บทที่ 11 ชัยชนะ
หัวใจดวงน้อยหล่นวูบ เมื่อรถที่วิ่งขนาบข้างกับภูผาเสียหลัก ด้วยความเร็วทำให้เสียการทรงตัว ระบบเกิดขัดข้อง รถพลิกคว่ำ เศษรถแตกหักไปคนละทิศละทาง ทำเอารถคันอื่น ๆ ก็ลำบากไปด้วย
ด้านภูผา ที่รถเสียการทรงตัว วิ่งออกนอกสนาม เขาหัวเสียเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องนิ่งและตั้งสติ พยายามควบคุมรถ ถึงรถที่เขาใช้ในการแข่งในครั้งนี้จะเกิดความเสียหายพอสมควรจากแรงกระแทก แต่จะเปลี่ยนรถหรือทำอะไร ณ เวลานี้ก็คงจะไม่ทันการ
“เชี่ยเอ๊ย!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย หลังจากที่พยายามประคองรถกลับเข้าสนาม และตอนนี้เขาแทบจะอยู่ลำดับท้ายๆ แล้วแบบนี้ชัยชนะที่หวังเอาไว้ ความหวังที่จะคว้าเหรียญทองไปให้เธอ มันก็สูญเปล่า...
“......” น้ำอุ่นทนอยู่ในห้องไม่ไหว ตรงไปยังประตูวิ่งออกไปข้างนอก ด้วยความเป็นห่วง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นอะไร แต่ตอนนี้เขารั้งท้าย และเร่งความเร็วจนมิดเข็มไมล์ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ไม่อยากจะคิดเลย
แต่เห็นคนอื่นกระเด็นกลิ้งกระแทกไปกับพื้นถนนก็หัวใจแทบวาย ถ้าเป็นแฟนตัวเองเธอคงไม่ไหวแน่ๆ
“ภูผา อย่าขับเร็วแบบนั้นสิ มันอันตราย” ดวงตากลมโตพร่ามัว มองรถแฟนหนุ่มที่วิ่งด้วยความเร็ว ด้วยความหวาดกลัว สองมือประสานกัน ภาวนาให้เขาปลอดภัย
แล้วทุกคนยิ่งลุ้นและตื่นเต้นหนัก เมื่อพิธีกรรายงาน เหลืออีก 1 รอบสนาม การแข่งขันก็จะจบลง
น้ำอุ่นที่ได้แต่ลุ้นมือเท้าเย็นเฉียบ เมื่อรถของแฟนหนุ่มแซงขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 3 และเหลือระยะทางอีกแต่ไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเข้าสู่เส้นชัย ในใจหนึ่งก็กลัว อีกใจก็ลุ้นอยากให้เขาเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก เพราะเธอรู้ว่านี่คือความชอบของเขา ถึงมันจะอันตราย แต่ความชอบของคนมันต่างกัน ถึงเธอจะไม่ชอบ ไม่อยากให้เขาอยู่ในอันตราย แต่ก็อยากเห็นเขามีความสุขในสิ่งที่เขารัก
“ชนะ ชนะ นายต้องชนะ” น้ำอุ่นหลับตาพูดภาวนา ขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความดีต่าง ๆ ที่เธอทำมา ขอให้เขาปลอดภัยและคว้าเอาชัยชนะครั้งนี้มาให้ได้
เธอยังคงหลับตา ไม่กล้าลืมตาขึ้นไปมอง ขนาดคนทั้งสนามส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ เธอยังไม่สนใจ เอาแต่ก้มหน้าอธิษฐาน....
