บทที่ 6 นี่ก็เจอกันได้
จี้ห้อยคออันนี้ เขาก็มีเหมือนกันเปี๊ยบเลย เก็บไว้ในลิ้นชักหัวเตียงที่ห้อง
เขาเคยวิ่งไปถามคุณทวดเรื่องที่มาของจี้อันนี้ คุณทวดบอกว่าคนสำคัญมากๆ ของเขาเป็นคนให้มา
นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็เห็นจี้นี้เป็นของล้ำค่า เก็บไว้ในที่ที่ใกล้ตัวที่สุด
ณัฐนนท์จ้องมองจี้ห้อยคอ ยื่นมือน้อยๆ ออกไปลูบเบาๆ สัมผัสเย็นเฉียบของจี้นั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
จินตหรายิ้มจนตาหยี ปากเล็กๆ ขยับเจื้อยแจ้วไม่หยุด "พี่ชาย พี่ไม่รู้เหรอว่าจี้สองอันนี้มันคู่กันนะ เป็นของของคุณแม่ แม่บอกว่าตอนเราเกิดมา เราชอบตัวติดกันตลอด แม่ก็เลยให้จี้นี้กับเราคนละอันไงล่ะ"
ณัฐนนท์ตั้งใจฟังมาก จนกระทั่งจินตหราพูดจบ เขาถึงเม้มปากแล้วถามว่า "คุณแม่เหรอ? งั้น... แม่ของเธอก็คือแม่ของฉันใช่ไหม?"
จินตหราพยักหน้าหงึกหงัก "แน่นอนสิ เราเป็นฝาแฝดชายหญิงกันนะ เพียงแต่ตอนนั้นพ่อกับแม่หย่ากันเร็วมาก พี่ถูกพ่อพาไป ส่วนหนูก็อยู่กับแม่"
จู่ๆ เธอก็ทำหน้าขรึมลง ขยับเข้าไปกระซิบข้างหูณัฐนนท์ว่า "พี่รู้ไหม? ถ้าตอนนั้นหนูป่วยแล้วถูกแม่พาไปโรงพยาบาล หนูก็คงต้องแยกกับแม่เหมือนกัน!"
ณัฐนนท์ฟังแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จู่ๆ ก็นึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายพ่อ ใบหน้าเล็กๆ ย่นยับเหมือนซาลาเปา
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนคนโรคจิตเลย ตอนพ่ออยู่ก็ทำดีกับเขาแทบตาย พอพ่อไม่อยู่ปุ๊บ ยัยนั่นก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดุเขา บังคับให้เชื่อฟัง แถมยังบอกว่าเป็นแม่ของเขาอีก
ณัฐนนท์ไม่เชื่อ วิ่งไปถามคุณทวด คุณทวดก็บอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของเขา
ณัฐนนท์เอามือน้อยๆ เท้าคาง กระพริบตาปริบๆ ที่สุกสกาวราวกับดวงดาว "น้องสาว คุณแม่หน้าตาเป็นยังไงเหรอ? สวยไหม?"
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ เขาก็นึกถึงคุณน้าที่เจอที่บ้านเก่าเมื่อคืนนี้ขึ้นมา
จินตหรายิ้มจนตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว "พี่ชาย จะบอกให้นะ คุณแม่สวยมาก ตาแม่สวยสุดๆ แถมยังใจดีด้วย ไม่ว่าหนูจะก่อเรื่องอะไร แม่ไม่เคยตีหนูเลยสักครั้ง"
ณัฐนนท์ยิ้มตามเธอ มือน้อยๆ เกาหัวแก้เขิน "จริงเหรอ? คุณแม่ดีจังเลย"
เขานึกถึงตอนที่ซนจนทำเครื่องสำอางของผู้หญิงคนนั้นพังโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วโดนดุอย่างหนัก เขาเม้มริมฝีปากแน่น
จินตหราเอียงคอมองเขา แววตาเป็นประกาย "พี่ชาย พี่อยากเจอคุณแม่ใช่ไหม?"
คำพูดนี้จี้ใจดำเขาพอดี ณัฐนนท์รีบพยักหน้า "น้องสาว พี่ให้เงินเธอ เธอพาพี่ไปหาแม่ได้ไหม?"
ในความคิดของเขา เงินสามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง
จินตหราชะงักไปนิด รีบส่ายหน้า "ไม่ได้หรอก แม่บอกว่าห้ามขอเงินคนอื่นซี้ซั้วนะพี่ ถึงพี่ไม่ให้เงิน ถ้าพี่อยากเจอแม่ หนูก็พาไปได้อยู่แล้ว"
ณัฐนนท์รู้สึกซึ้งใจเล็กน้อย ยัดกระเป๋าตังค์ใส่มือจินตหราอย่างดื้อดึง "น้องสาว พี่ไม่ใช่คนอื่นนะ พี่เป็นพี่ชายเธอนะ รับไว้เถอะ เอาไว้ซื้อขนมอร่อยๆ กินนะ"
จินตหราลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บกระเป๋าตังค์ใส่กระเป๋าตัวเองอย่างว่าง่าย "ขอบคุณนะพี่ เลิกเรียนแล้วตามหนูมานะ เดี๋ยวหนูพาไปหาแม่!"
