บทที่ 11 11
สิริญ่าค่อย ๆ ขยับออกจากที่ซ่อนตรงมุมบันได แล้วก้าวยาว ๆ ทีละสองขั้นขึ้นชั้นบนก่อนที่พี่เขยของเธอจะออกมาเจอ
หัวใจที่หนักอึ้งไปด้วยความกรุ่นโกรธชายหนุ่ม ลดน้อยลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงเพราะคำพูดที่เขาแก้ตัวให้เธอเพียงไม่กี่คำ
และเริ่มคิดได้แล้วว่าจะใช้วิธีไหนยั่วให้พินแพร ให้แสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็นได้เร็วที่สุด ถึงแม้มันจะไม่เหมาะไม่ควรสักเท่าไหร่ แต่มันจะเป็นอะไรไปล่ะ ในเมื่อพี่สาวของเธอก็จากโลกใบนี้ไปแล้ว เธอซึ่งได้ชื่อว่าเป็นน้องเมียจะทำการยั่วพี่เขยก็คงไม่ผิดอะไรมากมายนักหรอก
เพื่อทำให้พินแพรออกไปจากบ้านหลังนี้ เพื่อหลานชายสุดที่รัก และเพื่อแก้แค้นให้พี่สาว ต่อให้มันผิดศีลธรรมผิดต่อความรู้สึกเธอก็จะทำเธอ ต้องทำให้ได้
เช้าวันใหม่
“แล้วคุณนิดล่ะ” รามถามถึงน้องเมียเมื่อเห็นสาวใช้เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟ
“พี่ส้มบอกว่าคุณนิดจะไม่ทานอาหารเช้าเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”
“เรียกส้มมาหาฉันที”
“ค่ะ” สาวใช้รีบเดินออกไปตามเพื่อนร่วมงาน
ไม่นานส้มก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร “คุณรามมีอะไรให้ส้มทำเหรอคะ”
“คุณนิดบอกเราเมื่อไหร่ว่าจะไม่กินอาหารเช้า”
“เมื่อเช้าตอนที่ส้มขึ้นไปเอาเสื้อผ้ามาซักค่ะ”
“แล้วได้ถามคุณนิดหรือเปล่าว่าทำไม”
“ถามค่ะ เพราะส้มนึกว่าคุณนิดไม่สบาย แต่คุณนิดบอกว่าสบายดี เธอแค่..” สายตาอึดอัดเผลอมองไปทางพินแพร “ไม่อยากทานเท่านั้นค่ะ”
“ไปทำงานต่อเถอะ” รามออกปากไล่สาวใช้ออกไปทำงานตามหน้าที่
“พี่รามไม่ทานเหรอคะ” พินแพรถามชายหนุ่มที่วางหนังสือพิมพ์ แล้วลุกจากที่นั่งทั้งที่ยังไม่ได้แตะอาหารในชามแม้แต่คำเดียว
“แพรกินไปก่อนนะ พี่จะขึ้นไปดูหนูนิดสักหน่อย บางทีเขาอาจจะไม่สบายแต่ไม่ยอมบอกใคร”
ทำไมเขาต้องคอยห่วงใยผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนทำไมเขาไม่แคร์กันบ้าง
“คุณนิดเธออาจจะลดน้ำหนักก็ได้ค่ะ อย่าไปจู้จี้กับเธอนักเลย บางทีความเป็นห่วงของพี่รามอาจจะทำให้เธอรำคาญก็ได้นะคะ”
“ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารแบบนี้มันไม่ถูกต้องหรอกนะแพร คนเราต้องกินข้าวให้ครบสามมื้อและห้าหมู่ ถ้าจะลดน้ำหนักก็ควรออกกำลังกาย และกินให้ถูกสุขลักษณะจะดีกว่านะ” เขาบอกกับเธอแล้วเดินจากไป
…………………..
เมื่อมาถึงประตูหน้าห้องนอนของเธอก็เคาะให้สัญญาณ แต่ไม่มีการตอบโต้มาจากด้านในจึงถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดออก ในห้องนอนของเธอมีแต่ความว่างเปล่า
“หนูนิด..” เขาพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย “หนูนิดพี่เข้าไปนะ..”
