บทที่ 1 บทนำ “ไชโย! ในที่สุดฉันก็มาเหยียบที่อิตาลีได้แล้ว I love Italy”

เสียงร้องตะโกนออกมาด้วยภาษาไทยผสมภาษาอังกฤษดังลั่นบนหลังคามหาวิหารดูโอโมด้วยความตื่นเต้นที่เห็นความงดงามตรงหน้า นั้นทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองหญิงสาวชาวเอเชียอย่างสนใจจน ‘น้ำฟ้า’ ยิ้มเขิน ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความอาย

“ทำขายหน้าอีกแล้วเรา”

หญิงสาวบ่นออกมาเบาๆ ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อด้วยความอาย ก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นว่าห่างจากที่เธอทำขายหน้า และผู้คนก็เลิกสนใจในตัวเธอแล้ว

หลังจากนั้น เธอจึงเดินชมความงดงามของมหาวิหารดูโอโมอีกทางที่เธอวิ่งหลบผู้คนมา ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องมองผ่านทางอินเตอร์เน็ตอีกต่อไป ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม

แต่ที่นี่เป็นมหาวิหารแบบโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสถานที่เธอฝันถึง หญิงสาวเดินชมความงดงามข้างหน้าอย่างเพลิดเพลินและเก็บภาพอันงดงามด้วยกล้องถ่ายรูปสีชมพูหวานตัวโปรดที่พกติดตัวเสมอเวลามาเที่ยว

‘น้ำฟ้า เทวะประดิษฐ์’

หญิงสาวชาวไทยวัยยี่สิบสามปี มีใบหน้าสวยหวานแต่นิสัยตรงกันข้ามกับใบหน้าหวานละมุน เพราะเธอแสบซ่า ดื้อรั้นและเอาแต่ใจ

น้ำฟ้าเป็นลูกสาวของ ‘เจ้าสัวธรากร เทวะประดิษฐ์’ ที่ถูกเลี้ยงและตามใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะเธอสูญเสียมารดาไปตั้งแต่อายุสิบขวบ จึงทำให้เจ้าสัวธรากรรักและตามใจมาโดยตลอด และเพียงไม่นานเจ้าสัวธรากรก็ได้แต่งงานใหม่กับ “ไหมแก้ว” ซึ่งมีลูกชายติดมาหนึ่งคนชื่อว่า ‘เหมันต์ มุนินธร’ ซึ่งอายุห่างจากน้ำฟ้าถึงเจ็ดปี

น้ำฟ้าเดินสำรวจและเก็บภาพวิหารดูโอโมจนเป็นที่พอใจแล้ว เธอจึงลงมาจากวิหารและเดินลัดเลาะชมเมืองมิลานมาเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข

จนมาถึงถนนสายแฟชั่นของมิลานตรงพื้นที่สามเหลี่ยมตั้งแต่ดูโอโม กัลเลเรีย วิตโตริโอ เอมานูเอล พื้นที่แห่งนี้อุดมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและมีของแบรนด์แนมชื่อดังอยู่กันครบถ้วน

“ว้าว! สุดยอด”

หญิงสาวอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อมองไปข้างหน้าเห็นร้านเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเมืองมิลาน ใบหน้าสวยเปื้อนด้วยรอยยิ้มของความสุขที่คุ้มค่ากับการหนีเที่ยวครั้งนี้

“อย่างนี้ต้องพลาดไม่ได้”

นักช้อปปิ้งตัวยงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะเข้าไปดูร้านค้าต่างๆ ที่ดูน่าสนใจ เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสนุกพร้อมกล้องถ่ายรูปคู่ใจที่เก็บภาพต่างๆ ที่น่าสนใจด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

และนึกดีใจที่เธอคิดไม่ผิดที่หนีพี่ชายต่างสายเลือดมา หลังจากขออนุญาตอยู่นานแต่พี่ชายที่เธอเคารพนับถือไม่อนุญาตให้เธอมาที่อิตาลี และคนอย่างเธอถ้าอยากไปที่ไหนแล้วก็ต้องไปให้ได้ เธอจึงหนีมาโดยยังไม่มีใครรู้

ระหว่างที่น้ำฟ้าเดินชมร้านค้าอย่างสบายอารมณ์  มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงจับจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา

ขณะที่น้ำฟ้าเลือกดูสินค้าอยู่นั้นได้มีชายร่างสูงโปร่งเดินตรงดิ่งมาทางเธอ โดยที่น้ำฟ้าไม่ทันสังเกตเห็นและระวังตัว ก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อถูกชายร่างสูงโปร่งตรงเข้ากระชากกระเป๋าสะพายของเธอหนีไป

“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วยค่ะ...”