เงินพี่ชายให้ ใช้สักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง
......
หลังจากออกมาจากโรงเรียนอนุบาล อรวินท์ก็ไปทำงาน
เธอหางานทำที่สตูดิโอออกแบบใกล้ๆ โรงเรียนอนุบาล เริ่มจากเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ ซึ่งก็คือทำงานจิปาถะทั่วไป
เธอหน้าตาสวย แถมทำงานคล่องแคล่ว ไม่นานก็ปรับตัวเข้ากับงานได้
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงเวลาพักเที่ยง เพื่อต้อนรับพนักงานใหม่ เพื่อนร่วมงานเลยจะเลี้ยงข้าวเธอ
แถวสตูดิโอมีศูนย์อาหาร แล้วก็มีร้านอาหารรายล้อมอยู่มากมาย
เธอเดินคุยหัวเราะกับเพื่อนร่วมงานออกมาจากบริษัท เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เพื่อนร่วมงานก็หยุดชะงัก สีหน้าตกใจ "อุ๊ย นั่นรดาคนดังไม่ใช่เหรอ?"
"ได้ยินว่าตอนนี้เธอเป็นดีไซเนอร์รับเชิญพิเศษของบริษัทออกแบบชื่อดังนั่นนี่นา! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"
"ผู้ชายข้างๆ นั่นคือคุณเจตน์ใช่ไหม? วาสนาของรดานี่ดีจริงๆ เลยนะ งานก็รุ่ง รักก็เลิศ"
เพื่อนร่วมงานสองคนวิจารณ์กันอย่างออกรส โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าของอรวินท์เลย
อรวินท์ยิ้มเยาะ ถ้าเพื่อนร่วมงานสองคนนี้รู้ว่างานที่รุ่งกับรักที่เลิศของรดาได้มาจากการขโมย ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงกันนะ?
อรวินท์มองตามสายตาพวกเธอไป รดาลงมาจากรถหรูสีดำ สวมชุดเดรสยาวคลุมเข่า ดูมีสง่าราศีมาก
ตามมาด้วยเจตน์ในชุดสูทลำลองสีดำที่ลงมาจากรถ ทั้งสองยืนเคียงคู่กัน ดูเหมาะสมกันดี
อรวินท์อยากจะเลี่ยงไปทางอื่น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เสียงกรี๊ดกร๊าดของเพื่อนร่วมงานเรียกความสนใจจากเจตน์และรดา อรวินท์เงยหน้าขึ้น สบตาเข้ากับพวกเขาพอดี
ทันทีที่เห็นอรวินท์ หน้าของเจตน์ก็บูดบึ้งทันควัน เย็นชาถึงขีดสุด
รดาควงแขนเจตน์โดยอัตโนมัติ เชิดหน้ายิ้มเยาะใส่เธอ คนโง่ยังดูออกเลยว่าหล่อนกำลังอวด
อรวินท์แค่นหัวเราะ ขี้เกียจจะสนใจ หันหลังเตรียมจะเดินหนี
แต่รดากลับลากเจตน์เดินเข้ามาหา เรียกชื่อเธอไว้ "อร ไม่เจอกันนานเลยนะ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
เพื่อนร่วมงานสองคนมองอรวินท์ด้วยความตะลึง งึมงำเสียงเบา "คุณพระ พวกเขารู้จักกันด้วยเหรอ?"
อรวินท์รู้สึกลำบากใจ จะเดินหนีไปเลยก็ดูไม่ดี เลยได้แต่แสร้งยิ้มตามมารยาท "เพิ่งกลับมาน่ะ"
แดดร้อนเปรี้ยง แต่สายตาของเจตน์ที่อยู่ตรงหน้ากลับเย็นยะเยือก จ้องเขม็งมาที่เธอ
อรวินท์ไม่ยี่หระ แม้แต่หางตาก็ไม่แลเขา
รดากระชับวงแขนที่ควงเจตน์แน่นขึ้น มองเพื่อนร่วมงานของอรวินท์ผ่านๆ แล้วพูดตามมารยาทว่า "พวกคุณกำลังจะไปทานมื้อเที่ยงเหรอคะ? ฉันกับพี่เจตน์ก็กำลังจะไปทานข้าวพอดี งั้นไปด้วยกันไหมคะ? ที่ร้านอาหารมังกรทองใกล้ๆ นี่เอง"
"ร้านอาหารมังกรทอง?"
