บทที่ 9 ไม่ต้องการความรักของพ่อ
สำหรับคำกำชับของเจตน์ ณัฐนนท์ทำราวกับไม่ได้ยิน เขาหันศีรษะเล็กๆ มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ในหัวน้อยๆ เต็มไปด้วยภาพความอบอุ่นที่ได้อยู่กับแม่และน้องสาว แม่ช่างอ่อนโยน น้องสาวก็น่ารักว่าง่าย เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ คิดว่าถ้าได้อยู่กับแม่และน้องสาวทุกวันก็คงดี
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากณัฐนนท์ เจตน์ก็ปรายตามองเขาอย่างเย็นชาด้วยความหงุดหงิดใจ
ระหว่างทางกลับบ้านเก่า พ่อลูกต่างคนต่างเงียบ บรรยากาศในรถเงียบสงัด หากสังเกตให้ดีจะสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่แทรกซึมอยู่
เมื่อถึงบ้านเก่า ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ณัฐนนท์ก็ก้าวขาสั้นๆ กระโดดลงจากรถ วิ่งตรงเข้าห้องรับแขกโดยไม่สนใจเจตน์แม้แต่น้อย
เจตน์สีหน้าไม่สบอารมณ์ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกระดิกนิ้วเรียกบอดี้การ์ดด้านหลัง "ไปตรวจสอบดูซิ วันนี้ณัฐไปบ้านเพื่อนคนไหนมา?"
บอดี้การ์ดรายงานตามจริง "คุณเจตน์ครับ ผมตรวจสอบแล้ว วันนี้นายน้อยไปบ้านเพื่อนผู้หญิงครับ เด็กคนนั้นชื่อจินตหรา"
เจตน์ถามต่อ "เพื่อนผู้หญิง?"
บอดี้การ์ดพยักหน้า "ครับ เด็กคนนั้นนิสัยร่าเริงสดใส กระตือรือร้นมาก เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของนายน้อยครับ จากที่ผมสืบมา เด็กน้อยคนนี้เคยถ่ายโฆษณาด้วย เป็นดาราเด็กครับ"
เจตน์เงยหน้าขึ้น แววตาลึกล้ำ "เข้าใจแล้ว นายจับตาดูเขาไว้ มีอะไรให้รายงานฉันทันที"
บอดี้การ์ดรับคำอย่างนอบน้อม "ครับผม"
……
ดึกสงัดแล้ว เจ้าซาลาเปาน้อยข้างกายหลับปุ๋ยไปนานแล้ว ผิดกับอรวินท์ที่ไม่มีความง่วงเลยสักนิด
พอนึกถึงใบหน้าขาวผ่องจิ้มลิ้มของณัฐนนท์ ริมฝีปากอิ่มสวยของเธอก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น
นี่คือลูกชายที่เธอเฝ้าคะนึงหามาตลอดสามปีเชียวนะ!
ณัฐนนท์เป็นเด็กดีมีมารยาท มีความสุขุมนุ่มลึกที่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อรวินท์ก็ถอนหายใจ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงผุดขึ้นมาในก้นบึ้งของหัวใจ
ตอนนี้เธอยังไม่มีกำลังพอที่จะต่อกรกับเจตน์ได้ ทำได้เพียงชดเชยความรักที่ขาดหายไปตลอดสามปีให้กับณัฐนนท์
อรวินท์ลุกขึ้นนั่ง หยิบกระดาษและปากกาจากลิ้นชักหัวเตียง นึกย้อนถึงตอนที่ณัฐนนท์ทานข้าววันนี้ แล้วจดบันทึกสิ่งที่เขาชอบ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะทำของอร่อยให้เขาทาน
วันรุ่งขึ้น หลังจากไปส่งจินตหราที่โรงเรียนอนุบาลแล้ว อรวินท์ก็รีบไปบริษัท
เธอทำงานเก่งมาก จึงเคลียร์งานในมือเสร็จตั้งแต่หัววัน
พอเลิกงาน เธอก็ตรงดิ่งไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อวัตถุดิบมากมายตามรายการที่จดไว้เมื่อคืน รวมถึงขนมและของเล่นอีกเพียบ
สองมือของเธอแทบจะถือไม่ไหว กว่าจะหอบหิ้วกลับถึงบ้านได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร
อรวินท์ไม่ได้พักเลย เปลี่ยนชุดลำลองเสร็จก็เริ่มทำอาหาร ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว อาหารจานสุดท้ายก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ
เสียงหัวเราะร่าเริงของเด็กๆ ลอดผ่านช่องประตูเข้ามา อรวินท์ยิ้มออกมา
วินาทีถัดมา ประตูห้องก็เปิดออก
ณัฐนนท์และจินตหราที่สะพายกระเป๋านักเรียนวิ่งพุ่งเข้ามา โถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของอรวินท์พร้อมกัน ส่งเสียงเรียกหวานๆ ว่า "คุณแม่ครับ/คะ! คิดถึงจังเลย"