น้ำฟ้าตะโกนลั่นด้วยความตกใจ พร้อมวิ่งตามชายร่างสูงโปร่งที่บังอาจมากระชากกระเป๋าเธออย่างแค้นใจ เสียงตะโกนของเธอมีเพียงสายตามองตามเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครคิดจะลงมือช่วยเลยสักคน

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้หัวขโมย”

น้ำฟ้าตะโกนลั่นด้วยภาษาอังกฤษ และวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละจนถึงตรอกซอยแคบๆ

น้ำฟ้าหยุดวิ่งอย่างเหนื่อยหอบและจ้องมองด้านหลังของหัวขโมยที่หยุดวิ่งตามคำเรียกร้องของเธอ แต่แล้วน้ำฟ้าก็ต้องถอยหลังไปทีละก้าวๆ ก่อนจะหันหน้าแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมเสียงวิ่งตามของชายฉกรรจ์นับสิบคนที่วิ่งตามอย่างชอบใจที่ได้เล่นเกมวิ่งไล่จับหนูกับเธอ

ตึก ๆ ๆ

เสียงฝีเท้าวิ่งไล่ตามมาติดๆ ทำให้น้ำฟ้าวิ่งหลบเข้ามาในตรอกซอยแคบๆ ด้วยความหวาดหวั่น แต่เมื่อเห็นชายร่างสูงยืนพิงกำแพงในตรอกซอยนั้น และด้วยความกลัวก่อเกิดขึ้นในใจทำให้เธอลงมือทำบางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

เธอโผวิ่งเข้าโอบกอดต้นคอของชายแปลกหน้าพร้อมดึงใบหน้าชายหนุ่มมาประกบริมฝีปากจูบ เพื่อหวังจะหลุดพ้นจากสายตาชายฉกรรจ์นับสิบที่วิ่งตามเธอมา โดยไม่ได้สังเกตว่าห่างออกไปมีชายชุดดำนับสิบคนยืนดูด้วยความตกใจ

เสียงฝีเท้าชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามเธอเงียบลงพร้อมใจพากันถอยหลังจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหญิงสาวเป้าหมายอยู่กับใครบางคนที่พวกเขารู้จักดี!

เมื่อความเงียบเข้าครอบงำ ทำให้น้ำฟ้าถอนริมฝีปากออกชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอกล้าไปจูบกับเขาอย่างเขินอาย และเมื่อเห็นสายตาของชายแปลกหน้าที่เธอกระโดดจูบ จ้องมองลงมาที่เธอคล้ายกับโกรธเธอมาเป็นสิบชาติ

ก็ทำให้น้ำฟ้าถึงกับก้าวถอยหลังออกห่างอย่างหวาดหวั่น แต่แล้วใบหน้าหวานละมุนก็แดงระเรื่อเมื่อมองเห็นผู้ชายใส่สูทสีดำยืนมองเธออยู่นับสิบคน

“เออ... ฉันไปดีกว่านะ”

น้ำฟ้าบอกอย่างหวาดเกรง และถอยหลังหนีอย่างหวาดหวั่น แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อชายร่างสูงที่เธอกระโดดจูบเมื่อสักครู่คว้าแขนเธอเอาไว้

“เธอเป็นใคร ใครส่งเธอมา?”

เสียงทุ้มหนักแน่นทุกคำพูดถามด้วยภาษาอิตาเลียน และดึงร่างของหญิงสาวเข้ามาใกล้พร้อมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาเธออย่างจับผิด

น้ำฟ้าพยายามแกะมือชายหนุ่มออกจากแขนของเธอ แต่ต้องหน้านิ่วเมื่อมือเรียวแข็งแรงของเขาจับเอาไว้แน่น พร้อมดึงตัวเธอมาใกล้ใบหน้าคมคายแต่หล่อเร้าใจด้วยความหวาดหวั่น

ดวงตาสีอำพันดูดุดันอย่างมีอำนาจและมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามอย่างเธอ คิ้วสีน้ำตาลเข้มที่ดูเหมาะกับดวงตาคมดุ

จมูกโด่งรับกับใบหน้าคมคายและริมฝีปากที่เธอสัมผัสแดงระเรื่อ เพราะความจูบไม่เป็นของเธอจึงดูเหมือนเธอไปกัดริมฝีปากเขามากกว่าการจูบ

“ฉันฟังที่คุณพูดไม่รู้เรื่อง”

น้ำฟ้าตอบด้วยภาษาอังกฤษและจ้องตอบอย่างไม่ยอมให้ใครมาสยบเธอง่ายๆ

บทถัดไป