามเพราะพ่อแม่มองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

สองพี่น้องในครอบครัวที่ค่อนข้างจะเคร่งครัด ทุกอย่างนั้นล้วนอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ถูกวางไว้ตั้งแต่เด็ก ด้วยทั้งพ่อและแม่เป็นถึงศาสตราจารย์แพทย์ทั้งคู่ มิลินและมาร์คจึงหนีไม่พ้นที่จะถูกปลูกฝังให้ต้องชอบและเรียนรู้ในสิ่งที่ผู้ปกครองอยากให้เป็น ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

" แย่แน่ ๆ พี่ลิน แบบนี้ล้มละลายได้เลยนะ" ถึงมาร์คจะยังเป็นแค่เด็กมัธยมศึกษาปีที่สาม แต่เขานั้นมีความคิดโตเกินวัยไปมาก ความเก่งและฉลาดของเขาเทียบเท่ากับผู้ใหญ่อีกหลายคนได้เลย

เมื่อข่าวลือที่กำลังสะพัดในตอนนี้ ล้วนมีนักการเมืองดังหลายท่านเข้ามามีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา และการฟอกเงินจำนวนมหาศาล ส่งผลให้ต้องมีการยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเพื่อรอตรวจสอบ

ตอนนี้มิลินตกใจมากกับข่าวที่เห็น สาวน้อยอายุเพียงสิบเจ็ดปียังคงลังเลอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี มือเล็กกำโทรศัพท์ไว้แน่น ก่อนจะตัดสินใจกดโทรออกไป

" พลอย แกโอเครมั้ย?" มิลินโทรหาเพื่อนร่วมห้องซึ่งเป็นน้องสาวของแฟนหนุ่ม เพราะตัวเธอนั้นติดต่อพอสไม่ได้ แต่มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของปลายสาย ซึ่งนั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจน

" เข้มแข็งนะพลอย เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น" เสียงร้องไห้ของคนปลายสายดังขึ้นเรื่อย ๆ บอกถึงความเสียใจอย่างหนัก มิลินรีบปลอบโยนเพื่อนด้วยคำพูดที่พอจะทำให้สบายใจได้บ้าง แต่คนฟังกลับร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม

" มันจะดีขึ้นได้ไง ครอบครัวฉันไม่เหลืออะไรแล้วลิน ทุกอย่างกำลังจะถูกยึด พ่อฉันเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกต้องหามตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนแม่ฉันก็เป็นลมจนต้องส่งโรงพยาบาลแล้วเหมือนกัน" พลอยทั้งร้องไห้และพูดออกมาทั้งน้ำตา น้ำเสียงแห่งความเสียใจครั้งนี้ทำให้มิลินอดที่จะเป็นห่วงอีกคนไม่ได้จนต้องถามถึง

" พี่พอสล่ะ พี่พอสอยู่ที่ไหนพลอย?" เสียงปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนจะร้องไห้โฮขึ้นมาอีกรอบ จนทำให้ลินแทบจะนั่งไม่ติด คิดไปต่าง ๆ นานา กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขาอีกคน

กริ๊ง...กริ๊งงง... เสียงอ๊อดหน้าบ้านดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่มาร์คจะรีบลุกไปเปิดผ้าม่านเพื่อส่องดู

" พี่ลิน พี่พอสมา" เสียงตกใจของมาร์คพูดดังจนคนปลายสายที่กำลังคุยกับลินถึงกับเงียบไป มิลินตกใจมากเมื่อจู่ ๆ คนที่เธอเพิ่งถามถึงก็โผล่มาหาถึงบ้าน แถมมาร์คยังพูดดังจนพลอยอาจจะได้ยินอีก หากเรื่องการคบกันของเธอหลุดออกไปมีหวังแย่แน่ มิลินจึงต้องรีบกดตัดสายไปในที่สุด

คนตัวเล็กรีบวิ่งลงไปด้านล่าง ตอนนี้เธอคิดเพียงว่าพอสคงจะเสียใจมากถึงได้บุกมาหาเธอถึงที่บ้านแบบนี้ จนลืมคิดไปว่าตัวเองกำลังมีความลับซ่อนอยู่ น้องชายที่เห็นพี่สาววิ่งพรวดพราดออกไป จะเอ่ยห้ามก็คงไม่ทัน จึงได้แต่วิ่งตามหลังคนตัวเล็กไปติด ๆ

" พี่พอส พี่เป็นไงบ้าง? " มิลินเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน และเอ่ยถามแฟนหนุ่มด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาแดงก่ำของพอสทำให้มิลินรู้ว่าเขาเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ

คนตัวโตมองแฟนสาวนิ่งโดยไม่ตอบอะไร เขาโผเข้ากอดร่างเล็กกระชับแน่นจนเธอหายใจแทบไม่ออก  คล้ายกับหนุ่มคนรักของเธอกำลังเสียใจจนขาดสติ

มิลินได้แต่โอบกอดกลับคืน มือเล็กลูบไปที่แผ่นหลังเขาเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมความรู้สึกเสียใจ

แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้พูดคุยกัน....

