บทที่ 12 พบกันที่โรงเรียนอนุบาล
ไม่รู้ว่ามีตู้มาวางไว้ตรงแถวลิฟต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันใหญ่พอที่จะบังคนได้มิดพอดี
ทันทีที่อรวินท์เดินออกจากลิฟต์ ก็เหลือบไปเห็นรถของเจตน์ เธอรีบพุ่งตัวไปหลบหลังตู้นั้นทันที แล้วค่อยๆ แอบมองพวกเขาอย่างระมัดระวัง
ภาพที่เจตน์และณัฐนนท์ยืนส่งจินตหราด้วยกัน ทำให้หัวใจของเธอไหววูบ
นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เธอเคยฝันถึงนับครั้งไม่ถ้วน!
หลังจากยิ้มขื่นๆ ที่มุมปาก จินตหราก็วิ่งเหยาะๆ เข้ามาหาพร้อมตะโกนเสียงดังว่า "คุณแม่ขา!"
อรวินท์รีบเงยหน้าขึ้น แววตาเป็นประกาย เธออุ้มลูกสาวขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรัก
เมื่อได้ยินเสียงใสๆ เรียก "คุณแม่" เจตน์ที่เดินออกไปแล้วก็ชะงักฝีเท้า เขาตั้งใจจะกลับมาขอโทษแม่ของจินตหราด้วยตัวเอง จึงรีบเดินกลับมา
แต่พอเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นเพียงประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงช้าๆ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย เหมือนจะเห็นเงาร่างสีฟ้าอ่อนๆ แวบหนึ่ง
ณัฐนนท์วิ่งตามมา พอเห็นประตูลิฟต์ปิดไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากระตุกขากางเกงเจตน์เบาๆ "คุณพ่อครับ ผมเหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้าน"
เจตน์ละสายตา ก้มลงอุ้มลูกชาย แล้วหันหลังเดินจากไป
อรวินท์หารู้ไม่ว่า เมื่อครู่นี้เธอเกือบจะถูกเจตน์จับได้เสียแล้ว
ทันทีที่ถึงบ้าน ปากเล็กๆ ของจินตหราก็เริ่มเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่หยุด
อรวินท์ไม่ได้ขัดจังหวะลูก ได้แต่มองด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม แม้คำพูดของจินตหราจะดูเหมือนไม่ชอบเจตน์ แต่อรวินท์ก็ฟังออกว่าลึกๆ แล้วแกก็แอบชอบเจตน์อยู่เหมือนกัน
ก็เด็กยังไงก็คือเด็ก...
……
จินตหราเป็นเด็กดีอยู่บ้านตลอดทั้งวัน จนวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านพ้นไป
เช้าวันจันทร์ หลังจากส่งจินตหราที่โรงเรียน อรวินท์ก็ตรงไปทำงานที่บริษัท
เธอโชว์ฝีมือการทำงานที่ยอดเยี่ยม เคลียร์งานในมือเสร็จภายในครึ่งเช้า นอกจากจะได้รับคำชมจากผู้จัดการแล้ว ยังได้รับอนุญาตให้เลิกงานเร็วอีกด้วย
วันนี้วันจันทร์ เย็นนี้ณัฐนนท์จะมาทานข้าวด้วย
อรวินท์ตรงดิ่งไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อกับข้าวและของเล่นมากมาย
แค่คิดถึงรอยยิ้มของณัฐนนท์ตอนเห็นของเล่น เธอก็มีความสุขแล้ว
พอขนของเล่นและกับข้าวขึ้นรถเตรียมจะกลับบ้าน มือถือก็ดังขึ้น
เป็นสายจากครูประจำชั้น พอรับสาย เสียงร้อนรนของคุณครูก็ดังลอดมา "สวัสดีค่ะ คุณแม่น้องจินใช่ไหมคะ? สะดวกคุยไหมคะ? คือน้องจินมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน รบกวนคุณแม่เข้ามาหน่อยนะคะ"
อรวินท์ขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนทันที "เดี๋ยวฉันจะรีบไปค่ะ"
วางสายเสร็จ เธอก็กลับรถมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอนุบาลทันที
สิบห้านาทีต่อมา อรวินท์ก็มาถึงโรงเรียน
พอเดินเข้าห้องพักครู ก็เห็นจินตหรายืนผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก แม้สภาพจะดูมอมแมม แต่ใบหน้าเล็กๆ นั้นฉายแววไม่ยอมแพ้
ณัฐนนท์ยืนอยู่ข้างๆ ผมเผ้าก็ยุ่งไม่แพ้กัน ใบหน้าขาวเนียนมอมแมมไปด้วยฝุ่น แถมยังมีรอยข่วนด้วย
อรวินท์ใจหายวาบ รีบเดินเข้าไปหา "เป็นอะไรไหมลูก? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?"
