บทที่ 8 8
“แม่ว่าหนูนิดเขาไม่เหมาะสมกับตารามหรอก หนูแพรสิเหมาะสมกว่า อายุอานามก็ใกล้เคียงกัน น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า”
“สรุปว่าคุณแม่จะหาแม่ให้หลาน หรือจะหาเมียให้ลูกกันแน่ครับ ผมชักสับสนกับคุณแม่แล้วนะ”
“ตาราช” มารดาใช้น้ำเสียงปรามลูกชายแล้วค้อนใส่อย่างมีแง่งอน
“ก็ผมสงสัยนี่ครับ ตอนแรกบอกว่าไม่อยากให้หลานกำพร้าแม่ แต่คุยไปคุยมาแล้วทำไมลงเอยที่ความเหมาะสมกับพี่รามล่ะครับ”
“แม่ก็มองรวมๆ ทุกอย่างนั่นแหละราช หนูแพรเหมาะที่จะเป็นเมียที่ดีของราม และเป็นแม่ที่ดีของตากายด้วย”
“เอาอย่างนี้นะครับ เรื่องนี้คุณแม่อย่าเพิ่งพูดไปดีที่สุด รอดูอีกสักปีสองปีนะครับ ถ้าพี่รามไม่มีใครจริง ๆ เราค่อยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาปรึกษากันใหม่ ระหว่างนี้เราก็สแกนคุณแพรกับหนูนิดไปว่าใครเหมาะสมที่สุด ดีไหมครับ” ราชหว่านล้อมมารดาด้วยเหตุและผล
“ตั้งสองปีเชียวเหรอ มันนานไปไหมราช” ยุพาเริ่มเห็นด้วยกับลูกชายแต่ก็ไม่ทั้งหมด
“ไม่นานหรอกครับคุณแม่ เราใช้วิธีนี้เพื่อให้เวลากับพี่รามด้วยไงครับ บางทีพี่รามอาจจะมีใครเข้ามาในชีวิต ที่ไม่ใช่ทั้งคุณแพรของคุณแม่ และหนูนิดของผมก็ได้นะครับ”
“ก็จริงของลูกนะ เอาเป็นว่าแม่เชื่อลูกก็แล้วกัน”
ราชคลี่ยิ้มกว้างแล้วขยับไปนั่งใกล้ๆ มารดา หอมแก้มท่านเต็มฟอดหนึ่งที “ต้องอย่างนี้สิครับคุณแม่สุดที่รักของผม” เขาคงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้แล้ว งานนี้ขอเป็นกามเทพสื่อรัก เพื่อความมั่นคงของหลานชายตัวน้อยหน่อยก็แล้วกัน
“ลูกก็เป็นสุดที่รักของแม่เหมือนกันจ้ะ” ยุพาทาบฝ่ามือบนแก้มที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของลูกชายคนเล็ก “หัดโกนหนวดโกนเคราออกซะบ้างนะลูก ปล่อยเอาไว้แบบนี้สาวๆ ที่ไหนเขาจะมอง”
“สาวสมัยนี้เขาชอบผู้ชายที่มีรูปลักษณ์เถื่อนๆ ครับคุณแม่” ราชหัวเราะถูกใจเมื่อถูกมารดาค้อนใส่ เขาคลายอ้อมกอดจากมารดา “พูดถึงสาวๆ แล้วก็คิดถึง ผมไปหาพวกเธอสักหน่อยดีกว่า ผมไปก่อนนะครับ” เขาโบกมือลามารดาแล้วเดินแกว่งกุญแจรถออกไปจากบ้าน
ยุพาคลี่ยิ้มกว้างมองตามร่างลูกชายคนเล็กที่อายุห่างกับพี่ชายถึงสิบสามปี แต่รูปร่างและหน้าตานั้นแทบจะถอดแบบเดียวกันออกมา เพียงแต่คนน้องผิวคล้ำและไว้หนวดเคราจนดูเถื่อนกว่า ไม่ได้ดูสะอาดและสุภาพเหมือนคนโตเท่านั้นเอง
บ้านพิทักษ์ทรัพย์
“กระเป๋าใครเหรอส้ม” หญิงสาวที่กำลังอุ้มหลานชายตัวน้อยอยู่ในห้องโถง เอ่ยถามสาวใช้ที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาด้วยความสงสัย
“น้าปานบอกว่ากระเป๋าคุณแพรค่ะ”
คำตอบที่ได้รับทำให้เลือดลมแห่งความเดือดดาลของเธอสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง รีบส่งทารกที่กำลังจะเคลิ้มหลับให้กับพี่เลี้ยง
