บทที่ 2 แตกหัก
ผิดที่รัก ตอนที่2
แตกหัก
"มาร์ค หลังสอบเสร็จ พี่มีนัดกับพี่พอส ทำยังไงจะออกไปได้ว่ะ? อีกไม่กี่วันพี่พอสก็จะจบชั้นม.หกแล้วด้วย นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้วก็ได้ เฮ้อ..!! " เสียงถอนหายใจดังเฮือกจากมิลิน เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของน้องชาย พลางปรึกษาปัญหาชีวิต เมื่อวันมะรืนนี้จะเป็นวันสุดท้ายในการสอบแล้ว
".…...." มาร์คที่กำลังก้มหน้าอ่านตำรา ไม่เอ่ยตอบอะไร เขายังคงนั่งนิ่งจ้องตำราไปเรื่อย ๆ จนพี่สาวคิดว่าน้องชายคงจะไม่ได้สนใจในคำพูดเธอแม้แต่น้อย เพื่อไม่ให้เป็นการบกวนสมาธิของเด็กอัจฉริยะ มิลินจึงเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
เช้าวันสุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ยิ่งทำให้คนตัวเล็กคิดไม่ตก เย็นนี้แล้วที่เธอจะต้องไปตามนัด จนป่านนี้มิลินยังหาเหตุผลที่จะออกจากบ้านไม่ได้เลย เครียดกว่าการสอบก็คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้แหละ มิลินได้แต่ครุ่นคิดในใจ ในระหว่างที่นั่งทานข้าวเช้าที่โต้ะอาหารร่วมกับทุก ๆ คนในครอบครัว
Rrrr...Rrrr........เสียงมือถือพ่อดังขึ้น....
หลังจากที่เขากดรับสาย สายตาของผู้เป็นพ่อก็จ้องมาที่น้องชายคนเก่งของเธอราวกับมาร์คกำลังทำอะไรผิดมหันต์ กระทั่งปลายสายวางไป
" เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง อธิบายมา!" เสียงตะคอกดังลั่นบ้าน จนทุกคนต่างสะดุ้งตาม ๆ กัน ใบหน้าที่โกรธจนแดงก่ำของพ่อจ้องไปที่ลูกชายตัวดีอย่างเอาเรื่อง
" เกิดอะไรขึ้นคะคุณ ?" คนเป็นแม่รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เดินไปยืนข้าง ๆ ลูกชายคนโปรดที่ทำท่าทางเหมือนคนกำลังมีความผิด มาร์คก้มหน้างุดไม่สบตาผู้ใด ด้วยนิสัยของเขาหากทำความผิดขึ้นมา เขาจะไม่กล้าสู้หน้าใครทั้งนั้น
" ก็ลูกชายคนโปรดของคุณ ทุจริตในการสอบ และยังจะมีเรื่องชกต่อยกันในโรงเรียนอีก " พ่อเอ่ยออกมาสั้น ๆ
" มาร์ค มันเกิดอะไรขึ้นไหนบอกแม่สิ ปกติลูกไม่ใช่คนแบบนั้นหนิ มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ ๆ ใช่ไหมครับ?" น้ำเสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายสุดที่รักด้วยความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า จนมิลินแอบคิดเปรียบเทียบกับตัวเองครั้งตอนเกิดเรื่องวันนั้นไม่ได้ มันช่างแตกต่างกับเธอสะเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่เคยนึกอิจฉาน้องชายแต่อย่างใด เพราะเวลาที่เธอสองพี่น้องทำผิด หากมีมาร์คคอยออดอ้อนแม่ให้ แม่ก็จะใจอ่อนกับลูกชายคนนี้ทุกครั้ง
ระหว่างที่รถเก๋งคันหรูเคลื่อนตัวออกไป โดยมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนของมิลิน ทุกคนในรถต่างก็อยู่ในความเงียบสงบ บรรยากาศที่ชวนอึดอัดเข้ามาปกคลุมจนคนตัวเล็กแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
" วันนี้หลังเลิกเรียนครูที่ปรึกษาของลูกชายคุณ เชิญให้เข้าห้องปกครอง ทั้งเรื่องทุจริตข้อสอบ และไหนจะเรื่องชกต่อยกันอีก เราคงต้องคุยกับอีกฝ่ายยืดยาวแน่ คุณไปได้ใช่มั้ย? เพราะผมมีเคสผ่าตัดลากยาวไปจนถึงดึกเลย" พ่อที่กำลังขับรถอยู่ เอ่ยถามแม่
" ได้ค่ะ " แม่ตอบสั้น ๆ
" มิลิน กลับบ้านเองได้ใช่มั้ยลูก?" พ่อเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งเบาะหลัง มิลินได้แต่พยักหน้าให้พ่อในขณะที่สบสายตากับเขาที่กระจกมองหลัง
เมื่อรถแล่นเข้ามาถึงหน้าโรงเรียน มิลินที่กำลังรีบจัดกระเป๋าและตรวจดูความเรียบร้อยก่อนลงจากรถ จู่ ๆ มือหนาของผู้เป็นน้องชาย ก็กุมมาที่มือของเธอ
มิลินหันมองที่ใบหน้าของน้องชาย ก่อนจะลูบไปที่มือนั้นเบา ๆเพื่อให้กำลังใจ เธอคิดว่ามาร์คคงกำลังกังวลเรื่องที่ทำผิดอยู่แน่นอน แต่สายตาที่มาร์คมองเธอนั้น ไม่ใช่สายตาของคนที่กำลังกลัวหรือกังวลแต่อย่างใด ก่อนที่เด็กหนุ่มจะกระตุกยิ้มมุมปากให้กับผู้เป็นพี่สาว
ในระหว่างที่เธอเปิดประตูลงจากรถไป มินลินได้แต่ยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว มองตามท้ายรถที่กำลังขับเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ เธอรู้ในทันทีหลังจากที่เห็นสายตาและร้อยยิ้มนั่น มาร์คยอมทำเรื่องแบบนี้ก็เพื่อช่วยเธออย่างนั้นเหรอ
" ขอบคุณมากนะ น้องชาย " มิลินพึมพำเบา ๆ
หลังจากสอบเสร็จขณะที่มิลินกำลังเดินออกมาถึงหน้าโรงเรียนเพื่อเรียกแท็กซี่ จู่ ๆ สาวน้อยคนหนึ่งที่ดูคุ้นตาก็โบกมือทักทายเธออยู่ตรงหน้า
มิลินเคยรับปากว่าจะช่วยติวข้อสอบให้กับลูกสาวของเพื่อนแม่ ซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามของอีกโรงเรียนหนึ่ง และในตอนนี้สาวน้อยคนนั้นก็กำลังยืนทำตาแป๋วมองมาที่เธอ
" สวัสดีค่ะพี่มิลิน คุณป้ามุกดาบอกว่าเย็นนี้พี่มิลินว่าง หนูเลยมารอติวค่ะ" น้องวีนัสที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะเธอและครอบครัวมาทานข้าวที่บ้านของมิลินอยู่บ่อย ๆ
สาวน้อยกำลังเดินหอบหนังสือเล่มหนาเดินเข้ามาหาเธอ มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องติวให้แล้วล่ะ มิลินจึงได้แต่ยิ้มทักทายก่อนจะพาน้องวีนัสไปหาที่นั่ง
" มายังไงอ่ะเรา?" มิลินเอ่ยถาม
" พี่เนสแวะมาส่งค่ะ"วีนัสตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เนสก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของวีนัส อายุรุ่นราวคราวเดียวกับมิลิน
" พี่ไม่ได้เจอเนสสะนานเลยได้ยินข่าวว่าจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหรอ?"
