บทที่ 3 คุกเข่าขอโทษ
รดาเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอเบ้า "พี่เจตน์คะ หน้าดาเจ็บไปหมดแล้วค่ะ เราไปหาหมอกันเถอะ ไม่รู้ว่าจะเสียโฉมหรือเปล่า"
สีหน้าที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่ของเจตน์กลับเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มือที่โอบไหล่เธอไว้กระชับแน่นขึ้น "เดี๋ยวพี่ทวงความยุติธรรมให้หนูเสร็จแล้วจะพาไปหาหมอนะ"
เจตน์หันขวับไปพูดกับอรวินท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ตามฉันมา"
ในโรงพยาบาลผู้คนพลุกพล่าน เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจ
อรวินท์ก้มหน้าลง มือขยำชายเสื้อด้วยความกังวลขณะเดินตามหลังเขาไป
ภายในห้องทำงานที่ว่างเปล่า เจตน์นั่งโอบเอวรดาอยู่บนโซฟา ส่วนอรวินท์ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา มองภาพความรักใคร่กลมเกลียวนั้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ
ทันใดนั้น เจตน์ก็เงยหน้าขึ้นสั่งบอดี้การ์ดสองคนที่ตามเข้ามาว่า "หล่อนตบรดา จับตัวไว้ แล้วตบสั่งสอนสักห้าสิบที"
อรวินท์เงยหน้าขวับ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวดและตกตะลึง
ผู้ชายตรงหน้าที่เธอรักหมดหัวใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและรังเกียจ สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงที่สุดคือเขาถึงกับสั่งให้ตบหน้าเธอห้าสิบทีเพื่อผู้หญิงคนอื่น!
นัยน์ตาของเธอเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตามองไปที่เจตน์ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มยังคงเหมือนเดิม แต่สำหรับเธอมันกลับดูแปลกหน้าและห่างเหินเหลือเกิน
เธอเม้มริมฝีปากยิ้มเยาะทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดกัดกินหัวใจ อรวินท์ร้องไห้ออกมา "เจตน์ ตบที่อื่นได้ไหม อย่าตบหน้าอรเลยนะ?"
ดวงตาแดงก่ำของเธอเต็มไปด้วยคำวิงวอน ห้าสิบฝ่ามือนี้ ถ้าโดนเข้าไปหน้าเธอคงพังยับเยินแน่!
เจตน์... ได้โปรดอย่าใจร้ายขนาดนี้เลย!
เจตน์เงียบกริบ เม้มปากแน่น มือกรูกำเข้าหากัน
ราวกับจับสังเกตอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเจตน์ได้ รดากระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า "พี่เจตน์คะ ช่างมันเถอะค่ะ อรคงไม่ได้ตั้งใจ"
เธอเว้นจังหวะนิดหนึ่ง ปรายตามองอรวินท์แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ "หน้าดาเจ็บจังเลยค่ะ พาไปหาหมอเถอะนะ"
ไม่พูดก็ยังดีกว่า พอพูดจบเจตน์ก็ตวาดสั่งบอดี้การ์ดทันที "ยังไม่รีบลงมืออีก!"
บอดี้การ์ดพยักหน้า แล้วพุ่งเข้ามาล็อคตัวอรวินท์ไว้อย่างรวดเร็ว
อรวินท์ไม่มีแรงขัดขืน ทรุดลงนั่งกับพื้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือก็ฟาดลงบนใบหน้าเธอฉาดแล้วฉาดเล่า
เพียงชั่วพริบตา ใบหน้าซีกหนึ่งของเธอก็ร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวด
เสียงตบหน้าดังต่อเนื่องก้องไปทั่วห้องทำงานอันว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อรวินท์รับรู้ได้ถึงรสคาวหวาน เลือดไหลซึมที่มุมปาก สมองมึนงงไปหมด
ในตอนที่ใบหน้าและมุมปากของเธอชาจนไร้ความรู้สึก บอดี้การ์ดก็หยุดมือ
"คุณเจตน์ครับ เรียบร้อยแล้วครับ ห้าสิบทีพอดี" บอดี้การ์ดรายงานเจตน์ด้วยความเคารพ
ใบหน้าของรดาฉายแววสะใจวูบหนึ่ง ดูเหมือนจะยังไม่สาสมใจ เธอดึงชายเสื้อเจตน์ "พี่เจตน์คะ อรคงสำนึกผิดแล้วล่ะค่ะ"
เจตน์เลิกคิ้ว สายตาเย็นชาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของอรวินท์ "คุกเข่าขอโทษ แล้ววันนี้ฉันจะละเว้นเธอ"
อรวินท์รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ร่างกายร่วงลงกองกับพื้นราวกับกระดาษ น้ำตาไหลรินจากหางตา
ม่านน้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว เธอเห็นลางๆ ว่าเจตน์ก้าวขายาวๆ เข้ามานั่งยองๆ ข้างเธอ มองลงมาด้วยสายตาของผู้เหนือกว่า
เธอรีบยกมือปิดหน้าโดยสัญชาตญาณ ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพอันน่าสมเพชของตัวเอง
สัมผัสได้ถึงสายตาอันคมกริบของเจตน์ วินาทีนี้หัวใจเธอเจ็บปวดเหลือเกิน อยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้
วินาทีต่อมา ปลายคางของเธอก็ถูกบีบแน่น เสียงเย็นชาของเจตน์ดังขึ้นข้างหู "อรวินท์ ฉันสั่งให้เธอคุกเข่าขอโทษ!"
