บท 1
บนเตียงนอนอันนุ่มนวล ฮั่วถิ๋งเซินแยกต้นขาของสวี่จือย่างออกอย่างไม่ให้มีการต่อรอง เผยให้เห็นจุดซ่อนเร้นอันงดงามที่ยังคงแห้งผาก ไร้น้ำหวานแห่งความปรารถนา ทว่าฮั่วถิ๋งเซินกลับหมดความอดทนที่จะเล้าโลมต่อ เขาสวมถุงยางอนามัยแล้วแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ความเจ็บปวดแล่นพล่านจนสีเลือดจางหายไปจากใบหน้าของสวี่จือย่าง เธอครางเบาพลางยกมือผลักอีกฝ่ายออกไปโดยสัญชาตญาณ ฮั่วถิ๋งเซินผ่อนลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะรวบมือเธอไว้พร้อมรอยยิ้มเยาะ คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง “แสร้งทำตัวเป็นกุลสตรีผู้สูงส่งไปได้ หรือว่าถึงตอนนี้ยังคิดจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ให้พี่หมิงเซวียนที่รักของเธออีกงั้นเหรอ"
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้สวี่จือย่างสิ้นเรี่ยวแรงต่อต้าน มือที่เคยผลักไสค่อยๆ อ่อนระทวยลง เธอหันหน้าหนีไปอีกทาง
เมื่อรับรู้ได้ถึงการยอมจำนนของสวี่จือย่าง ดวงตาของฮั่วถิ๋งเซินวาบขึ้นด้วยประกายมืดวูบหนึ่ง ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความปรารถนาที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาหอบหายใจอย่างหนักแล้วเริ่มขยับกาย มือใหญ่ของเขากอบกุมทรวงอกอวบอิ่มของสวี่จือย่างแล้วบีบขย้ำอย่างแรง
"พอดีเลย เจินเจินกลับประเทศแล้ว เราจัดการเรื่องหย่ากันให้เรียบร้อยโดยเร็วดีกว่า"
สวี่จือย่างพลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ฉินเจินเจิน
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ระหว่างทางกลับบ้าน สวี่จือย่างได้เผชิญหน้ากับการปล้น
คนร้ายร่างสูงใหญ่สองคนดักรอเธออยู่หน้าซอยมืด สวี่จือย่างรีบล้วงกระเป๋าแบรนด์เนมออกมาด้วยมือที่สั่นเทา พลางวิงวอนคนร้ายด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “กระเป๋าใบนี้เป็นเบอร์เบอรี่รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นล่าสุด ขายได้ราคาดีแน่นอนค่ะ แล้วก็กำไลนี่ด้วย....”
แต่คนร้ายกลับขัดจังหวะเธออย่างหยาบคาย แล้วลากเธอเข้าไปในซอยมืด
สวี่จือย่างตะโกนสุดแรง พยายามขัดขวางคนร้ายที่กำลังฉีกกระโปรงของเธอ แต่ที่นี่เปลี่ยวเกินไป ต่อให้เธอตะโกนจนสุดเสียงก็ไม่สามารถทำให้คนร้ายทั้งสองหวาดกลัวได้เลย
คนร้ายคนหนึ่งฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอด้วยความชำนาญ มือหยาบกร้านแทรกเข้าไปใต้ชายเสื้อแล้วไล้ลูบไปทั่วร่างกายอย่างน่าขยะแขยง สัมผัสที่เหนียวเหนอะหนะทำให้สวี่จือย่างขนลุกซู่ เธอร้องไห้อ้อนวอน
“ขอร้องค่ะ ฉันมีเงิน สามีฉันก็รวยมาก พวกคุณต้องการอะไรฉันให้ได้หมด ปล่อยฉันไปเถอะ”
คำตอบที่ได้รับคือการกระทำที่เหิมเกริมยิ่งขึ้นของคนร้าย
ขณะที่คนร้ายกำลังจะกระชากผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวเธอออก ตำรวจสายตรวจคนหนึ่งผ่านมาได้ยินเสียงผิดปกติจึงถือกระบองพุ่งเข้ามา
เมื่อเห็นว่าการข่มขืนไม่สำเร็จ คนร้ายทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถอดแหวนแต่งงานที่นิ้วกลางของเธอออก ก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทางของซอยมืดอย่างคล่องแคล่ว