เด็กทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน เธอถึงโล่งใจ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงทะเลาะกับเพื่อนล่ะลูก?"
จินตหราย่นจมูก เชิดหน้าใส่อีกฝ่าย ชี้ไปที่เด็กชายสองคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม "ก็พวกเขานั่นแหละ! เขาจะแย่งของเล่นพี่ชาย พี่ชายไม่ให้ เขาก็เข้ามารุมแย่ง แล้วก็ตีพี่ชายด้วย! แถมยัง... แถมยัง..."
พอพูดถึงตรงนี้ ขอบตาเล็กๆ ก็แดงก่ำ ดูออกว่าโกรธมาก
เด็กชายสองคนที่ถูกชี้หน้า รีบก้มหน้างุด ขยับไปหลบหลังครู ท่าทางจะเข็ดขยาดฝีมือจินตหรา และรู้ตัวว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด
อรวินท์หันไปมอง เด็กชายสองคนนั้นมีรอยข่วนบนหน้าเยอะกว่า เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ย
จินตหราเงยหน้าป่องๆ ฟ้องต่อ "พวกเขายังว่าพี่ชายว่าเป็นเด็กไม่มีแม่! เพราะไม่เคยเห็นแม่มารับพี่ชายเลย ก็เลยล้อพี่ชายแบบนั้น!"
คำพูดนั้นทำให้อรวินท์ใจหล่นวูบ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ณัฐนนท์นึกว่าแม่โกรธ รีบเอาตัวมาบังจินตหราไว้ "ไม่เกี่ยวกับน้องครับ น้องแค่จะปกป้องผม ถึงได้ลงมือตีเขา"
อรวินท์สูดหายใจลึก เก็บซ่อนความรู้สึกแย่ๆ แล้วยิ้มออกมา "พี่น้องช่วยเหลือกันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วจ้ะ แม่ไม่โกรธหรอกนะ"
เธอรู้นิสัยจินตหราดี ถ้าเด็กพวกนั้นไม่ทำเกินไป จินตหราไม่มีทางลงไม้ลงมือแน่
ณัฐนนท์เบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
จินตหรายิ้มกว้างอย่างได้ใจ หันไปทำเสียงฮึดฮัดใส่เด็กชายสองคนนั้นไม่หยุด
ครูประจำชั้นเดินเข้ามา อรวินท์จึงเข้าไปสอบถามเรื่องราว ซึ่งก็ตรงกับที่จินตหราเล่า
เด็กคู่กรณีเจ็บตัวมากกว่าก็จริง แต่เพราะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แถมคนที่ไปหาเรื่องดันเป็นลูกชายของเจตน์ ต่อให้พ่อแม่เด็กพวกนั้นจะโมโหแค่ไหน พอได้ยินชื่อเจตน์ก็คงไม่กล้าเอาเรื่อง
ครูทำหน้าลำบากใจ "คุณแม่น้องจินคะ คือ... เด็กสองคนนั้นผิดก็จริง แต่น้องจินก็ลงมือหนักไปหน่อยนะคะ"
อรวินท์กระแอมเบาๆ แก้เก้อ "ขอโทษด้วยนะคะคุณครู ที่สร้างความเดือดร้อนให้ เดี๋ยวกลับไปฉันจะอบรมแกดีๆ ค่ะ"
ระหว่างคุยกับครู ผู้ปกครองของคู่กรณีก็มาถึง และเอาแต่ขอโทษณัฐนนท์ยกใหญ่
ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายคุยกับอรวินท์จนเข้าใจกันดี ความขัดแย้งก็จบลง
เด็กทะเลาะกันไม่มีความแค้นฝังใจ แป๊บเดียวก็ดีกันแล้ว
ถึงเวลาอาหารกลางวัน ครูเตรียมพาเด็กๆ กลับเข้าห้องเรียน
ก่อนกลับ อรวินท์ย่อตัวลงช่วยจัดผมที่ยุ่งเหยิงของลูกทั้งสอง "เป็นเด็กดีนะลูก แม่ซื้อของอร่อยไว้เพียบเลย รอพวกหนูเลิกเรียนกลับไปกินนะ ตกลงไหม?"
เด็กทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน "ตกลงครับ/ค่ะ!"