“เอาน้องกายขึ้นไปนอนทีนะฝน” เธอรอจนสายฝนเดินพ้นจากห้องไปแล้วจึงหันไปที่ส้มอีกครั้ง “พี่แก้วเพิ่งจะเผาไปยังไม่ทันถึงเดือนเลย ผู้หญิงคนนั้นก็จะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้วเหรอ”
“คุณนิดอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ” ศรีเดินเข้ามาพร้อมของว่างพอดี รีบแก้ตัวแทนเจ้านายและเลขาของเขา “คุณรามบอกให้ป้าจัดห้องให้คุณแพรอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้นค่ะ เพราะบ้านของเธอกำลังซ่อมแซมใหม่ทั้งหลัง มันไม่ใช่อย่างที่คุณนิดเข้าใจหรอกค่ะ”
“ฮึ! ซ่อมได้ประจวบเหมาะจริง ๆ นะคะป้าศรี นิดสงสัยจริง ๆ ว่าพังจริงหรือพังแค่ลมปาก”
ศรีถอนหายใจอย่างหนักอก เรื่องนี้มันเคยเป็นปัญหามาแล้วระหว่างคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของนาง และตอนนี้มันก็กลายมาเป็นปัญหาอีกครั้งกับหญิงสาวคนนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ นางเป็นคนนอก เคยเห็นเคยได้ยินมาบ่อยครั้ง นางก็ยังสงสัยในพฤติกรรมของพินแพรเลย นับประสาอะไรกับเธอเล่า
“เรื่องนี้ป้าไม่ทราบจริง ๆ ค่ะคุณนิด” แต่ขี้ข้าอย่างนางจะทำอะไรได้มากไปกว่าสงบปากสงบคำ
“ป้าไม่รู้ไม่เป็นไร นิดจะฉีกหน้ากากหล่อนเอง” แล้วเธอก็กวาดสายตาไปมองสาวใช้ที่ชื่อส้ม “นิดหวังว่าเรื่องนี้จะรู้แค่เราสามคนนะคะ”
“ป้า” ส้มรีบเดินไปจับแขนแม่บ้านใหญ่ “ทำไมคุณนิดโมโหร้ายจัง ไม่เห็นเหมือนคุณแก้วเลย” กระซิบถามเพราะกลัวหญิงสาวที่เดินหน้ามุ่ยจากไปได้ยิน
“อือ” ใครจะมองว่าเธอร้ายอย่างไรก็ช่าง แต่สำหรับนางแล้วต้องแบบนี่แหละถึงจะจัดการกับพินแพรได้ ผู้หญิงที่ดีเกินไปก็มีแต่เสียเปรียบเหมือนอย่างคุณแก้วนั่นแหละ ต้องแอบร้ายบ้างแบบคุณนิดนี่แหละถึงจะดี “รู้ว่าเธอโมโหร้ายก็อย่าปากโป้งเชียวเอ็ง ไม่งั้นข้านี่แหละจะไล่เอ็งออกจากบ้านหลังนี้”
“ใครจะกล้าล่ะป้า”
“ดีแล้ว เราเป็นแค่คนใช้อย่าไปแส่เรื่องของเจ้านายดีที่สุด แต่เราก็ต้องดูแลท่านให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม”
“จ้ะป้า”
คล้อยหลังจากคนรับใช้มาแล้ว สิริญ่าก็กลับขึ้นไปบนห้องและโทรศัพท์ถึงราชทันที เธอถึงกับออกอาการหงุดหงิดเมื่อเขาไม่ยอมรับสาย แต่ก็ฝากข้อความเอาไว้ว่าให้โทรกลับด่วน และเขาก็โทรกลับมาในเวลานั้นพอดี
“พี่ราชอยู่ที่ไหนคะ”
(พี่เพิ่งออกจากโรงหนังจ้ะ หนูนิดมีอะไรหรือเปล่า)
“พี่ราชอยู่กับแฟนเหรอคะ ขอโทษด้วยนะคะถ้านิดรบกวนเวลาส่วนตัว แต่นิดมีเรื่องจำเป็นจริง ๆ อยากให้พี่ราชช่วย” เธอรู้สึกผิดมาก แต่ความร้อนใจทำให้เธอตัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป
