บทที่ 4 เกิดชาติไหนก็ไม่เป็นเหวินซืออี้
นางคลื่นไส้ ปวดเกร็งทั่วร่าง ขณะเดียวกันก็มองกลับไปยังพิธีแต่งงานของนาง และได้เห็นว่ามีทหารหน่วยพิเศษปรากฏตัว พวกเขาล้วนมีผ้าพันคอสีม่วงเข้ม
“ฆ่าให้หมด พวกมันล้วนเป็นกบฏ สกุลเหวินขายชาติ และร่วมมือกับต่างแคว้น”
เหวินซืออี้ไม่อาจเข้าใจสิ่งที่ทหารพวกนั้นกล่าวหา แต่ภาพต่อมาคือบ่าวรับใช้ ต่างทยอยล้มตายลง โอ้ ชีวิตเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์
“หยุด... เหตุใดถึงฆ่าผู้คนเช่นนี้”
เป็นตอนนั้นนายทหารผู้หนึ่งและหน่วยของเขา เตรียมก้าวขึ้นไปยังหอสังเกตการณ์ แต่มีคนของเซียวหัวเฟิงที่เหลืออยู่ขัดขวางไม่ให้เข้าถึงตัวของเหวินซืออี้
“หึๆ ๆ ก่อนที่คุณหนูห้าเหวินจะตาย มีบางสิ่งที่องค์หญิงฝากไว้ เป็นของขวัญวันแต่งงานเลือดของท่าน”
คนผู้นั้นเอ่ยจบ ก็ไม่ทันให้นางได้โต้ตอบสิ่งใด กล่องไม้หลายใบถูกยกมา ดวงตากลมโตมองมายังเบื้องล่าง ถึงเป็นระยะไกลหลายจั้ง แต่นางเห็นได้ชัด เมื่อทหารคนนั้น กับลูกน้องเขาเทของในกล่องออก เหวินซืออี้พลันทรุดลงกองไปบนพื้น
กลิ่นคาวคลุ้งลอยตลบ และไม่ใช่แค่เลือดสดๆ ที่ไหลออกมา หากเป็นชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ ที่หล่นกระจัดกระจายตามพื้น
“สาวใช้สองคน และแม่นมของท่าน จำได้หรือไม่ว่าคนพวกนี้หายตัวไปได้อย่างไร นับแต่คุณหนูห้าเดินทางจนมาถึงเมืองไฉ”
เหวินซืออี้สับสน นางคิดว่าสาวใช้สองคนที่ติดตามกันมาหนีไปเพราะกลัวความผิดที่พาหญิงสาวออกจากคฤหาสน์สกุลเหวิน ซึ่งพวกนางเรียกได้ว่าเติบโตด้วยกัน ทั้งเหนียวเอ๋อร์ กับหยุนเอ๋อร์ จงรักภักดีต่อสกุลเหวิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ยอมเจ็บตัวแทนเหวินซืออี้ตลอด ยามนี้ต้องจากไป เพราะนางเป็นต้นเหตุ โถ...สวรรค์เหตุใดถึงได้ใจร้ายนัก
ส่วนแม่บ้านผิง เปรียบได้กับมารดาคนที่สองเหวินซืออี้ ฝ่ายนั้นมาทำงานในช่วงอายุย่างสามสิบปี พอเห็นภาพพวกนางแล้วก็รู้ว่าคงได้รับการทรมานแสนสาหัส ก่อนจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ
ฝ่ายขันทีผู้เป็นหัวหน้าใหญ่หันไปทางร่างบอบบางซึ่งมีผ้าปกปิดใบหน้าเอาไว้ มองเผินๆ เหมือนผู้ชาย หากความจริงเป็นสตรี คนผู้นี้พยักหน้าให้ขันทีเปิดกล่องสำคัญอีกใบ เป็นกล่องใบขนาดย่อมเล็กกว่าเมื่อครู่
เหวินซืออี้ไม่อยากเห็นสิ่งใด ด้วยเกินจะรับเรื่องเลวร้ายได้อีก “คุณหนูห้าเหวิน... อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ท่านเป็นคนเริ่มเรื่องนี้เอง เยี่ยงนั้นสานต่อให้จบๆ ไปเสียเถอะ โทษฐานที่ท่านอยากก้าวขึ้นเป็นฮูหยินแม่ทัพ มันก็ต้องแลกด้วยชีวิตของผู้คนมากมาย”