อรวินท์บีบแก้มยุ้ยๆ ของลูกอย่างหมั่นเขี้ยว ยิ้มด้วยความเอ็นดู "เจ้าแมวน้อยจอมตะกละทั้งสอง รีบไปทานข้าวกับคุณครูเถอะ"
เด็กน้อยทั้งสองจูงมือกันวิ่งหัวเราะร่าออกไป เธอรอจนลูกลับสายตาไปแล้วจึงเดินออกมา
อรวินท์เพิ่งเดินพ้นประตูโรงเรียน รถไมบัคสีดำคันหรูเลี้ยวมาจอดขวางหน้าทำเอาเธอสะดุ้งโหยง
ขณะที่กำลังงุนงง กระจกฝั่งคนขับค่อยๆ เลื่อนลง เผยให้เห็นสายตาอันเย็นชาของเจตน์ที่จ้องมองมาพอดี
อรวินท์หดคอหนี แล้วหันหลังวิ่งทันที
เจตน์เปิดประตูรถก้าวลงมา ขายาวๆ ของเขาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามทัน คว้าแขนเสื้ออรวินท์ไว้ได้
อรวินท์จำต้องหยุดวิ่ง พยายามดึงแขนกลับ "เจตน์ ปล่อยฉันนะ!"
เจตน์แค่นหัวเราะ เหยียดยิ้มมุมปาก "วิ่ง? เก่งนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่วิ่งต่อล่ะ?"
ดึงแขนกลับไม่ได้ อรวินท์เลยเลิกดิ้น เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มยั่วยวน "คุณเจตน์คะ คุณจับฉันไว้แบบนี้ แล้วฉันจะวิ่งได้ยังไง?"
เจตน์ยิ้มเย็น ยืนดูการแสดงของเธอเงียบๆ
อรวินท์แกล้งทำไขสือ เบิกตาโตทำหน้าสงสัย "บังเอิญจังเลยนะคะคุณเจตน์ มาทำอะไรแถวนี้คะ?"
เจตน์เลิกคิ้ว บีบมือแน่นขึ้น "คำถามนั้นฉันควรเป็นคนถามเธอมากกว่ามั้ง"
อรวินท์หน้าเปลี่ยนสี แสร้งมองซ้ายมองขวา "ฉันก็แค่เดินเล่นเรื่อยเปื่อย แปลกจัง เดินไปเดินมามาโผล่ตรงนี้ได้ไงเนี่ย?"
เจตน์แค่นเสียง "เห็นฉันเป็นคนโง่เหรอ?"
อรวินท์ถอนหายใจ "เปล่านะคะ ไม่เชื่อก็แล้วไป"
สมองเธอแล่นเร็วรี่ หาทางหนีทีไล่
เจตน์หรี่ตาลง สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วใบหน้าเธอ
อรวินท์ยังคงยิ้ม นิ่งสงบผิดปกติ
รดาเดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ พูดเสียงต่ำว่า "อรวินท์ เธอคงไม่เดินมาถึงนี่โดยไม่มีเหตุผลหรอก เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าณัฐเรียนอนุบาลที่นี่?"
อรวินท์กระพริบตาปริบๆ แสร้งทำหน้าซื่อ "ณัฐ? ณัฐไหนคะ?"
รดาหน้าเปลี่ยนสี สามปีที่ไม่เจอกัน ฝีมือการตอแหลของอรวินท์พัฒนาขึ้นเยอะ! แถมยังนิ่งได้ขนาดนี้!
เธอหันไปมองเจตน์ "พี่เจตน์คะ นังนี่มัน..."
เจตน์โบกมือขัดจังหวะ บีบแขนอรวินท์แรงขึ้น "บอกมา! เธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่?"
เขาเกือบจะมั่นใจแล้วว่าอรวินท์รู้เรื่องที่ณัฐเรียนที่นี่ แต่แค่อยากได้ยินจากปากเธอ
แววตาของอรวินท์เปลี่ยนเป็นลึกล้ำ เธอขยับตัวเข้าไปประชิดเจตน์จนแทบจะชิดกัน
บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เธอลดเสียงลงต่ำ "คุณเจตน์คะ คู่หมั้นคุณก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ อย่าลืมสิคะว่าฉันเป็นเมียเก่าคุณ มาจับมือถือแขนกันแบบนี้มันดูไม่ดีนะคะ"
แม้เสียงจะเบา แต่ก็ดังพอให้รดาที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยิน
รดาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ กำมือแน่นจนแทบจะหักนิ้วตัวเอง
เจตน์ยังคงนิ่งเฉย อรวินท์เริ่มร้อนรน จึงขยับเข้าไปอีกก้าว เอาหน้าผากแตะที่ปลายคางเขาอย่างยั่วยวน
รดาทนไม่ไหว กรี๊ดออกมา "พี่เจตน์!"
เจตน์ได้สติ รีบสะบัดอรวินท์ออกแล้วถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ
พอเป็นอิสระ อรวินท์ก็หันหลังวิ่งหนีหายไปไวปานกระต่าย ทิ้งให้พวกเขาได้แต่มองตาม