“ทำอะไร แล้วออกมาทำไม”
“......” น้ำอุ่นยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ถึงกับตกใจ เมื่อลมหายใจอุ่นๆ พ่นรดข้างหู
“พะ...ภูผา!!!” น้ำอุ่นยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“เป็นอะไร เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เขายังคงความนิ่ง แต่การกระทำมันช่างแตกต่าง ฝ่ามือหนาลูบหัว ปลอบโยน เมื่อรู้ว่าเธอเป็นห่วง
“ก็อุ่นเป็นห่วง กลัวภูผาเป็นอะไรไป” มือเล็กที่เย็นเฉียบจับมือเขาไว้แน่น ดวงตากลมโตคู่สวยสั่นระริกด้วยความกลัว
“กลัวอะไร แล้วร้องไห้ทำไม เป็นคนขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” น้ำเสียงคำพูดอาจจะฟังดูเรียบเฉย แต่มันกลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น พร้อมกับปาดซับน้ำตาให้แฟนสาวอย่างอ่อนโยน
“ตรงนี้แดดร้อน ไปรอเราในห้อง เดี๋ยวเราเสร็จเราไปหา”
“.....” น้ำอุ่นพยักหน้ายิ้มๆ คนทั้งสองมองหน้าสบตากัน เหมือนกับว่าตรงนี้มีแค่เขาสองคน ก่อนภูผาจะเดินกลับไปหาเพื่อนและโค้ชที่รออยู่ ณ จุดรับรางวัล
“แล้วตกลงชนะหรือแพ้กัน?” เมื่อกี้มัวแต่ตกใจ และมัวแต่ก้มหน้าเลยไม่รู้ว่าใครชนะกันแน่ เฮ้อ...
30 นาทีผ่านไป
“ตกลงว่าจะไม่ไปด้วยกัน?”
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้มีธุระ” ภูผาตอบเพื่อน สายตามองไปที่แฟนสาวที่เหมือนเธอกำลังนั่งดูอะไรอยู่ในห้อง
“ใครวะ ปกติไม่เคยเห็นพาใครมา” เพื่อนที่เดินมาด้วยกันอีกคนถามขึ้น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเห็นภูผาพาผู้หญิงคนไหนมาที่สนามแข่ง อย่าว่าแต่สนามแข่ง ขนาดนักแข่งสาวๆ หรือแม้แต่เหล่าลูกหลานคนดังมาคุยด้วยเขายังเดินหนี
“มึงก็ไม่น่าถามโง่นะไอ้ควาย พูดอย่างกับไม่รู้จักมัน ถ้าไม่ใช่คนสำคัญมันจะพามาเปิดตัวไหมวะ!” กัส เพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักภูผาดีเอ่ยขึ้น ขนาดน้องสาวเขาทอดสะพานตามจีบมาเป็นปีๆ ภูผายังไม่สนใจ
“เอ่อ!! กูรู้ แต่กูแค่อยากถาม อยากได้ยินจากปากน้องมัน! มึงจะด่ากูเพื่อ?” ไปรท์จ้องหน้ากัสอย่างไม่พอใจ แต่สองคนเพื่อนรักก็แบบนี้ พูดดักคอ ด่ากันเป็นประจำ
“ผมขอตัว ส่วนนี้ของพี่ๆ” ภูผาได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะแบ่งเงินรางวัลส่วนหนึ่งให้เพื่อน
“อะไรกัน ไม่เอา” กัสปฏิเสธทันที
“ผมเลี้ยง และขอโทษที่ไปฉลองกับพี่ๆ ไม่ได้” ภูผายืนยันที่จะให้
“เอามาๆๆๆ มึงไม่เอากูเอาเอง วันนี้แหละกูจะดื่มให้เมาเหมือนหมาเลย....ขอบใจมากไอ้น้องรัก ว่าแต่แนะนำแฟนให้รู้จักหน่อยสิ” ไปรท์รับเงิน แล้วชะเง้อคอมองไปที่น้ำอุ่น