แหวนวงนั้นไม่ใช่ขนาดของสวี่จือย่างอยู่แล้ว ตอนที่ถอดออกจึงแทบไม่ต้องใช้แรงเลย
สวี่จือย่างที่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดสวมเสื้อแจ็กเกตของตำรวจ นั่งยองๆ อยู่ริมถนนแล้วโทรหาฮั่วถิ๋งเซิน สามีตามกฎหมายของเธอ
ไม่รู้ว่าโทรไปกี่ครั้ง ในที่สุดกว่าครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มีคนรับสาย ทว่าเสียงที่ดังมาจากปลายสายกลับมิใช่น้ำเสียงสุขุมนิ่งของฮั่วถิ๋งเซิน หากแต่เป็นเสียงหวานฉ่ำชวนหลงใหลของหญิงสาว
“ขอโทษนะคะ พอดีอาเซินกำลังอาบน้ำอยู่ คุณมีธุระอะไรบอกฉันได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะบอกเขาให้”
เบื้องหลังคือเสียงน้ำดังซ่าราวกับฝนกระหน่ำ
เสียงนั้น สวี่จือย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นเสียงของฉินเจินเจิน แสงจันทร์ในใจที่ฮั่วถิ๋งเซินเก็บซ่อนไว้
หลังจากวางสาย สวี่จือย่างก็ได้รับข้อความใหม่ เป็นภาพใบอัลตราซาวนด์ที่ฉินเจินเจินส่งมา ตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์ เห็นถุงน้ำคร่ำและตัวอ่อนได้อย่างชัดเจน
ในชั่วพริบตา สวี่จือย่างก็หมดเรี่ยวแรงไปทั้งตัว เธอปิดหน้าจอโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย แล้วซบหน้าลงกับเข่าพลางสั่นเทาเบาๆ
ตอนที่ถูกลากเข้าซอยมืด เธอยังไม่ร้องไห้ ตอนที่ถูกคนร้ายลวนลามจวนเจียนจะถูกย่ำยี เธอก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ได้ แต่เมื่อมีผู้คนรุมล้อมถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง สวี่จือย่างกลับพังทลายร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
สวี่จือย่างคิดจนเหม่อลอยไปบ้าง ไม่ได้สนใจฮั่วถิ๋งเซินที่ยังคงขยับกายอย่างไม่ลดละ จู่ๆ ฮั่วถิ๋งเซินก็เร่งจังหวะรุนแรงขึ้น จนสวี่จือย่างต้องเผลอครางออกมาเบาๆ
“ว่าไง? ดีใจจนพูดไม่ออกเลยเหรอ?”
สวี่จือย่างกลั้นน้ำตาไว้สุดความสามารถ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด “ค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วย ขอให้คุณกับคุณฉินรักกันไปจนแก่จนเฒ่านะคะ”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดฮั่วถิ๋งเซินก็หยุดการกระทำ เขาโน้มตัวลงมากระซิบแผ่วเบาข้างหูของสวี่จือย่าง “ขอบใจนะ ต่อไปถ้าเธอหรือพี่หมิงเซวียนต้องการความช่วยเหลือ ก็มาหาฉันได้”
สวี่จือย่างยังไม่ทันได้ยินคำพูดตามมารยาทของเขาชัดเจนก็หมดสติไป
วันรุ่งขึ้น สวี่จือย่างถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์
ลายสายเป็นเสียงของตำรวจนายเดิมที่ช่วยชีวิตเธอเมื่อคืน
“คุณสวี่ครับ คนร้ายสองคนนั้นถูกจับกุมตัวได้แล้ว จากหลักฐานต่างๆ บ่งชี้ว่าคนร้ายทั้งสองคนถูกจ้างวานมา ส่วนใครเป็นคนจ้าง ทั้งสองคนปากแข็งมาก ไม่ยอมพูด คุณสวี่ไปมีเรื่องกับใครไว้หรือเปล่าครับ?”
แสงแดดที่ส่องแยงตาทำให้สวี่จือย่างน้ำตาคลอ เธอยกมือขึ้นบังดวงตาที่ปวดร้าว “เรื่องนี้ สามีของฉันทราบหรือยังคะ?”
ตำรวจหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจ “ขอโทษครับคุณสวี่ เรายังไม่ได้แจ้งให้คุณฮั่วทราบ ถ้าต้องการให้เราแจ้งตอนนี้เลยก็ได้...”
