บทที่ 1 บทนำ…

เมืองใหญ่ที่ไม่เคยหลับใหล แม้จะเป็นคืนที่ท้องฟ้ามืดที่สุด ไม่มีแสงจากพระจันทร์และดวงดาว แต่ก็ยังมีแสงสว่างจากป้ายโฆษณา ตึกสูง และไฟถนนที่ยาวสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ของคอนโดหรูขนาดไม่ต่ำกว่าร้อยตารางเมตร ลมหายใจแผ่วเบาผ่อนออกมาคล้ายกำลังแอบระบายความรู้สึกที่อึดอัดในใจ

เธอคือ ‘จีน่า’ จิณารี พชรจินดานนท์ อายุ 25 ปี หญิงสาวหน้าตาสะสวย สูงราว 170 ผิวขาว ขาเรียวยาว หุ่นเพรียวส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เป็นต้นแบบของผู้หญิงในอุดมคติของผู้ชายหลายคน ถึงแม้เธอจะมีเรื่องที่คิดอยู่ในหัว หนักอยู่ในใจ ก็ไม่อยากแสดงออกมาให้เพื่อนสนิท ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอาการแย่กว่าเธอหลายเท่าให้ได้รับรู้ จึงแสร้งทำเป็นเหมือนปกติ เพราะไม่อยากให้เพื่อนสนิทอย่าง ‘เกวลิน’ ต้องเป็นห่วง

“ยัยเกล...เสร็จหรือยัง!!” จีน่าส่งเสียงถามเพื่อนสนิทที่โอ้เอ้ แต่งตัวไม่ยอมเสร็จเสียที

“ฉันไม่ได้อยากไปสักหน่อย จะเร่งอะไรนักหนา” เกวลินเอียงศีรษะใส่ต่างหู เดินมาหยุดอยู่ที่กระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว ก่อนจะปรายตาไปค้อนจีน่าที่เร่งเธอแล้วเร่งเธออีก

พอได้ยินที่เพื่อนสนิทบ่น จีน่าก็อดจิ๊ปากไม่ได้ “อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า...ฉันจะพาแกไปเปิดหูเปิดตานะ มัวแต่นั่งกอดเข่าเฝ้าโทรศัพท์อยู่แบบนี้จะเฉาตายไปซะก่อน อีกอย่างแกรับปากฉันไว้แล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนฉันนะ” จีน่าลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเดินมาหาเพื่อนสนิท ก่อนจะยกมือเล็กบีบคางเพื่อนสาวเชิงหยอกเย้า “ใครผิดคำพูดเป็นหมา ไม่รู้เหรอจ๊ะ?

“เสร็จแล้วนี่ไง”

จีน่ามองเพื่อนสนิทตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมกับเดินกอดอกหมุนรอบตัวเกวลิน ดวงตาฉายแววชื่นชม “เพื่อนฉันสวยเหมือนฉันสินะ”

เกวลินแสยะยิ้มให้กับคำยอของจีน่า สายตาของเธอก็มองเพื่อนสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นกัน วันนี้จีน่าสวยและเซ็กซี่เป็นพิเศษ ในชุดเกาะอกสีเลือดนก ที่ดูเหมือนจะเป็นสีประจำตัวของจีน่าไปเสียแล้ว “ใครจะไปสู้แม่เสือสาวพราวเสน่ห์อย่างแกได้” เกวลินอมยิ้มเอ่ยแซว

พอได้ยินคำว่า ‘เสือสาวพราวเสน่ห์’ ของเพื่อนสนิท จีน่าก็หลุดหัวเราะออกมา

รถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตขับออกจากคอนโด มุ่งหน้าไปตามถนนสายหลัก ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปที่สถานบันเทิงใจกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดพี่ชายของจีน่า

“เมื่อตอนบ่ายฉันเห็นคนชื่อปืนส่งข้อความเข้ามา แกกลับไปคบกันเหรอ” เกวลินหันไปถามจีน่าที่กำลังขับรถอยู่

จีน่าได้ยินที่เพื่อนสนิทถามก็เผลอเหยียบเบรกจนรถกระตุก “แกถามอะไรเนี่ย!! ขับรถอยู่”

เกวลินเห็นท่าทีของจีน่าก็อดยกยิ้มไม่ได้ “ไม่ต้องตอบฉันก็รู้ รักเขานี่เนอะ ตัดขาดง่ายก็คงไม่ได้เรียกว่ารัก” เกวลินยกแขนกอดหน้าอกหลวมๆ เอ่ยพูดลอย ๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองบรรยากาศเมืองหลวงในยามค่ำคืน

“แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้เปิดใจให้ใครมานานมากแล้ว ฉันอยากลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง ฉันยังเชื่อว่าความรักของฉันจะทำให้เขาหยุดได้” จีน่าเอ่ยออกมาขณะที่ยังคงตั้งใจขับรถ

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เรื่องแบบนี้ใครไม่เจอด้วยตัวเอง ก็คงไม่เข้าใจความรู้สึก เรื่องฉัน ฉันยังเอาไม่รอดเลย แกมีความสุขก็พอ”

จีน่าหันมายิ้มให้เพื่อนสนิท “อืม” เธอเพียงตอบอืมในลำคอเท่านั้น ก่อนจะหันไปขับรถต่อ

ใช้เวลาไม่นานรถยนต์คันหรู ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถใต้ดินผับ Z ซึ่งเป็นผับพี่ชายของจีน่า

“ไปกันเถอะ”

จีน่าจูงมือของเกวลินเดินเข้ามาในห้องวีไอพีขนาดใหญ่ ที่จัดเตรียมไว้สำหรับปาร์ตี้วันเกิด มีลูกโป่งตัวอักษรประดับไว้หน้าเวที แสงไฟสาดส่องจนคนที่เข้ามาใหม่ตาลาย ลำโพงที่ดังกระหึ่มชวนให้หัวใจเต้นแรง ทว่าแม่เสือสาวที่ออกปาร์ตี้แทบทุกคืนกับชินเสียแล้ว ต่างจากเพื่อนสนิทอย่างเกวลินที่เอามืออีกข้างกุมที่หน้าอกมาตลอดทาง

“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง?” เกวลินโน้มไปกระซิบจีน่า

“ก็พี่ฉันทำธุรกิจนี้ รู้จักคนไม่น้อยเลย ฉันก็ไม่คิดว่าวันนี้คนจะเยอะขนาดนี้”

จีน่ากวาดสายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังจะมองหาใครบางคน

“คนชื่อปืนนั่นก็มาด้วยเหรอ” เกวลินกระซิบถาม

“เขาว่าจะมานะ แต่มองไปก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน”

จีน่ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะโน้มมากระซิบเกวลิน “เราไปนั่งโซนที่พี่ฉันเตรียมไว้ให้ก่อนเถอะ เดี๋ยวตานั่นมาก็โทรมาหาฉันเองแหละ”

สาวสวยทั้งสองคนเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่โซนปีกขวา ไม่นานพนักงานก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เกวลินยกมือขึ้นหยิบแก้วค็อกเทลเพราะคิดว่าดื่มนิดหน่อยพอเป็นพิธีก็พอแล้ว

มือยังไม่ทันถึงแก้วค็อกเทลก็โดนจีน่าตี “เรียนก็จบแล้ว แฟนก็มีแล้ว อย่าทำตัวเหมือนเด็กประถมให้ฉันหงุดหงิด” พูดจบจีน่าก็เอื้อมมือไปหยิบแก้ววิสกี้ยืนให้เพื่อนสนิท และหยิบของตัวเองมาหนึ่งแก้ว

เสียงเบสจากลำโพงตัวใหญ่ดังมาเป็นระลอก หญิงสาวยกแก้วจิบพลางโยกศีรษะตามจังหวะอย่างผ่อนคลาย ก่อนที่แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์จะสว่างขึ้น สายตาหลุบลงไปมองที่หน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งดูเหมือนจะมีคงส่งข้อความตอบกลับมา เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบก่อนจะกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ไปอีกครั้ง

“ตานั่นกำลังจะถึงแล้ว เห็นว่าอีกสิบนาที แกอึดอัดไหมเกล ถ้าปืนจะมานั่งกับเรา” จีน่าโน้มไปกระซิบเพื่อนสนิท

“มาสิ...ฉันไม่เป็นไร แฟนแกนิ่ ฉันยังไงก็ได้ แค่ไม่ทำให้เพื่อนของฉันเสียใจอีกก็พอ” เกวลินยิ้มเอ่ย

“อืม”

นั่งอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองคนเหมือนจะได้ยินเสียงของกลุ่มผู้หญิง พูดถึงเรื่องผู้ชายคนหนึ่ง ที่ฟังดูเหมือนจะชื่อ ‘ปืน’ กลุ่มนั้นคุยกันสนุกสนานจนเสียงเริ่มดังมากขึ้น ทำให้พวกเธอได้ยินอย่างชัดเจน

“จริงเหรอ พี่ปืนเขายังมาหาแกอยู่เหรอ?”