อรวินท์กัดริมฝีปาก พยายามปกปิดความอ่อนแอ แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมา
ผู้ชายตรงหน้า คือคนที่เธอรักมานานนับสิบปี เขาทำกับเธอรุนแรงขนาดนี้ได้ยังไง!
เมื่อเห็นหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะของเธอ เจตน์ดูเหมือนจะชะงักไปชั่วครู่ราวกับถูกของร้อนลวก ก่อนจะรีบปล่อยมือจากคางเธอ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด "พวกแกสองคนยืนบื้ออะไรอยู่?"
บอดี้การ์ดชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบเข้ามา คนหนึ่งดึงแขนอรวินท์ อีกคนช่วยจัดท่าทางให้เธอ
อรวินท์ต้องคุกเข่าลงกับพื้นราวกับนักโทษ ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เธอก้มหน้า ฝืนขยับมุมปากที่บวมแดง พูดซ้ำๆ ราวกับหุ่นยนต์ว่า "ขอโทษ..."
คำขอโทษหลุดออกมาอย่างง่ายดาย เจตน์อึ้งไปเล็กน้อย เผลอกำมือแน่น หัวใจกระตุกวูบ
เขาตั้งสติ แล้วกลับมาเย็นชาอีกครั้ง "เดี๋ยวฉันจะพาลูกไป ส่วนบ้านที่เธออยู่ตอนนี้ ฉันจะยึดคืน! ให้เวลาเธอเก็บของหนึ่งวัน"
แผ่นหลังของชายหนุ่มดูเย็นชาเหลือเกิน ทิ้งคำพูดไว้แล้วเดินไปหารดา
ในมุมที่เจตน์มองไม่เห็น รดาเผยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจออกมา ก่อนจะซบไหล่เจตน์ทำตัวเป็นนกน้อยในกรงทอง
อรวินท์ทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงไปอีกครั้ง
มองดูเจตน์เดินไปหารดา มองดูพวกเขาสบตากันอย่างหวานซึ้ง เธออดไม่ได้ที่จะถามออกไป "เจตน์... หลายปีมานี้ คุณไม่เคยชอบฉันบ้างเลยเหรอ?"
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ได้รับกลับมาเพียงคำตอบที่ไร้ความอบอุ่น "ไม่ ฉันมีแต่ความรังเกียจให้เธอ!"
วินาทีนั้น ร่างกายของอรวินท์แข็งทื่อ น้ำตาไหลผ่านแก้มที่ฟกช้ำ ลงมาสู่มุมปากที่บวมเป่ง แสบไปหมด
แต่สำหรับอรวินท์ในตอนนี้ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางใจ
หัวใจของเธอเหมือนถูกมีดกรีดแทง เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
เธอค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลริน ร้องไห้อยู่ดีๆ เธอก็หัวเราะออกมา "ฮ่าๆ... ฮ่าๆๆ..."
เธอชอบเจตน์มาตั้งแต่เด็ก การได้แต่งงานกับเขาคือความฝันของเธอ
แม้สุดท้ายเธอจะต้องตกเป็นเหยื่อของแผนการเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา แต่ขอแค่ได้อยู่ข้างกายเขา เธอก็เต็มใจที่จะเป็นภรรยาที่ดี ทำอาหารรอเขา จัดการทุกอย่างให้เขา
ชีวิตหลังแต่งงาน เธอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ท่าทางที่คอยเอาอกเอาใจเจตน์นั้น คนอื่นเห็นแล้วยังสงสาร แต่เธอไม่ถือสาเลยสักนิด
ขอแค่เขาปรายตามองมาบ้าง กลับบ้านตรงเวลา เธอก็มีความสุขแล้ว!
