บทที่ 6 Chapter 6
Chapter 6
เธอขู่ไปอย่างนั้น โดยไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะหมั่นไส้ท่าทางโอหังของเขาด้วย
พยัคฆ์แม้ว่าจะนิ่งอึ้งกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่เขาก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางขึงขังของเธอมากกว่า แถมยังคิดว่า ท่าทางของเธอน่ารักไม่หยอก
“อ้าว นายเหมืองมีลูกมีเมียตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ”
ดารากานต์ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ในใจก็กลัวว่า เขาอาจจะรู้ว่า นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงไม่มีครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ตนบอกไปเขาก็ต้องคิดว่า ไม่เป็นความจริง
“ว่าแต่คุณจะขอโทษฉันกับลูกไหม ที่คุณขับรถเหมือนขโมยใบขับขี่มา” เธอเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าเขาจะจับไต๋ได้
“ฉันไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ ฉันขับรถของฉันมาดีๆ ความเร็วก็แค่หกสิบเอง เพราะฉันรู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่สัญจรไปมา ฉันระวังเรื่องการขับรถทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ลูกเธอจู่ๆก็วิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ อย่างนี้ใครจะผิด” พยัคฆ์พูดด้วยเหตุผล
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณทำลูกฉันตกใจ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่จนสุนัขเลียก้นไม่ถึง คุณต้องขอโทษลูกฉัน” เธอเสียงแข็ง
“ไม่ ฉันจะขอโทษเมื่อฉันคิดว่าตัวเองผิด” พยัคฆ์เสียงแข็งกลับ
“คุณนิสัยแย่ที่สุด” ดารากานต์ต่อว่าเขาอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือณดลเดินห่างชายแปลกหน้านิสัยไม่ดี เพราะเธอเกรงว่า หากโต้เถียงกับเขาแบบไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้ เธออาจจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ ในเมื่อเขาไม่ขอโทษ ดารากานต์ก็ไม่อยากจะได้รับคำขอโทษจากเขา คนแบบนี้เสวนาด้วยก็ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความหงุดหงิดใจ ดารากานต์จึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปในตัวเหมือง ไปรายงานตัวเป็นพนักงานคนใหม่ของที่นี่
ส่วนเจ้าของเหมืองตัวจริงเสียงจริง มองร่างสองแม่ลูกที่เดินเข้าไปในอาณาจักรของตนเพียงแวบหนึ่ง เขาก็เดินกลับไปนั่งประจำที่คนขับ ติดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนรถไปยังจุดหมายเดียวกับเธอ ในขณะที่ขับรถ สมองก็คิดไปตลอดทางว่า เธอมาที่นี่ทำไม
ดารากานต์เดินถึงเหมืองที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่สองถึงสามร้อยเมตร สถานที่ที่เธอมาจะเป็นในส่วนที่พักของคนงานและผู้เป็นเจ้าของ รวมทั้งเป็นสำนักงาน ส่วนเหมืองแร่ดีบุก จะห่างออกไปราวยี่สิบกิโลเมตร ในขณะที่เหมืองพลวงและทังสเตนหรือวุลแฟรมจะอยู่ห่างจากที่นี่ราวยี่สิบห้ากิโลเมตร เธอเดินจูงมือณดลมาถึงร้านค้าเล็กๆ ที่มีสินค้าอยู่หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
“พี่คะ ฉันมารายงานตัวค่ะ พอดีฉันเป็นพนักงานบัญชีคนใหม่ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปพบใครคะ” ดารากานต์ถามข้อมูลกับคนขายของในร้านค้า