“อืม...ทำไงได้ล่ะ ฉันดันทำให้เขาลืมไม่ลง”

“น่าหมั่นไส้ชะมัด แกกินของคนอื่นอยู่ยังจะพูดอวดอีก”

“ของคนอื่นแล้วไง ถ้ายัยนั่นแซ่บจริง เขาจะมากินฉันอยู่ทำไม จริงไหม?”

“พี่ปืนเขาก็หล่อจริง ๆ นั่นแหละ เป็นฉัน ฉันก็ยอม แล้วยัยนั่นรู้ไหมว่าแกแอบคั่วอยู่กับผัวเขาอ่ะ”

“ไม่รู้สิ...อยากจะโง่ ก็ปล่อยให้โง่ไป ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันดังที่ไหน ของอร่อยแบบนี้แบ่งกันชิมบ้างจะเป็นอะไรไป”

จีน่ากำแก้วในมือแน่น เธอได้ยินคำสนทนาของกลุ่มผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นชัดเจนทุกคำ กัดฟันหลับตาพยายามระงับอารมณ์อยากจะฟังเรื่องน่าสะอิดสะเอียนที่ออกจากปากของพวกหน้าไม่อายอีกสักหน่อย

เกวลินกระชับแขนของเพื่อนสนิทไว้แน่น “ใจเย็นไว้”

“อืม”

ดูเหมือนผู้หญิงพวกนั้นจะพูดไม่จบไม่สิ้น เกวลินยกแก้วเหล้าในมือกระดกรวดเดียวจนหมด ก่อนจะกระแทกแก้วลงโต๊ะรับรองเสียงดังจนคนที่นั่งใกล้เคียงหันมามองด้วยความสนใจ แล้วลุกขึ้นเดินก้าวอย่างมั่นใจไปทางด้านโต๊ะที่อยู่เยื้องจากพวกเธอไปไม่กี่โต๊ะ

เพี๊ยะ!!! มือเล็กของเกวลินฟาดลงไปที่หน้าของผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นเต็มแรงจนหน้าหันตามแรงตบตัวเซไปอีกทาง

“ตบมือข้างเดียวดังพอไหม?”

“อีบ้า!!! แกกล้าดียังไง!!” พออีกฝ่ายตั้งหลักได้ก็แผดเสียงออกมาด้วยความโกรธ โดยที่ข้างๆ มีเพื่อนอยู่ด้วยอีกสามคนตั้งท่ารอ

“ทำไม!?” เกวลินกวาดตามองผู้หญิงพวกนั้นด้วยสายตาแสนรังเกียจ “อยากตบคืนก็มา...เพื่อนฉัน!!! ใครหน้าไหนก็อย่ามาแตะ พวกฉันไม่เคยทำร้ายใครก่อน พวกที่ชอบยุ่งกับผู้ชายของคนอื่น แล้วทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าไม่อายก็มาตบคืน!!!”

“เกลเรื่องของฉัน ฉันจัดการเอง” จีน่าเดินมาดึงเกวลินให้ถอยหลังไป ก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นที่บอกว่าเป็นคู่ขาของแฟนหนุ่มของเธออย่างภาคภูมิใจ

“ใครกล้ายุ่งอย่าคิดว่าฉันไม่เตือน!!!” จีน่ายกมือชี้กราดไปที่เพื่อนของผู้หญิงหน้าไม่อายทุกคน ก่อนเธอจะยกมือเชิดคางของผู้หญิงคนนั้นขึ้นเอ่ยถามเสียงเย็น “เมื่อกี้เธอว่าใครโง่?”

“พะ..พี่จะทำอะไร เรารู้จักกันหรือไง” คู่ขาปืนเอ่ยเสียงตะกุกตะกักตัวสั่น เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของจีน่าจากปากคนอื่นมาบ้าง

จีน่าบีบคางของอีกฝ่ายแรงขึ้น แค่นยิ้มหยัน “ใช่!!! เราไม่รู้จักกัน แล้วเธอกล้าดียังไงมายุ่งกับผู้ชายของฉัน”

“พะ..พี่ปืนเขาบอกว่าเขา เลิกกับพี่แล้วนิ่”

“เฟย์!!!” เสียงคนที่มาใหม่ดังขึ้นจนคนที่อยู่ในเหตุการณ์หันมองเป็นตาเดียว

จีน่าไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร เธอแสยะยิ้มเอ่ย “ตัวต้นเรื่องมาแล้วสินะ” ก่อนจะคลายมือที่จับคางของอีกฝ่ายออก แล้วหันกลับมามองผู้ชายที่เธอไม่อยากเห็นหน้าเขามากที่สุดตอนนี้

เธอส่งสายตาเยือกเย็นมองไปที่ชายหนุ่ม “มีอะไรจะพูดไหม?”