ยังไม่ทันพูดจบ สวี่จือย่างก็ขัดขึ้นมา “ไม่ต้องค่ะ เรื่องนี้อย่าบอกเขานะคะ”
เธอเป็นแม่บ้านที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อนสนิท ที่เดียวที่เธอจะไปสร้างศัตรูกับใครได้ ก็คือการที่เธอได้แต่งงานกับฮั่วถิ๋งเซินผู้เป็นที่หมายปองของใครๆ ยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายสองคนเมื่อคืนกลับเมินเฉยต่อของแบรนด์เนมทั่วตัวเธอ แต่ตอนหนีกลับไม่ลืมที่จะเอาแหวนแต่งงานที่ไม่พอดีวงนั้นไปด้วย
คำตอบนั้นชัดเจนอยู่ในใจ
หลังจากวางสาย สวี่จือย่างก็ลงไปข้างล่าง ฮั่วถิ๋งเซินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ พอเห็นสวี่จือย่างลงมา เขาก็ชี้ไปที่สัญญาหย่าและเช็คตรงหน้า แล้วพูดสั้นๆ ได้ใจความ “เซ็นนี่ซะ ตัวเลขบนเช็คเธอจะกรอกเท่าไหร่ก็ได้”
สวี่จือย่างรู้เรื่องการหย่าร้างอยู่แล้วจึงไม่แปลกใจ เธอมองเช็คที่เขียนชื่อของฮั่วถิ๋งเซินเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วนึกขึ้นมาอย่างไม่ถูกกาลเทศะว่า ผู้ชายที่สามารถโยนเช็คเปล่าให้ภรรยาเก่าได้อย่างองอาจเช่นนี้ ทั่วทั้งใต้หล้าคงมีแค่ฮั่วถิ๋งเซินคนเดียวเท่านั้น
เขาไม่กลัวเลยหรือว่าเธอจะกรอกตัวเลขมหาศาลที่ทำให้เขาล้มละลายได้
แต่เมื่อนึกถึงใบอัลตราซาวนด์ที่ฉินเจินเจินส่งมา ก็ไม่แปลกใจที่ฮั่วถิ๋งเซินจะใจป้ำขนาดนี้
สวี่จือย่างหยิบปากกาขึ้นมาแล้วพลิกไปหน้าสุดท้าย เซ็นชื่อตัวเองลงไปโดยไม่แม้แต่จะมอง
ฮั่วถิ๋งเซินที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ชะงักไปเล็กน้อย แววตาฉายแววไม่พอใจ
สวี่จือย่างไม่ทันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของฮั่วถิ๋งเซิน เธอกัดเกี๊ยวไปคำหนึ่งแล้วถาม “แล้วเราจะไปจดทะเบียนหย่าที่เขตเมื่อไหร่คะ?”
ฮั่วถิ๋งเซินวางช้อนลงในชาม เกิดเสียงดังกริ๊ง เขาหรี่ตามองสวี่จือย่างขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง “เธอรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สวี่จือย่างกินเกี๊ยวต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าเรื่องที่กำลังพูดคุยกันไม่ใช่เรื่องการหย่าของตัวเอง แต่มือที่ถือช้อนกลับสั่นเทาเล็กน้อย “ฉันก็แค่กลัวว่าจะทำให้คุณกับคุณฉินต้องช้าไปไม่ใช่เหรอคะ?”
ก็แหม เด็กอายุหกสัปดาห์แล้วนี่นา ถ้าช้าไปกว่านี้ท้องก็จะยิ่งโต ใส่ชุดแต่งงานก็จะไม่สวยแล้ว
ฮั่วถิ๋งเซินแค่นหัวเราะ เขาเปิดสัญญาหย่าแล้วตวัดลายเซ็นของตัวเองลงไป “ฉันว่า เป็นเธอมากกว่าที่อดใจรอไปหาพี่หมิงเซวียนของเธอไม่ไหวแล้วล่ะสิ แต่ว่า...”
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จ ฮั่วถิ๋งเซินก็งอนิ้วกลางขึ้นมาเคาะโต๊ะเบาๆ สองครั้ง
“เรื่องทะเบียนหย่า... ยังไม่ต้องรีบจดหรอก...”











































































































































































































































































































































































































































































































































































