บทที่ 3 ตอนที่2 สองพี่น้องกลางพนา2
วันนี้อากาศเย็นจัด หิมะตกหนัก หานไต้เป็นหวัดนอนซมอยู่ภายในบ้านหญ้าฟางที่ขุดโพรงเอาไว้แล้วนำดินเหนียวมาพอกให้สูงพอให้คนเข้าไปนอนได้ หลังจากหิมะหยุดตก เขาจึงอนุญาตให้เด็กหญิงสองคนห่อตัวเป็นบ๊ะจ่างออกหาอาหารตามใจชอบ
หานไต้ยามนี้อายุหกสิบปีนับว่าชรามากแล้ว จำต้องฝึกให้เด็กหญิงตัวน้อยหาอาหารเอง เผื่อวันหนึ่งเขาไม่อยู่ให้เห็นหน้า เจ้าเด็กทั้งสองจะได้ไม่อดตาย ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะอดมื้อกินมื้ออยู่แล้วก็ตาม เขาก็ยังมีความหวังว่าพวกนางจะไม่ต้องอดอาหารหลายมื้อติดต่อกันจนหมดโอกาสเติบโต
บนพื้นที่ราบกลางหุบเขา ไม่ไกลจากตีนผา เฟิงลี่เห็นภาพตรงหน้าคล้ายมีคนตัวใหญ่นอนจมกองหิมะอยู่ แม่นางน้อยจึงเบิกตาเพ่งมองให้ชัด ก่อนจะชี้ชวนให้ซือเร่อมองตาม
“พี่ซือซือ ข้าคิดว่ามีคนผู้หนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น”
เฟิงลี่ใจร้อนวู่วาม นางไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไตร่ตรองว่าภาพที่เห็นจักนำภัยหรือไม่ แต่กลับวิ่งไปจนเกือบถึงตัวคนแล้ว
บนพื้นหิมะสีขาว มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนอนขดตัวนิ่ง เห็นชัดเจนว่าสลบไสลสิ้นสติอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้น ไม่ไกลจากตัวเขาพลันมีฝูงหมาป่ากระโจนเข้ามายืนตระหง่านล้อมเอาไว้ สัตว์ร้ายคล้ายเห็นอาหารอันโอชา ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายวาบวับพร้อมขย้ำเหยื่อตรงหน้าในเสี้ยวเวลา พวกมันเคลื่อนตัวทรงพลังจนพื้นหิมะกระเพื่อมไหว คมเขี้ยวของพวกมันมีน้ำลายไหลยืด หมายมาดกัดให้จมเขี้ยว ฉีกกระชากเนื้อสดๆ จนเลือดสาด ทึ้งกระดูกให้แหลกเหลวแล้วเคี้ยวเล่นอย่างสำราญ สะบั้นหัวให้หลุดจนลอยกระเด็นให้ไกล
ตัวหนึ่งพุ่งใส่ชายผู้นั้นทันที
เฟิงลี่ไม่รอช้า รีบชักคันธนูที่ทำขึ้นเองออกมาน้าวสุดสายแล้วยิงออกไปอย่างฉับไวแม่นยำ
เด็กหญิงเติบโตในป่า หากินกับขุนเขา สัตว์ร้ายเหล่านี้มิใช่ว่าไม่เคยเจอ ปลายธนูยังอาบยาสลบเอาไว้
ตัวแรกถูกยิงกระเด็นไป ตัวที่สองไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนของพวกพ้อง มันพุ่งเข้าใส่ชายผู้นั้นอีกคำรบ กลับถูกธนูของเฟิงลี่ยิงกระเด็นไปอีกตัว
หมาป่าทั้งหมดมีสี่ตัว ยังไม่ทันพุ่งใส่ชายปริศนาสำเร็จต่างพากันถูกธนูยิงจนกระเด็นร้องโหยหวนแล้ววิ่งหนีไปไกลลิบ คาดว่าคงพากันไปนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาที่ใดสักแห่ง
เฟิงลี่เก็บธนูแล้วรีบวิ่งเข้าหาชายผู้สลบไสลเพื่อช่วยเหลือ เห็นเขาสลบไสลมิได้สติคล้ายตายจาก เสื้อผ้าเนื้อดีมีคราบเลือดติดอยู่ทั่วตัว
โดยเฉพาะบริเวณท่อนขาทั้งสองข้างมีเลือดออกเยอะมากกว่าบริเวณอื่น สีแดงฉานของมันตัดกับสีขาวของหิมะชัดเจน
เฟิงลี่ร้อนใจนัก “เขาบาดเจ็บ พี่ซือซือ...มาเร็ว ช่วยเขา”