ปืนเม้มปากนิ่งมองมาที่จีน่าก่อนจะก้มหน้าลงไม่ได้เอ่ยอะไร

จีน่าเดินมาหยุดตรงหน้าของปืน เค้นเสียงถาม “คั่วกันมานานแค่ไหนแล้ว?”

ปืนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาตอบ เขายังคงก้มหน้านิ่งอยู่แบบนั้น

ยิ่งเขาทำท่าทีแบบนี้ จีน่าก็ยิ่งโกรธ “ถึงขนาดลืมไม่ลง ก็คงต้องเลือกมาแล้วใช่ไหม?” จีน่ากดเสียงต่ำเอ่ยถาม

ปืนรีบเงยหน้าขึ้นมาจับมือของจีน่า ส่ายหัวอย่างกระตือรือร้น “ไม่...ก็แค่นึกสนุก เรื่องมัน...”

เพี๊ยะ!!! ไม่รอให้ปืนได้แก้ตัว มือเล็กของจีน่าก็ฟาดลงบนหน้าของอีกฝ่ายเต็มแรง

“เหี้ย...มันก็คือเหี้ย!!! เลี้ยงมันดีแค่ไหน มันก็ไม่เชื่อง”

พูดจบก็หันกลับมาหาผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้น “เหี้ยตัวนี้ ถ้าเธออยากรับไปเลี้ยงต่อ ก็เอาไปเถอะ...ฉัน ยก ให้!!!”

ปืนได้ยินที่จีน่าพูดกับผู้หญิงอีกคน ก็ก้าวเข้ามาหาจีน่า พยายามจะมาอธิบาย มือหนายังไม่ทันถึงตัวของหญิงสาว เธอก็ชี้หน้าเขาอีกครั้ง “อย่าเอามือโสโครกมาแตะตัวฉัน จะอ้วก!!”

พูดจบจีน่าก็หันหลังเดินมาคว้ามือของเพื่อนสนิท “เราไปกันเถอะ” เดินออกไปจากตรงนั้นทันที พอเดินมาทางด้านโซนของพี่ชาย ก็หันไปเอ่ย “ที่นี่ฝากพี่เคลียร์ด้วยนะ ฉันขอโทษที่มาสร้างเรื่อง”

พี่ชายของจีน่าเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นไม่ได้เอ่ยถามอะไร รู้ว่าน้องสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังโกรธ ถ้ารั้งไว้คงไม่จบแน่จึงปล่อยให้เธอไปแต่โดยดี

ตั้งแต่ต้นจนจบ จีน่ายังไม่มีน้ำตาให้เห็นเลยแม้แต่หยดเดียว ทั้งคู่เดินมารอเรียกแท็กซี่อยู่ที่ริมถนน เนื่องจากดื่มกันมาทั้งคู่ จึงไม่อยากขับรถ

“แกโอเคหรือเปล่า ฉันขอโทษนะ” เกวลินกระชับมือเพื่อนเอ่ยขอโทษ ถ้าวันนี้เธอไม่เดินไปเปิดศึกก่อน อาจจะไม่เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้ก็ได้

จีน่าถอนหายใจออกมา ขณะที่สายตายังคงทอดมองไปที่ถนนไม่ได้หันมาหาเพื่อนสนิท “แกขอโทษทำไม ถ้าแกไม่เดินไป ฉันก็ต้องเดินไปอยู่ดี”

เกวลินมองท่าทีเสแสร้งพยายามเข้มแข็งของเพื่อนสนิทอยู่เงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก

เรียกรถแท็กซี่ได้ทั้งคู่ก็บอกพิกัดคนขับรถ ต่างคนต่างนั่งหันกันไปคนละทาง ทั้งคู่ต่างก็มีเรื่องที่ต้องคิดจึงให้เวลากันได้สงบอารมณ์ให้ใจเย็นลงก่อน

เกวลินนึกสงสารจีน่าที่ต้องมาเจอเรื่องอะไรพวกนี้ เธอทอดสายตามองเพื่อนสนิทนิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นไปจับแขนจีน่าเอ่ย “เหลือกันสองคนแล้วนะ ไม่ต้องเข้มแข็งก็ได้ ฉันก็อยากร้องไห้มากเหมือนกัน”

ดวงตาของหญิงสาวคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาขณะหันมามองเพื่อนสนิท ที่จริงเธอก็แสร้งทำเป็นเข้มแข็งไม่ไหวอีกแล้ว เธอยกมือกุมมือของเกวลินไว้กระชับแน่น “เกล...ฉันให้อภัยเขามาแล้วสามครั้ง” เธอก้มหน้าหลับตาสะอื้นไห้ “ฉันโง่มากใช่ไหม ที่พาตัวเองมาเจอเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ใจฉันเจ็บมากเลย ชีวิตฉันเจอแต่ผู้ชายเฮงซวย เปิดใจกี่ครั้งก็เจ็บทุกครั้ง ชีวิตฉันมันจะเจอรักที่ดีบ้างไม่ได้เลยเหรอ”

“คนที่ให้อภัยไม่ใช่คนโง่หรอกนะ คนโง่คือคนที่ไม่รักษาโอกาส จีน่า...แกจะโทษตัวเองไม่ได้”

เหมือนทั้งคู่จะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เพียงแค่โถมตัวกระชับกอดกันร้องไห้ ต่างคนต่างมีเรื่องที่ทำให้หัวใจเจ็บปวด คบกันมานานขนาดนี้จึงไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายความรู้สึกของตัวเองให้มากความ

จนถึงตอนนี้จีน่าก็ยังน้ำตาซึมอยู่ตลอด ปืนโทรศัพท์เข้ามาไม่ต่ำกว่ายี่สิบสาย และส่งข้อความมามากกว่าห้าสิบข้อความตั้งแต่เกิดเรื่อง เธอนั่งกอดเข่ามองจอโทรศัพท์ที่สว่างไม่หยุดอยู่แบบนั้น ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย

“ไอ้คนสารเลว ไปตายซะ!!!” เธอแผดเสียงด่าคนในสาย ก่อนจะกดปิดเครื่องโทรศัพท์แล้วขว้างทิ้งไปให้ไกลตัว

เกวลินเห็นจีน่ายกมือปิดหน้าสะอื้นไห้ ก็ปวดใจไม่น้อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดเจอกับตัวบ้างเธอจะใจเด็ดอย่างจีน่าได้ไหมนะ ถึงจะรู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย ก็ต้องเข้มแข็งกว่าเพื่อนสนิทของเธอสักหน่อย เพราะตอนนี้เพื่อนของเธอกำลังเสียใจ ถ้าอ่อนแอทั้งสองคน สถานการณ์คงจะแย่ลงไม่น้อยเลย

“ไม่ร้องแล้ว ดื่มไหมฉันดื่มเป็นเพื่อนแกเอง” เกวลินเดินมายื่นกระป๋องเบียร์ที่เพิ่งจะหยิบออกจากตู้เย็นให้จีน่า

จีน่าเงยหน้าที่เปื้อนน้ำตาขึ้นมามองเพื่อนสนิท ก่อนจะยกมือรับกระป๋องเบียร์มาเปิดกระดกทั้งน้ำตารวดเดียวจนหมด “ความรักเฮงซวย” เธอสบถออกมา พร้อมกับใช้มือเล็กบีบกระป๋องเบียร์จนผิดรูป

ทั้งคู่ดื่มจนเบียร์หมดตู้เย็น ไม่วายจะไปต่อเหล้าที่อยู่บนชั้นวางอีกหลายขวด จนขวดเหล้า และกระป๋องเบียร์ เกลื่อนเต็มห้องโถง ทั้งสองคนเมาจนไม่มีสติ เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็หัวเราะ ระบายความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมา ก่อนจะกอดกันหลับกองกับพื้นไปอย่างหมดสภาพ

(แอบมากระซิบบอกผู้ชายที่เปิดเรื่องไม่ใช่พระเอกนะคะ ปืนคือแฟนเก่าของนางเอกเท่านั้นจ้า พระเอกคลั่งรักสุด เรื่องนี้ไม่มาม่าแน่นอน อ่านต่อน๊า...เริ่มเหมือนจะดราม่า แต่ไม่มาม่านะคะ 555 หวานเจี๊ยบ....)

บทถัดไป