ข้างหูคือเสียงออดอ้อนอันแสนหวานของเด็กๆ ในอ้อมกอดคือร่างกายนุ่มนิ่มหอมกรุ่น
วินาทีนี้ อรวินท์รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน น้ำตาเอ่อคลอเบ้า
"เด็กดี แม่ทำของอร่อยไว้เยอะแยะเลย ไปล้างมือกันก่อนนะลูก"
จินตหราพยักหน้า กอดคออรวินท์แล้วหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ "ค่า คุณแม่"
หอมเสร็จก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไป
ณัฐนนท์มือน้อยๆ กำชายเสื้อ บิดตัวไปมาด้วยความเขินอายและทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
อรวินท์ดูออกว่าเขาเขิน จึงยิ้มแล้วกอดเขาไว้ จูบที่แก้มเล็กๆ ของเขาเบาๆ "คนเก่ง ไปล้างมือกับน้องนะลูก"
ณัฐนนท์ยิ้มแก้มปริ ดวงตากลมโตเป็นประกาย แล้ววิ่งตามเข้าห้องน้ำไป
บ้านอาจจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็อัดแน่นไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข
ตลอดหนึ่งสัปดาห์นี้ พอเลิกเรียนณัฐนนท์ก็จะกลับมาทานข้าวและเล่นเกมกับจินตหราที่นี่
ณ ที่แห่งนี้ เขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของครอบครัว
แม้ว่าคุณทวดจะดีกับเขามาก แต่มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกัน
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันศุกร์ ทานข้าวเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว ได้เวลาที่ณัฐนนท์ต้องกลับ
จินตหราไม่อยากให้เขาไป ปากเล็กๆ ยื่นออกมา มือน้อยๆ อวบอ้วนจับชายเสื้อเขาไว้แน่น "พี่จ๋า พรุ่งนี้วันหยุด หนูจะไม่ได้เจอพี่ตั้งสองวันแน่ะ"
ใบหน้าขาวผ่องของณัฐนนท์ตึงขึ้น คิ้วขมวดเข้าหากัน
อรวินท์เดินเข้ามาดึงจินตหราออก แล้วปลอบว่า "น้องจินคนเก่ง สองวันเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว รอวันจันทร์ก็ได้เจอพี่เขาแล้วลูก"
จินตหราสะบัดมือแม่หลุด แล้วกลับไปกอดณัฐนนท์ใหม่ "ไม่เอา! หนูอยากอยู่กับพี่ทุกวัน!"
อรวินท์จนปัญญา จำต้องกดเสียงต่ำลง "น้องจิน เชื่อฟังแม่หน่อย"
จินตหรากระพริบตาแดงก่ำ แม้จะยังอาลัยอาวรณ์ แต่ก็จำต้องปล่อยมือ ใบหน้ากลมเหมือนซาลาเปาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
อรวินท์ลูบหัวเธอด้วยความสงสาร มือข้างหนึ่งจูงณัฐนนท์ อีกข้างจูงจินตหรา พาพวกเขาเดินลงไปข้างล่าง
รถของณัฐนนท์จอดอยู่ไม่ไกล อรวินท์กำชับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะปล่อยมือ
จินตหรายืนอยู่ข้างๆ จมูกและตาแดงก่ำ โบกมือน้อยๆ ไม่หยุด
ณัฐนนท์ที่เดินไปถึงรถจู่ๆ ก็หยุดชะงัก หันกลับมามองจินตหราที่โบกมือหยอยๆ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
อรวินท์อุ้มจินตหราขึ้น แล้วโบกมือไล่ณัฐนนท์ "รีบกลับไปเถอะลูก น้องจินไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย"
ณัฐนนท์เม้มปาก ก้าวขาสั้นๆ ขึ้นรถไป
มองดูรถแล่นไกลออกไปเรื่อยๆ จินตหราก็หันหน้าซุกอกอรวินท์ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ
อรวินท์ถอนหายใจอย่างจนใจ ได้แต่อุ้มเธอเดินกลับขึ้นตึกพลางปลอบโยนไปด้วย
คฤหาสน์ตระกูลจำเริญทรัพย์
นายหญิงใหญ่และเจตน์นั่งอยู่ในห้องรับแขก นายหญิงใหญ่กำลังจิบชา ส่วนเจตน์กำลังจัดการงานผ่านแล็ปท็อป
บ้านเก่าเงียบสงบ ทั้งสองต่างคนต่างอยู่ไม่รบกวนกัน
ทันใดนั้น คนรับใช้ก็รีบเข้ามารายงาน "นายหญิงใหญ่ คุณชาย นายน้อยกลับมาแล้วค่ะ"
สิ้นเสียง ณัฐนนท์ก็เดินขาสั้นๆ เข้ามา
เขาเมินเฉยต่อเจตน์โดยสิ้นเชิง ถอดกระเป๋านักเรียนแล้วเดินไปหานายหญิงใหญ่ "คุณทวดครับ พรุ่งนี้วันหยุด ผมอยากชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้านครับ!"