แม้อยากรู้เช่นเห็นชัดเช่นกัน แต่ซือเร่อกลับยังลังเล ไม่ยอมเดินเข้าไป เพียรซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพุ่มไม้มิดชิด
ด้วยเด็กหญิงไม่แน่ใจว่าปลอดภัยหรือไม่ นางจึงหยุดยืนนิ่งๆ เพียงมองอยู่ห่างๆ มิได้อยากเข้าช่วยเหลือหรืออะไร
นางคิดในใจว่าหากคนผู้นั้นเป็นคนชั่วแล้วลุกขึ้นมาทำร้ายคน ตนยังสามารถวิ่งหนีไปก่อน แล้วค่อยวกกลับมาพร้อมอาวุธในมือเพื่อช่วยน้องสาวได้ แม้ยังไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรก็ตาม แต่ตัวเองปลอดภัยไว้ก่อนจึงจะดี
เฟิงลี่เห็นพี่สาวยืนตัวสั่นหลบอยู่เยี่ยงคนขลาดเขลาจึงถอนหายใจเงียบๆ รีบหันมาประเมินคนเจ็บโดยเร็ว
คนเจ็บบนพื้นหิมะยังคงนอนแน่นิ่งพร้อมตายได้ทุกเมื่อ ลมหายใจรวยรินขาดห้วงบางจังหวะ เฟิงลี่มิได้คำนึงถึงอันตรายเฉกเช่นซือเร่อ นางรีบนั่งลงข้างๆ คนเจ็บประเมินอย่างใกล้ชิด เอื้อมปลายนิ้วเล็กๆ เข้าไปที่ซอกคอของเขาเพื่อจับสัญญาณชีพ ก่อนจะพบว่าย่ำแย่เต็มที หากช้ากว่านี้เขาต้องตายแน่ๆ
นางจึงใช้เข็มเงินที่ชอบพกพากับสุรายามเข้าป่าแช่เข็มไว้ในสุราครู่หนึ่งก่อนนำมันมาฝังไว้เฉพาะตำแหน่งบริเวณศีรษะของคนเจ็บตามที่ได้เรียนรู้มาจากหานไต้
แม้มิใช่การรักษาแบบได้ผลชะงัดเฉกเช่นหมอเทวดา ทว่ากลับช่วยยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ทำให้ร่างกายที่กำลังบาดเจ็บสาหัสพ้นภาวะวิกฤตใกล้ตายในเสี้ยวลมหายใจ หากคิดช่วยเหลือยังพอมีเวลา ไม่ตายคามือนางแน่นอน
เด็กหญิงดึงเข็มเงินออกก่อนถือวิสาสะเปิดเสื้อผ้าของเขาเพื่อสำรวจบาดแผลทั่วตัว พบว่ามีบาดแผลถลอกเต็มไปหมด แต่สาหัสมากคือที่ขาทั้งสองข้างของเขา ซึ่งเป็นบาดแผลฉกรรจ์ คาดว่าคงถูกหินคมบาดกระทั่งกระดูกยังหักเสียแล้ว
เด็กหญิงไม่รอช้า รีบฉวยโอกาสยามที่เขายังไม่ได้สติทำความสะอาดบาดแผลอย่างลึกล้ำก่อนจะล้วงเข้าอกเสื้อตนเองหยิบห่อยาสมุนไพรสมานแผลออกมา
จากนั้นยังใช้ใยต้นหม่อน เย็บบาดแผลให้อย่างดี ฝีเข็มว่องไวประสานมือใจเป็นหนึ่ง ชีวิตในป่าล้วนสั่งสมประสบการณ์ เมื่อลงเข็มเสร็จก็ใช้ฟันกัดปลายใยต้นหม่อนจนขาด
บาดแผลอื่นก็โรยยาให้จนทั่วทุกแผลอย่างไม่หวงแหน ทว่ายาที่พกพายามเดินป่ามีน้อยนิดเพราะนางปรุงสำหรับตัวเองและพี่สาว พวกนางอายุยังน้อยรูปร่างเล็กบาง มีเนื้อหนังให้เกิดบาดแผลไม่มาก เมื่อเจอคนตัวใหญ่ยาจึงไม่พอใส่แผลให้เขา
เมื่อยาหมดนางจึงปิดเสื้อผ้ากลับเช่นเดิม ยังปลดผ้าป่านเนื้อหยาบที่ลำคอของตนมาพันรอบลำคอของชายวัยกลางคน เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้เขา เห็นใบหน้าซีดขาวเริ่มมีสีเลือดฝาดก็วางใจก่อนวิ่งไปอีกทางเพื่อมองหาท่อนไม้กับเชือกเถาวัลย์ ไม่นานก็กลับมา
นางนำท่อนไม้วางขนานกับท่อนขามัดด้วยเชือกเถาวัลย์อย่างแน่นหนาทั้งสองข้าง ยังไม่ลืมเตรียมไม้ยาวท่อนหนึ่งเอาไว้ เผื่อเขาฟื้นขึ้นมาจะได้ใช้พยุงตัวเดินพร้อมๆ กับมีนางช่วยแบก