“พวกเจ้า ทำเรื่องผิดศีลธรรม และยังฆ่าผู้บริสุทธิ์ อย่าคิดว่า จะรอดพ้นไปได้”
เหวินซืออี้กล่าวจบ เสียงหัวเราะแหลมเล็กแสนน่าเกลียดก็ดังขึ้น
“เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา ชาตินี้ก็ถือเสียว่า เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม เป็นหมากเล็กๆ ให้ลูกสาวข้าก้าวเดินเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ในวันข้างหน้า” เสียงดังกล่าวฟังแล้วช่างน่าชิงชัง
หญิงสาวมองคนผู้นั้น แต่นางไม่ล่วงรู้ว่าเป็นใคร หากกลุ่มทหาร และองครักษ์ต่างให้เกียรติยิ่ง
“ในกล่องนี้ ยังมีพี่ชายของคุณหนูห้าด้วย ดูเหมือนว่าเขารักท่านจับใจ ติดตามมาถึงเมืองไฉ และเจียนได้เข้าร่วมงานแต่งแล้วแท้ๆ แต่... ไม่อาจทันได้ส่งน้องสาวเข้าหอ ฮ่าๆ ๆ อ้อ และเขายังร้องหาท่าน ไม่หยุด ทั้งฉี่แตก ถ่ายหนักเรี่ยราดตลอดนอกจากนั้น ยังถูกจับแก้ผ้า เขียนตัวอักษรประจานบนเนื้อตัว และกร้อนผมด้วย!”
คนผู้นั้นเอ่ยจบ ศีรษะเหวินเจิ้งเทา ซึ่งอีกฝ่ายคือพี่ชายที่คนที่สี่ของหญิงสาว ซึ่งสนิทสนมกันมากถูกจับยกขึ้นจากกล่องไม้ เหวินซืออี้กระอักเลือดกองโตออกมาในที่สุด นางไม่อาจทนดูภาพใดๆ ได้อีก
ความเครียด ความคับแค้นใจ ทั้งความผิดหวังอันมากล้นจากคนรัก ทำให้นางกรีดร้องเสียงดัง และน้ำตาไหลอาบน้ำ น้ำตานางในยามนี้มันเป็นสีแดงดั่งเลือด
ขณะเดียวกัน นางรวบรวมแรงของตน แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับกำแพงหิน พาตนลุกขึ้นยืน เนื่องจากหูได้ยินเสียงฝีเท้าม้า เสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา ป้อมสังเกตการณ์นี้ถูกออกแบบอย่างดี มองเห็นภาพในระยะไกล และอยู่ในทิศทางที่ได้ยินเสียงกับการเคลื่อนไหวต่างๆ
“ฮ่าๆ ๆ องค์หญิงหก หลักแหลมเสมอ นั่นไง... คนสกุลเหวินตามมาถึงที่นี่จนได้ หากฝ่ายของข้านับไม่ผิด คงร่วมสองร้อยชีวิตที่มุ่งหน้ามาหาคุณหนูห้าเหวิน
เฮ้อ จากนี้จะมีข่าวออกไปว่า สกุลเหวินก่อกบฏบุกหอสังเกตการณ์ ฆ่าทหาร และชาวบ้านตายจนเกลี้ยง ทั้งยังขัดราชโองการ ด้วยการให้เหวินซืออี้แต่งกับแม่ทัพเซียว เพื่อหวังเป็นกำลังหนุนแก่ตน หากสุดท้ายถูกกองกำลังหน่วยแพรม่วงสังหารหมด”
“หน่วยแพรม่วง.... พะ พวกเจ้าล้วนเป็นขันที”
“ฮ่าๆ ๆ มิผิด ขันที ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลสกุลจือ ตัวข้าคือใต้เท้าพันปีห่าว” ห่าวเจียประกาศตำแหน่งใหม่ของตนด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อคนผู้นี้กล้าเปิดเผยฐานะ นั่นเป็นเพราะมั่นใจว่าในป้อมฯ แห่งนี้จะไม่มีผู้อื่นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรอดชีวิตนั่นเอง