“.....” ภูผาไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าแล้วเดินตรงเข้าไปหาน้ำอุ่น ที่ยังไม่รู้ตัวเอาแต่ดูเทปการแข่งขันและยิ้มอย่างดีใจ ที่ภูผาสามารถเอาชนะเข้าเส้นชัยได้ในวินาทีสุดท้าย
และตอนนี้เธอก็กำลังดูช่วงที่เขารับรางวัล ถ่ายภาพกับสาวๆ พริตตี้ ที่มีแต่คนสวยๆ ยิ่งตอนที่เขาขึ้นรับเหรียญ เปิดแชมเปญ เขายิ่งดูเท่
“ดูอะไร” ภูผาเดินเข้าไปหาเธอทันที
“มาแล้วเหรอ อุ่นกำลังดูเทปบันทึกภาพ ที่ภูผาแข่ง คือตอนดูเมื่อกี้ที่สนาม อุ่นมัวแต่กลัวเลยไม่ทันเห็นตอนที่ภูผาชนะ” น้ำอุ่นรีบเก็บมือถือ ลุกขึ้นพูดด้วยความดีใจ จนลืมสังเกตว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
“ถึงว่า น้องกูถึงไม่สนใจสาวๆ คนไหน มันเป็นแบบนี้นี่เอง” ไปรท์ ผู้ที่มีนิสัยขี้เล่น เอ่ยขึ้น มองหน้าน้ำอุ่นอย่างครุ่นคิด เมื่อเห็นใบหน้าที่สะสวยสะอาดตา ขนาดอยู่ในชุดนักเรียนยังไม่แต่งหน้าทาปากยังสวยขนาดนี้ ถ้าอยู่ในชุดปกติจะสวยขนาดไหน
“อายุเท่าไหร่แล้วค่ะ คนสวย ไม่สิ นางฟ้า” เจอหน้าครั้งแรกก็หยอดคำหวานใส่เธอทันที
“.....? ....” น้ำอุ่นมองหน้าภูผาอย่างสงสัย
“นี่พี่กัส ส่วนคนนี้พี่ไปรท์ เพื่อนเราเอง” ภูผาแนะนำทั้งสองหนุ่มให้น้ำอุ่นรู้จักทันที
“สวัสดีค่ะ พี่กัส พี่ไปรท์” น้ำอุ่นยกมือไหว้ทั้งสองอย่างมีกาลเทศะ
“......” กัส ที่เป็นคนนิ่งขรึม พยักหน้ารับไหว้
“เปลี่ยนจากสวัสดี เป็นคืนนี้ไปเที่ยวกับพี่แทนไม่ได้เหรอคะ” ส่วนไปรท์ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องรักมีนิสัยยังไง ขนาดของใช้เขายังหวงไม่ยอมให้คนอื่นจับ แล้วนี่แฟนพูดแบบนี้ไม่กลัวตายรึไงกัน
“ขอตัว” ภูผาทำหน้านิ่ง ก่อนจะจูงมือน้ำอุ่นเดินออกจากห้อง
“พี่แค่พูดเล่น ทำเป็นจริงจังไปได้!! ฮึ” ไปรท์หัวเราะชอบใจที่ทำให้น้องโกรธได้ แต่ขนาดโกรธยังนิ่งได้ เขาล่ะยอมใจเด็กคนนี้จริงๆ
“.....” ภูผาทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะชูนิ้วกลางใส่ไปรท์
“โห่ ไอ้น้องเลว มึงนะมึง ด่ากูได้ แต่ไม่เป็นไร วันนี้กูรวย!! ให้อภัย” แต่แทนที่ไปรท์จะโกรธกลับหัวเราะยิ้มอย่างอารมณ์ดี ที่ถูกคนเย็นชาเลือดเย็นแบบภูผาด่า
“ประสาท!” กัสถอนหายใจอย่างเอือมระอากับไอ้นิสัยขี้เล่น กวนตีนของเพื่อน แล้วเดินตรงไปยังรถ โดยที่ไปรท์วิ่งตามไปติดๆ
“เราจะไปไหนกันเหรอ?” น้ำอุ่นจ้องหน้าแฟนหนุ่มอย่างสงสัย เมื่อเส้นทางที่จะไปมันไม่ใช่ทางที่เขาพามา....