" ใช่ค่ะ คนเก่งเค้าสอบชิงทุนได้ไง นัสเลยถูกเปรียบเทียบและถูกบังคับให้เป็นให้ได้ครึ่งของพี่เนสก็ยังดี" สาวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
" งั้นเริ่มเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่ลินจะติวน้องวีนัสให้เก่งกว่าพี่เนสเลย" สองสาวหัวเราะชอบใจออกมา ก่อนจะเริ่มติวหนังสือกันอย่างจริงจัง
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง มิลินก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมืออยู่หลายครั้ง จนคนที่นั่งข้างกันอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
" พี่มิลินมีธุระรึป่าวคะ นัสเห็นพี่มองนาฬิกาหลายรอบแล้ว ?"
" จ้ะ พี่นัดเพื่อนเอาไว้นะ งั้นวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีไหม ?"
" ค่ะ นัสก็ปวดสมองแล้วเหมือนกัน แต่ถ้าคุณแม่ถาม พี่มิลินช่วยโกหกหน่อยนะคะ ว่าติวจนจบแล้วอะ นัสไม่อยากโดนดุ "
" จ้ะ" มิลินพยักหน้าตอบตกลง น้องวีนัสคนนี้ก็คงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่ คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่คนอื่นวางไว้ให้ โดยไม่มีสิทธิ์เลือกทำตามใจตัวเอง มิลินส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกมา
แท็กซี่คันเหลือง ขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของอดีตนักการเมืองดัง ก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินลงจากรถไป มิลินมองไปโดยรอบ พบว่าตอนนี้ใกล้จะมืดแล้ว เธอยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นคงมีเวลาอยู่ที่นี่แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะกลับมาถึงบ้าน
ประตูบานใหญ่หน้าบ้านถูกเปิดไว้ ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปภายในตัวบ้าน แต่เสียงเพลงที่ดังแว่วมาจากอีกฝั่งทำให้เธอรู้ว่าเขาคงจัดปาร์ตี้กันที่ริมสระว่ายน้ำ เพราะเธอเคยมาที่บ้านหลังนี้กับพลอยแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอได้พบกับพี่พอสนั่นเอง
ระหว่างที่คนตัวเล็กกำลังจะหันหลังเดินออกจากประตูข้างบ้านไป สายตาเธอก็ดันเหลือบไปสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่อยู่ในห้องรับแขกซึ่งประตูห้องได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
" อื้อออ...เบา ๆ สิคะ "
" เบาไม่ไหวแล้ว "
เสียงอู้อี้ของชายหญิงดังออกมาจากด้านในห้อง ทำให้มิลินต้องชะงักเท้าทันที เมื่อเสียงนั่นมันคือเสียงของพี่พอส.. แล้วอีกคนเขาเป็นใครละ? ที่สำคัญเขาสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ มือเล็กเผลอกำกระโปรงแน่น ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไป
และภาพตรงหน้าก็ทำให้เธอถึงกับตะลึง เมื่อชายหนุ่มที่กำลังกอดจูบอยู่กับเด็กสาวในชุดนักเรียนต่างสถาบันคือแฟนหนุ่ม ทั้งคู่คงกำลังมีความสุขกันมาก มากสะจนไม่รู้ว่าเธอกำลังยืนอยู่ตรงนี้
" พี่พอส " เสียงเล็กเจือด้วยน้ำเสียงสะอื้นในลำคอ เมื่อเอ่ยชื่อของชายหนุ่มตรงหน้า พอสผลักตัวออกจากคนที่กำลังโอบกอดออกทันที ก่อนจะหันมามองที่เธอ
" อ้าว มิลินเองเหรอ พี่นึกว่าเราจะไม่มาแล้วสะอีก?" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาราวกับว่าไม่ได้ทำความผิดอะไร น้ำเสียงของเขาช่างดูนิ่งเรียบไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดเลยสักนิด ตรงข้ามกับอีกคนที่ดวงตากำลังบวมเป่งไปด้วยม่านน้ำตาของความผิดหวังเสียใจ