" มิลิน เข้าบ้านเดี๋ยวนี้!! " เสียงตะคอกจากแม่ของเธอดังมาจากสวนหน้าบ้าน หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามากระชากแขนลูกสาวตนเองออกทันที ก่อนจะฉุดกระชากให้เข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันหลังมามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยแววตาโกรธเคือง

" แม่ปล่อยหนูก่อน หนูเจ็บนะ " เสียงใสเอ่ยขอร้องผู้เป็นแม่ ก่อนที่ลูกชายอีกคนจะรีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาช่วยพี่สาว

" แม่ครับ แม่ใจเย็นก่อนนะครับ พี่ลินเค้าแค่..." ยังไม่ทันที่มาร์คจะได้พูดจบ เขาก็จำต้องต้องกลืนคำพูดทั้งหมดพร้อมกับก้มหน้างุด เมื่อสายตาดุดันของผู้เป็นแม่ตวัดมองมาที่เขา

" ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นเด็กใจแตกแบบนี้ ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหมว่าห้ามแกมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ แล้วดูแกตอนนี้สิไปยืนกอดกันกับผู้ชายหน้าบ้านแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนกัน "

" แม่คะ ครอบครัวพี่เค้ากำลังมีปัญหา หนูก็แค่กอดเพื่อปลอบ...." ยังไม่ทันที่มิลินจะพูดจบ

" ไม่ต้องมาแก้ตัว รอพ่อแกมาก่อนเถอะ ฉันจะให้เขาจัดการลูกสาวไม่รักดีอย่างแก” ผู้เป็นแม่คาดโทษ

"มาร์ค..พามิลินขึ้นไปบนห้องนอนเดี๋ยวนี้ เฝ้าไว้อย่าให้หนีไปไหนได้ล่ะ ถ้าแม่เห็นว่าช่วยกันละก็ แกเองก็จะโดนไปด้วย "

มิลินยอมเดินขึ้นไปบนห้องแต่โดยดี เพราะรู้ตัวว่าเธอทำผิดที่แอบมีแฟน แต่เธอก็เสียใจไม่น้อยที่แม่ของเธอไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรบ้างเลย

" เดี๋ยว...เอามือถือมา " โทรศัพท์ในมือของมิลิน ถูกกระชากไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว คนตัวเล็กมองไปที่แม่ของตนเองที่โมโหจนแทบจะตีเธอให้ตายได้เลยในตอนนี้ ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเดินขึ้นห้องไป พร้อมกับน้องชายที่ตามหลังขึ้นไปติด ๆ

"พี่พอส" คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าห้องนอนไปเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างบานน้อยชะโงกหน้ามองหาแฟนหนุ่ม แต่ก็ไร้วี่แววของเขา เขาจะไปไหนต่อ เขาจะอยู่ยังไง เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง? เธอมีคำถามร้อยแปดอยู่เต็มหัว แต่มิลินไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย แม้แต่คำปลอบโยนก็ยังทำไม่ได้

ฮื้อออ...น้ำตาที่เอ่อนองเต็มเบ้าตาทั้งสองข้างตั้งแต่ที่เกิดเรื่องด้านล่าง ไหลลงที่แก้มก่อนจะหยดแหมะลงที่ขอบหน้าต่างหยดแล้วหยดเล่า ตอนนี้เธอทนแบกรับความรู้สึกที่อัดแน่นไม่ไหวแล้ว

เมื่อไหร่จะโตเป็นผู้ใหญ่สักที จะได้ทำอะไรตามใจตัวเองได้บ้าง มิลินได้แต่เอามือขึ้นมาปิดใบหน้าเหยเกของตัวเองเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ ปาดหยดน้ำใสที่ไหลอาบแก้ม

หลายเดือนผ่านไป

มิลินยังคงใช้ชีวิตอยู่ในกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดมากขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าตัวเธอกำลังฝึกความอดทนอยู่ในค่ายทหารก็ไม่ปานความผิดครั้งนี้พ่อของเธอคาดโทษด้วยการกักบริเวณและยึดโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งไปรับไปส่งเองทุกวันจนเธอไม่สามารถออกนอกสายตาของพ่อกับแม่ได้เลย เว้นแค่ตอนอยู่ในโรงเรียน แต่ก็ยังมีอาจารย์หลายท่านที่เป็นเพื่อนของแม่เธอ คอยเป็นหูเป็นตาแทนอยู่ตลอด ทำให้ตั้งแต่ครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นนั้น มิลินยังไม่ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันกับพอสอีกเลย

ส่วนพลอย เพื่อนเรียนห้องเดียวกันที่มิลินพอจะถามข่าวคราวได้บ้าง ก็ลาหยุดยาว เนื่องจากสภาพจิตใจของเธอย่ำแย่หนักมาก ถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษา เพราะหลังจากมีข่าววันนั้นเกิดขึ้น พ่อของพลอยก็อยู่ในสภาวะเครียดจัดจนเส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตในเวลาไม่นานนัก

" อาทิตย์หน้าเราก็จะทำการสอบปลายภาคแล้ว ครูหวังว่านักเรียนทุก ๆ คน จะใช้วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ในการเตรียมความพร้อม อ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนกันอย่างตั้งใจ

ผ่านเทอมนี้ไปได้ทุกคนก็จะได้ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก และเตรียมความพร้อมในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันต่อไป ครูขอให้นักเรียนทุกคนผ่านการสอบนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ " เสียงครูเอ่ยขึ้นก่อนจะหมดคาบเรียน

หลังเลิกเรียน มิลินเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ขณะนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น นักเรียนทุกคนต่างมุ่งหน้าจะกลับบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมการสอบในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่ระหว่างที่เธอนั้นกำลังเดินเหม่อลอยไปเรื่อยเพราะในหัวสมองได้แต่คิดถึงใครบางคนอยู่.....

" โอ๊ย ขอโทษค่ะ " ร่างเล็กเดินไปชนเข้ากับใครคนหนึ่ง ทำให้หนังสือในมือร่วงลงพื้นกระจัดกระจาย เธอรีบก้มลงไปเก็บพลางเอ่ยขอโทษคนที่เธอชนเข้าอย่างจังโดยยังไม่ทันจะได้มองหน้า

" มากับพี่ " พูดจบมือหนาจับไปที่แขนของมิลินก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าแห่งความดีใจเผยออกทางแววตาของคนที่เฝ้ารอมานานหลายเดือน มิลินรีบลุกขึ้นเดินตามแผ่นหลังกว้างไปจนถึงโรงยิม ซึ่งเวลานี้ไม่มีแม้แต่นักเรียนสักคนจะเข้ามาใช้บริการ เพราะทุกคนต่างก็ต้องเตรียมตัวสอบ

" พี่พอส พี่เป็นยังไงบ้างคะ?" มิลินยืนอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม สองมือเล็กจับไปที่มือของเขาแน่นด้วยความรู้สึกทั้งดีใจและเป็นห่วง แต่ทำไมเขาถึงได้มีสีหน้าที่ไม่บ่งบอกถึงความดีใจเอาซะเลยเมื่อเจอเธอ หรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องครอบครัวของเขา จึงทำให้พอสดูเป็นกังวลอยู่ก็ได้ มิลินได้แต่คิดในใจ

" พี่โอเคขึ้นมากแล้ว พี่แค่คิดถึงมิลินนะ " คนตัวโตยื่นมือไปลูบที่ผมของเธอเบาๆ มิลินเงยหน้ามองไปที่ใบหน้าของคนที่บอกว่าคิดถึงเธอ แต่ทำไมดวงตาของเขาถึงได้ดูเศร้าขนาดนี้นะ แม้กระทั่งแววตาของเขาที่มองเธอก็ดูเปลี่ยนไป

" มิลินขอโทษนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นลินไม่ได้อยู่ข้างๆ พี่เลย ลินถูกกักบริเวณ อีกทั้งมือถือก็โดนพ่อยึด "

" พี่รู้แล้ว.... " พอสเอ่ยออกมาสั้นๆ มิลินเลิกคิ้วด้วยความสงสัยในคำพูดของเขาแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะเธอคิดว่าอาจจะเป็นมาร์คนั่นแหละที่บอกพี่พอส เพราะเรื่องนี้นอกจาก ลินและพอส ก็มีเพียงมาร์คเท่านั้นที่รู้

" เย็นวันศุกร์หลังสอบเสร็จ มีเลี้ยงส่งกันที่บ้านพี่ มิลินออกมาหาพี่ได้ไหมครับ?" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เขาจ้องหน้าคนตัวเล็กไม่กระพริบในขณะรอคำตอบ

" มิลินจะพยายามค่ะ " ถึงจะต้องหาทางโกหกอีกครั้ง มิลินก็จะทำ ถ้ามันทำให้เธอได้อยู่กับคนที่รักแม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม

บทถัดไป