“จะเข้าไปในห้องนิดทำไมคะ”
เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำเอาเขาสะดุ้งไปเล็กน้อย เขาหันไปมองเธอแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาจนต้องเบือนหน้าหนี ก็ดูเธอแต่งตัวสิ เสื้อกล้ามรัดรูปกับกางเกงขาสั้นเต่อแบบนั้น มันขับเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของหุ่นระหงให้ดูเด่นสะดุดตาเหลือเกิน
“ทำไมไม่ลงไปกินข้าวล่ะ”
“ส้มไม่ได้บอกพี่รามเหรอคะ”
“บอก แต่พี่อยากรู้ว่าทำไม”
“แล้วพี่รามไม่ได้ถามส้มเหรอคะว่าทำไม”
“ถาม แต่พี่คิดว่าส้มตอบไม่เคลียร์”
“ส้มตอบว่าอย่างไรเหรอคะ”
“ส้มบอกว่าหนูนิดไม่อยากกินข้าวเช้า”
“ส้มตอบไม่เคลียร์จริง ๆ ด้วย สงสัยต้องเรียกมาดุหน่อยแล้ว ที่ทำให้พี่รามเดือดร้อนมาหานิดด้วยตัวเองแบบนี้”
“แล้วนิดเป็นอะไร ทำไมถึงไม่ลงไปกินข้าว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เขาพยายามไม่คิดว่ากำลังถูกเธอใช้คำพูดเหน็บแนม
“ไม่สบายตรงนี้ค่ะ” เธอตบที่หน้าอกเบาๆ “มันรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ที่ต้องกินข้าวร่วมกับคนแปลกหน้า ดังนั้นนิดเลยตัดสินใจไม่ไปร่วมโต๊ะด้วยจะดีกว่า เพราะกลัวจะอาเจียนรดแขก”
“แพรไม่ใช่คนแปลกหน้านะหนูนิด ถ้าหนูนิดจะอยู่ที่นี่ต่อไปหนูนิดควรจะรู้เอาไว้ เพราะเธอคงไปมาหาสู่กับพี่บ่อย ๆ”
“ไม่ใช่คนแปลกหน้า ก็แสดงว่าจะมาเป็นคนในครอบครัวนี้เหรอคะ ถ้าจะมาเป็นเมื่อไหร่ก็บอกนิดด้วยละกัน นิดจะได้เอาหลานไปอยู่ด้วยกันที่ออสเตรเลีย”
“ชักจะเลยเถิดแล้วนะหนูนิด พี่แก้วเล่าอะไรให้ฟังถึงได้คิดแบบนี้” แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรที่จะมาเอาลูกชายของเขาไป
“อย่าพูดถึงพี่แก้วด้วยความไม่พอใจแบบนี้นะคะพี่ราม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่แก้ว แต่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของนิดเอง นิดรู้สึกยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น” หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาเอาเรื่อง รู้สึกเสียใจที่เมื่อคืนเผลอรู้สึกดีกับเขาไป
“ถ้าอย่างนั้นหนูนิดก็คิดผิดแล้ว พี่กับแพรเป็นแค่เพื่อนแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝงแน่นอน”
“แล้วคุณแพรล่ะคะ เธอคิดแบบเดียวกับพี่รามหรือเปล่า”
“แน่นอนค่ะคุณนิด” เสียงของพินแพรดังขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคน “แพรกับพี่รามไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าเจ้านายลูกน้อง เป็นเพื่อนเป็นพี่ที่สนิทกันมากก็เท่านั้น แพรบริสุทธิ์ใจนะคะ”
สิริญ่ามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ แต่ก็มีรอยยิ้มเคลือบอยู่บนใบหน้า “คุณแพรขึ้นมาทำไมคะ พี่รามชวนขึ้นมาเหรอ”
พินแพรถึงกับวางสีหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป เธออึกอักกระดากอายเมื่อเห็นสายตาของรามก็ตั้งคำถามแบบเดียวกัน
“แพรขอโทษที่ถือวิสาสะขึ้นมา แต่แพรแค่จะมาเตือนพี่รามว่าวันนี้เรามีประชุมตอนเช้า เราควรจะออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ”
“พี่รามได้ยินแล้วค่ะ ตอนนี้คุณแพรก็ลงไปได้แล้ว นิดมีเรื่องต้องคุยกับพี่รามต่ออีกหน่อยค่ะ” ผู้หญิงคนนี้อาศัยข้ออ้างมาบังหน้าได้ทุกเรื่องเลยสินะ แต่อย่าหวังว่าเธอจะคล้อยตามง่ายๆ