นายหญิงใหญ่มองณัฐนนท์ที่แววตาเป็นประกายอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะเหลนของเธอคนนี้ไม่ค่อยแสดงสีหน้าท่าทางมากขนาดนี้
"ได้สิลูก ช่วงนี้หนูไปทานข้าวเย็นบ้านเพื่อนบ่อยๆ ชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้านบ้างก็สมควรแล้ว เดี๋ยวทวดจะจัดการให้เอง"
ณัฐนนท์พยักหน้าอย่างหนักแน่น "ขอบคุณครับคุณทวด งั้นผมขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ"
เดินขาสั้นๆ ไปได้แค่สองก้าว จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง "หยุดเดี๋ยวนี้!"
ณัฐนนท์จำต้องหยุดเดิน หันกลับมา ใบหน้าขาวผ่องฉายแววรำคาญอย่างปิดไม่มิด
เจตน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า "คุณทวดอายุมากแล้ว อย่าไปรบกวนท่าน เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ฉันไม่ยุ่ง จะพาแกกับเพื่อนไปเที่ยวสวนสัตว์"
ณัฐนนท์ชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนคาดไม่ถึงว่าพ่อผู้บ้างานจะพูดแบบนี้
เขาส่ายหน้าทันที "ไม่เป็นไรครับ"
พูดจบก็วิ่งกลับห้องโดยไม่หันหลังกลับ เขาจะรีบโทรหาน้องสาว เพื่อบอกข่าวดีนี้ให้เธอรู้เป็นคนแรก!
เมื่อถูกณัฐนนท์ปฏิเสธ ใบหน้าของเจตน์ก็มืดครึ้มลงทันที
วรดีที่นั่งอยู่ด้านข้างรู้สึกทั้งขำทั้งระอา "ปกติไม่เคยสนใจลูก วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จนลูกโตป่านนี้เขาก็ไม่ต้องการความรักจากพ่อแล้ว ตอนนี้แกในสายตาลูกก็เหมือนอากาศธาตุนั่นแหละ"
เจตน์ทำหน้าไม่ถูก สีหน้ายิ่งดูแย่ลง "คุณย่าครับ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ รดาเป็นแฟนผมนะ จะเรียกว่ามั่วสุมได้ยังไง!"
วรดีโบกมือ สีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง
ไม่รู้ว่าแม่รดาคนนี้มีเวทมนตร์อะไร ผ่านมาตั้งหลายปี แม้เธอจะคัดค้านเรื่องของพวกเขามาตลอด แต่แม่นั่นก็ยังมีวิธีทำให้เจตน์ไม่ยอมตัดใจจากหล่อนได้!
เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้คนที่น่าสงสารก็คือณัฐนนท์
ช่างเถอะ เธอแก่แล้ว ขี้เกียจจะไปยุ่งเรื่องพรรค์นี้
อีกอย่าง ตอนนี้เจตน์ก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่คอยเดินตามหลังขอขนมกินอีกต่อไป
เขาคือประธานบริษัทจำเริญทรัพย์ เป็นที่เลื่องลือในกรุงเทพฯ เรื่องความเด็ดขาดเฉียบคม
เจตน์มีความคิดเป็นของตัวเอง ย่าอย่างเธอก็ไม่อยากจะก้าวก่ายมากนัก
วรดีถอนหายใจเบาๆ พูดด้วยความหวังดีว่า "ณัฐเป็นลูกแท้ๆ ของแก ย่าแค่อยากจะเตือนแก แกอยากให้ลูกชายต้องเติบโตมาท่ามกลางเล่ห์เหลี่ยมกลโกงเหมือนกันงั้นรึ?"
เจตน์หลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขาไม่ได้รับความสำคัญจากพ่อมาตั้งแต่เด็ก ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแผนการร้ายของแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก วัยเด็กที่โชกเลือดทำให้หัวใจของเขาบีบตัวอย่างรุนแรง
เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นช้าๆ "คุณย่าวางใจเถอะครับ ผมไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด!"
ความเจ็บปวดที่เขาเคยแบกรับ จะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำรอยกับลูกชายของเขาแน่นอน