ตาของเพื่อนร่วมงานลุกวาว ร้านอาหารมังกรทองเป็นร้านระดับท็อปของกรุงเทพฯ เชียวนะ! มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเธอ ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ไปกินแน่ๆ
สีหน้าอรวินท์เปลี่ยนไปเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับทันที "เอาสิ"
มีเจ้ามือเลี้ยงข้าวฟรี ไม่กินก็โง่สิ!
รดาชะงัก รอยยิ้มจอมปลอมบนหน้าหายวับไป
อรวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก เธรู้อยู่แล้วว่ารดาแค่ชวนตามมารยาทเพื่อจะอวด อวดว่าตัวเองไปกินร้านหรูๆ ได้
ครั้งนี้ เธอจะเล่นตามน้ำ เอาให้รดาจุกอกตายไปเลย เธอชอบนักเวลาเห็นรดาเกลียดเธอจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย
อรวินท์เว้นจังหวะ หันไปมองเจตน์ที่จ้องเธอตาขวาง แล้วถามยิ้มๆ ว่า "ได้ใช่ไหมคะ? คุณเจตน์ใจกว้างอยู่แล้ว คงไม่ถือสาหรอกเนอะ?"
เจตน์ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา "ไม่ถือ"
การที่เขาตอบตกลงเร็วขนาดนี้ ทำเอาอรวินท์อึ้งไปนิด
ด้วยความเกลียดที่เจตน์มีต่อเธอ ปกติเขาต้องไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นหูพ้นตาไม่ใช่เหรอ?
ทำไมถึงตกลงง่ายๆ แบบนี้ล่ะ?
เธอจงใจถาม เพื่อให้เจตน์ปฏิเสธ
ถ้าเจตน์ปฏิเสธ นอกจากจะเข้าทางเธอแล้ว ยังเป็นการหักหน้ารดาด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ
อรวินท์คำนวณมาดิบดี แต่ดันพลาดตรงที่เจตน์ตอบตกลงนี่แหละ
หรือว่าเดี๋ยวเขาจะแก้แค้นเรื่องที่เธอขู่เขาเมื่อคืน หรือเขามีแผนชั่วอะไรอีก?
อรวินท์คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจว่าเจตน์มาไม้ไหนกันแน่!
เธอสูดหายใจลึก จำใจต้องตอบกลับไปว่า "งั้นก็ขอบคุณคุณเจตน์มากนะคะ"
สิบนาทีต่อมา ในห้องส่วนตัวชั้นบนของร้านอาหารมังกรทอง
อรวินท์นั่งกับเพื่อนร่วมงานสองคน ตรงข้ามเป็นรดากับเจตน์
อาจเป็นเพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวเจตน์ เพื่อนร่วมงานทั้งสองเลยก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าพูดอะไร นั่งบีบมือตัวเองด้วยความประหม่า
ตั้งแต่เข้ามาในห้อง เจตน์ก็เอาแต่จ้องเธอเขม็ง
โดนจ้องนานๆ เข้า อรวินท์ก็เริ่มหงุดหงิด
เธอยักไหล่ พูดแซวเสียงเรียบ "คุณเจตน์ คู่หมั้นคุณก็นั่งอยู่ด้วยนะ คุณเอาแต่จ้องหน้าฉันแบบนี้มันจะไม่ค่อยดีมั้งคะ?"
เจตน์นั่งไขว่ห้าง สีหน้าเย็นชา "ไม่เจอกันสามปี หน้าด้านขึ้นเยอะนี่!"
อรวินท์ยิ้ม เงยหน้าสบตาตอบอย่างไม่เกรงกลัว "ก็ต้องขอบคุณตบห้าสิบทีกับการคุกเข่าขอโทษที่คุณเจตน์มอบให้เมื่อสามปีก่อนนั่นแหละค่ะ"
พอได้ยินแบบนั้น แววตาของเจตน์ก็วาวโรจน์ขึ้นมาทันที บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกลงจนน่ากลัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการรื้อฟื้นเรื่องเก่าหรือเปล่า รดากัดฟันกรอด ก่อนจะแสร้งทำเป็นไกล่เกลี่ย "อร อุตส่าห์ได้กลับมาทั้งที อย่าพูดเรื่องเก่าๆ เลย เดี๋ยวพี่เจตน์จะไม่พอใจเอานะ"
จากนั้น เธอก็หันไปพูดเสียงหวานกับเจตน์ "พี่เจตน์คะ อย่าพูดเลยค่ะ รดาลืมเรื่องที่อรทำให้รดาแท้งลูกไปหมดแล้วล่ะค่ะ"