เธอเชื่อเสมอว่า ความทุ่มเทของเธอ สักวันเจตน์จะมองเห็น
เธอคิดว่าการมีลูกจะช่วยดึงรั้งหัวใจของเจตน์ไว้ได้ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้ว ความดีที่เธอทำให้เจตน์ จะแลกมาได้เพียงความรังเกียจ!
ที่แท้หลายปีมานี้ ในสายตาของเจตน์ ทุกสิ่งที่เธอทำเป็นเพียงการคิดไปเองฝ่ายเดียว!
เสียงหัวเราะที่ดูคลุ้มคลั่งของอรวินท์ดึงดูดความสนใจของเจตน์
เขาค่อยๆ หันกลับมา มองใบหน้าที่บวมแดงและเปื้อนน้ำตาของอรวินท์ หัวใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างประหลาด แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
วินาทีต่อมา เขาก็สั่งบอดี้การ์ดด้วยเสียงเย็นชา "ไปอุ้มเด็กมา"
บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไป
สองนาทีต่อมา เสียงร้องไห้ "อุแว้ๆ" ของเด็กก็ดังขึ้น อรวินท์ได้สติทันที ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอพุ่งตัวออกไปราวกับคนบ้า "เอาลูกฉันคืนมา!"
ร่างกายที่ผอมบางของเธอหรือจะสู้แรงบอดี้การ์ดได้ อีกฝ่ายแค่ปัดมือเบาๆ ก็ผลักเธอล้มลงแล้ว
เสียงดังตุ้บ ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ เจ็บจนเห็นดาว หน้าผากบวมปูดขึ้นมาทันตา
อาจเพราะสายใยแม่ลูก เสียงร้องของเด็กยิ่งดังขึ้น ทุกเสียงร้องเหมือนกระชากหัวใจของอรวินท์ให้ขาดวิ่น!
เธอนอนหมดแรงอยู่กับพื้น ร้องขอความเมตตา "ลูกแม่! เอาลูกคืนมาให้ฉัน!"
น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลรินลงมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของลูก
เจตน์พารดาเดินออกไป บอดี้การ์ดที่อุ้มเด็กอยู่ก็รีบตามไป เสียงร้องไห้ของเด็กค่อยๆ เบาลง
อรวินท์ไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืน ได้แต่ร้องไห้ตะเกียกตะกายคลานตามไป "ขอร้องล่ะ อย่าเอาลูกฉันไป! เอาลูกคืนมา!"
กว่าเธอจะคลานออกมาถึงหน้าห้อง ทางเดินก็ว่างเปล่าไร้เงาของพวกเขา เสียงร้องของลูกก็หายไปแล้ว
อรวินท์ทรงตัวไม่อยู่ ฟุบลงกับพื้นร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหมดหนทาง
รมย์ชลีที่มาช้า รีบเข้ามาประคองอรวินท์ "คุณผู้หญิงคะ เป็นอะไรไหมคะ?"
เมื่อกี้เธอถูกบอดี้การ์ดของเจตน์กันตัวไว้ เลยเข้ามาช่วยไม่ทัน
อรวินท์ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง โผเข้ากอดรมย์ชลี "พี่รมย์คะ เจตน์เอาลูกไปแล้ว!"
รมย์ชลีตบไหล่เธอเบาๆ คำปลอบโยนจุกอยู่ที่คอ ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร
จนกระทั่งน้ำตาเหือดแห้ง อรวินท์ถึงหยุดร้อง "จริงสิพี่รมย์ เราต้องรีบกลับ ลูกอีกคนยังอยู่ที่บ้าน ถ้าเจตน์รู้เข้า ฉันจะไม่เหลืออะไรเลย!"
รมย์ชลีรีบพยักหน้า "ค่ะๆ เราต้องรีบกลับกัน"
อรวินท์ผลักมือที่รมย์ชลีจะเข้ามาช่วยพยุงออก แล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
การลุกขึ้นยืนใช้พลังงานทั้งหมดที่เธอมี แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยืนตัวตรง แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบตัวเธอ ก่อให้เกิดความรู้สึกเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
อรวินท์จ้องมองไปยังทางเดินที่เจตน์และรดาจากไป ดวงตาที่บวมแดงกลับมืดมนไร้ประกาย
ครู่ต่อมา เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เจตน์ นับจากวันนี้ไป ฉันจะไม่รักคุณอีกแล้ว!"