“พี่โก๋จ้ะ นั่นไงพี่โก๋เดินมาทางนี้พอดี”
นูรีนสาวชาวใต้ตอบเป็นภาษากลาง ชี้นิ้วไปยังร่างสูงใหญ่ของชายผิวคล้ำที่กำลังเดินมาทางร้านพอดี
“สวัสดีค่ะพี่โก๋ ฉันชื่อดารากานต์หรือดาวค่ะ พนักงานบัญชีคนใหม่”
ดารากานต์เดินไปหาโก๋ เธอพนมมือไหว้ตามมารยาทพร้อมกับแนะนำตัว
“หน้าตาดาวไม่ต่างกับในรูปถ่ายที่นกส่งมาให้เลยนะ ออกจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำ”
การสมัครงานของดารากานต์ เธอไม่ได้สมัครงานโดยตรง แต่สมัครผ่านเพื่อนสนิทนามว่า อรดีที่เป็นเพื่อนสนิทของรุ่งอรุณน้องสาวของโก๋ อรดีจึงฝากฝังให้รุ่งอรุณหางานให้ดารากานต์ ประจวบเหมาะกับเหมืองเพลิงพยัคฆ์เปิดรับสมัครพนักงานบัญชีคนใหม่แทนคนเก่าที่ลาออกไปมีครอบครัว รุ่งอรุณจึงฝากฝังคุณแม่ลูกติดกับโก๋ ให้รับเข้าทำงาน เนื่องจากโก๋เป็นมือขวาและเป็นหัวหน้าคนงาน ดูแลเรื่องนี้โดยตรง
“ดาวต้องขอบคุณพี่โก๋มากนะคะที่รับดาวเข้าทำงาน”
เธอยกมือไหว้อย่างซึ้งในน้ำใจ เพราะหากโก๋ไม่รับเธอเข้าทำงาน ดารากานต์ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ใด คงต้องทนอยู่กับญาติใจจืดใจดำต่อไป
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง อยู่ที่นี่จะไม่มีใครรังแกดาวกับลูกนะ เราอยู่กันแบบพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน”
โก๋รู้เรื่องดารากานต์จากน้องสาวมาพอสังเขป เขารู้สึกสงสารพนักงานคนใหม่ขึ้นมาจับใจทันทีที่รู้เรื่อง ชีวิตเธอรันทดไม่ต่างกับละครน้ำเน่าหลังข่าว
“พี่เตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว พี่จะพาดาวไปที่ห้องพักนะ อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนซะ ตอนบ่ายพี่จะพาไปพบนายเหมือง จากนั้นพี่จะพาดาวเข้าออฟฟิซ”
“ค่ะ พี่โก๋”
“เราเดินไปคุยไปดีกว่านะ มา พี่ช่วยถือกระเป๋า”
ดารากานต์ส่งกระเป๋าให้โก๋ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปยังห้องพักคนงานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“เรื่องลูกไม่ต้องห่วงนะว่าจะไม่มีคนเลี้ยง ป้าไหวรับเลี้ยงลูกคนงานหลายคน จ่ายค่าเลี้ยงแค่เดือนละหนึ่งพันบาท ส่วนค่านม ค่าขนมและค่าอาหารระหว่างวันก็ไม่ต้องห่วง นายเหมืองออกให้ทั้งหมด”
โก๋บอกเรื่องที่ดารากานต์เป็นกังวล เธอกลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงลูกระหว่างที่ตนทำงาน เพราะหากนำลูกไปเลี้ยงดูในขณะทำงานอยู่ก็ไม่เหมาะ แต่พอได้ยินเช่นนี้ เธอก็โล่งใจไปมากโข
“นายเหมืองใจดีจังเลยค่ะ”
“ใช่ นายเหมืองใจดี แม้ว่าบางครั้งจะโหดไปนิด เถื่อนไปหน่อย ปากไวไปเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วนายเหมืองมีจิตใจเมตตามากๆ ส่งเสียให้ลูกคนงานที่ไม่มีเงินได้เรียนหนังสือ แถมยังซื้อรถตู้รับส่งลูกคนงานด้วย เพราะที่นี่อยู่ห่างจากโรงเรียนที่ใกล้ที่สุดยี่สิบห้ากิโล เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ต้องกังวล นายเหมืองทำประกันสังคมให้คนงานทุกคน และถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นายเหมืองก็ออกให้ เรื่องอาหารการกิน นายเหมืองเลี้ยงสองมื้อ มื้อเช้าและกลางวัน และอีกหลายเรื่องที่นายเหมืองคอยช่วยเหลือ ถ้าพวกเราไม่ได้นายเหมืองล่ะก็ แย่กันหมดแน่”
