บทที่ 5 อยากก้าวไปในโลกกว้าง
หลังจากหมกตัวในห้องน้ำอยู่นาน ในที่สุดสตาร์ก็เดินออกมาพร้อมกับของที่แม่สั่ง ถ้วยฉี่ถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่เจ้าตัวจะขยับไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว
“อ่าแม้แต่ที่จะคิดเอาน้ำใส่มาให้ฉันเชียว” สิรินหันไปขู่ลูกสาว
“สีแบบนี้แม่ยังไม่เชื่ออีกหรือไง”
“แค่ถาม” สิรินกล่าวก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ออกมาจัดแจง แล้วเริ่มทำการตรวจตามวิธีที่ถูกต้อง สตาร์จ้องมองแถบบนที่ตรวจอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกกังวลจนแทบจะคลั่ง เกิดมันขึ้นว่าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะแก้ตัวยังไง หรือจะบอกแม่ไปตรง ๆ แล้วแบบนั้นแม่จะเข้าใจเธอหรือเปล่า
“รอสัก 5 นาทีก่อนก็แล้วกัน” หลังหยดจนครบจำนวนที่กำหนดแล้ว สิรินก็หันไปบอกลูกสาวก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ดวงตาสั่นริกของสตาร์จ้องมองดูที่ตรวจครรภ์ตาไม่กระพริบ เธอรู้มาว่าหากมันขึ้นสองขีดนั่นเท่ากับว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวลจะเป็นความจริง
“ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย แกไม่ได้ป้องกันหรือไง” สิรินมองดุลูกสาวที่แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“หนูก็บอกแม่ไปแล้ว ว่าหนูไม่มีแฟน หนูแค่กลัวว่าถ้ามันตรวจว่าหนูท้องแม่จะเชื่อหนูไหม”
“ก็ถ้าไม่มีแฟน แกจะกลัวทำไม” สิรินมองลูกสาวตัวเองออกทุกอย่างไอ้อาการหวาดกลัวจนออกนอกหน้า มันบ่งบอกชัดเจนว่าที่สตาร์พยามบอกว่าเธอไม่มีแฟนนั้นมันก็แค่คำโกหก
“ก็เพื่อนเลยคุยกันว่า มันตรวจขึ้น 2 ขีดแต่ไม่ได้ท้อง” สตาร์โกหกไปข้าง ๆ คู ๆ อะไรที่พอจะจับขึ้นมาพูดได้เธอก็พูด ๆ ไปก่อน ดวงตาคมกริบของสิรินเหลือบมองดุที่ตรวจครรภ์บนโต๊ะก่อนจะหยิบขึ้นมาดูใกล้ ๆ
“ไปนอนเถอะ แม่คงคิดมากไปเอง” ผลการตรวจปรากฏชัดเจนว่าสตาร์ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ คนถูกจับผิดถอนหายใจเฮือก จังหวะที่แม่ของเธอกำลังสนใจแต่ขวดเหล้า
“งั้น...ฝันดีนะแม่”
“ฝันดี นอนเลยนะ กินยาด้วย”
“ค่ะ” สตาร์รีบลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องตัวเอง
-23ข้อความจากเฟิร์ส-
สตาร์กดอ่านข้อความทีละข้อความ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ เฟิร์สเองก็กังวลไม่น้อยไปกว่าเธอเลย
“ฮัลโหล”
“สรุปไม่ท้องนะกูคงผักผ่อนน้อยจริง ๆ นั่นแหละ”
“เออ กูเตรียมจะไปคุยกับพ่อแม่กูแล้วเนี่ย”
“คุยอะไร จะมาขอกูเหรอ”
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นป่ะวะ หรือมึงจะมาอยู่กับกูเฉย ๆ”
“ก็ได้นะ ไปไหนก็ได้อะ ที่ไม่ใช่ที่นี่” สตาร์นึกถึงสีหน้าท่าทางของแม่เมื่อตอนที่พยายามจะคาดคั้นให้เธอสารภาพแล้วก็ยังรู้สึกกลัวไม่หายแม่ไม่เคยสูบบุหรี่ดื่มเหล้าให้เธอเห็นแบบนี้เลยสักครั้ง
“คนบ้าอะไรวะ ไม่อยากอยู่บ้านตัวเอง”
“บ้านกูมันน่าอยู่นักนี่” คนที่โหยหาเพียงอิสระอย่างสตาร์ เธอไม่สนทั้งนั้นว่าหนทางข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงว่าตอนนี้เธอไม่มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่และยินดีจะไปพบหนทางลำบากข้างหน้ามากกว่า
“คิดดีดีนะมึง ที่ไหนมันจะไปดีเท่าบ้านตัวเองวะ”
“ถ้าบ้านกูเป็นแบบบ้านมึงก็คงจะคิดแบบนั้นแหละ เลิกเรียนมาก็ไม่ต้องทำอะไรเล่นเกมยาวจนดึก อยากไปเรียนก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป อยากเที่ยวไปก็ได้ไป อยากกินอะไรก็ได้กินพ่อแม่ไม่ได้มาวุ่นวายกับชีวิต”
“เขาก็หวังดีนั่นแหละ”
“หือ พ่อแม่มึงเขาไม่หวังดีงั้นสิ”
“แต่ละคนก็มีวิธีเลี้ยงลูกต่างกันป่ะวะไม่งั้นสังคมเรามันจะมีคนที่แตกต่างกันเหรอ มึงมีแม่คอยอบรมดูแลมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงจะได้ไม่นอกลู่นอกทาง”
“แหม พูดเหมือนไม่รู้จักกูเลยนะ พอบังคับมาก ๆ กูก็ต้องแอบทำ พอแอบทำเขาก็ไม่รู้ไม่เห็นแบบเนี้ย กูไม่ได้อยากโกหกเลยนะ แต่กูพูดความจริงกับแม่ไม่ได้เลย”
“เออ ๆ เลิกบ่น แล้วก็นอนได้แล้ว ไม่สบายไม่ใช่หรือไง”เฟิร์สไม่อยากให้สตาร์มองแม่ตัวเองในแง่ร้าย อย่างที่เธอพูดอยู่ตอนนี้ เพราะสำหรับเฟิร์สยังไงพ่อแม่ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณจะดีจะร้ายเราก็ตัดความเป้นพ่อแม่จากเขาไม่ได้
“พอเถียงไม่ชนะก็หนีนอนตลอด”
“ก็เป็นห่วง มีแฟนอยู่คนเดียว ตายห่าขึ้นมาจะทำยังไง”
“ปากเหรอน่ะที่พูด”
“เออ นอนได้แล้วโทรไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวกูเล่นเกมต่อ”
“แล้วทำไมมึงไม่นอน”
“ก็กูยังไม่ง่วง” เฟิร์สนอนดึกเป็นปกติ ด้วยกิจกรรมที่โปรดปรานคือการเล่นเกมออนไลน์กับกลุ่มเพื่อน ๆ
“มึงจะคุยกับคนอื่นต่อล่ะสิ”
“เฮ้ย กูจะคุยกับใครอะ ก็บอกอยู่ว่าให้โทรทิ้งไว้”
“ก็คนในเกมไงกูเห็นมีแต่คนบอกว่าพวกแรด ๆ ชอบอ่อยแฟนชาวบ้านในเกม”
“เฮ้อ...เอ้าๆ ไม่เล่นก็ไม่เล่น นอน”
“นอให้จริงด้วยนะ”
“ครับบบ นอนได้แล้วมึงอะ ฝันดี”
“ฝันดี รักมึงนะ”
“รักเหมือนกัน”
