บทที่ 5
ลอเรลลาหยุดและไปโรงพยาบาล
เธอถือผลตรวจตั้งครรภ์ไว้ในมือ จิตใจของเธอว่างเปล่า
เธออายุแค่ 20 ปี และชีวิตของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นแท้ๆ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือผู้ชายในคืนนั้น ทำไมเธอถึงตั้งท้องลูกของเขาในตอนนี้ด้วย
เธอรู้สึกอับจนหนทาง เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เมรอย แม่ของเธอสังเกตเห็นพฤติกรรมที่แปลกไปของเธอ จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า "ลอเรล เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก"
ลอเรลส่งผลตรวจให้เมรอย หลังจากอ่านคร่าวๆ เมรอยก็ตบขาของเธอทันทีและเริ่มร้องไห้ออกมา “ลูกที่น่าสงสารของฉัน เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเลวๆ ของลูกเอง! โธ่ ลูกฉัน ลูกจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้นะ!”
ลอเรลสวมกอดเมรอย และทั้งสองคนก็ร้องไห้ออกมา
ครึ่งเดือนผ่านไป เธอคิดว่าเธอจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติแล้วหลังจากที่เธอไปทำแท้ง แต่เจ้าหนี้นอกระบบพวกนั้นกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีก
ลอเรลไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเจ้าหนี้นอกระบบพวกนั้นรู้ได้ยังไงว่าเธอท้อง พวกเขามาหาเธอเพื่อพยายามทำตามข้อตกลงที่เธอได้ลงนามไว้ก่อนหน้านี้
เมรอยร้องไห้และอ้อนวอนขอความเมตตาจากเจ้าหนี้พวกนั้นแต่ก็เปล่าประโยชน์ ลอเรลจะต้องคลอดเด็ก ไม่เช่นนั้นครอบครัวของเธอจะต้องชดใช้หนี้เดิมเป็นสองเท่า
พ่อของเธอ ครีเมนต์ เคลลี่ คุกเข่าต่อหน้าลอเรล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยบวมแดง ลอเรลไม่เคยเห็นพ่อของเธอร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต “ลอเรล เป็นความผิดของพ่อเอง! พ่อขอโทษ! พ่อยอมตายดีกว่าให้พวกเขามาทำลายชีวิตลูก!”
ลอเรลรู้สึกด้านชากับสถานการณ์ทั้งหมดมานานแล้ว น้ำตาหยุดไหลและแห้งเหือดอยู่ที่ใต้ตาของเธอ
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการตั้งท้องจากการอุ้มบุญกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอก็แค่ให้กำเนิดลูกของชายนิรนามคนนั้น
“พ่อคะ หนูจะคลอดเด็กคนนี้ค่ะ!”
วันรุ่งขึ้น ลอเรลไปที่โรงเรียนเพื่อยื่นเรื่องหยุดเรียนชั่วคราว
เธอบังเอิญเจอเฟเบียนในขณะที่เธอเดินผ่านห้องสมุด และมองเห็นเงาร่างที่สวยงามอยู่ข้างกายเขา
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เธอปฏิเสธเขา เฟเบียนก็ตอบรับคำสารภาพรักของสาวงามในวิทยาเขต
คลื่นความเจ็บปวดกลับมากวนใจเธออีกครั้ง ลอเรลไม่สามารถเก็บอาการได้เมื่อเห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เธอคิดไว้ เธออยากจะวิ่งหนี แต่มันจะทำให้เธอดูเหมือนกำลังจงใจปกปิดอะไรบางอย่าง
เธอเลือกที่จะจบสิ่งต่าง ๆ อย่างไร้ความปราณี ตอนนี้เธอไม่ควรที่จะหันกลับไปมองอีกแล้ว ไม่ว่าอนาคตจะยากเย็นเพียงใด ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะขัดกับความปรารถนาของเธอหรือไม่ก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น เธอตั้งท้องลูกของคนอื่นแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟเบียนก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกต่อไป
ลอเรลก้มศีรษะลง กำหนังสือเรียนในมือไว้แน่นแล้วเดินไปทางเฟเบียน
ขณะที่พวกเขาเดินสวนทางกัน ลอเรลรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะกระโดดออกจากอก
ลอเรลอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเฟเบียน เขายังคงนิ่งเฉยและมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เขาจับมือสาวงามคนนั้นไว้แน่น แล้วเธอก็เอนศีรษะพิงแขนของเขาด้วยสีหน้าที่เบิกบาน
ตาของเธอแดง เธอหันหน้าหนีทันทีและออกไปจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด
เก้าเดือนผ่านไป
"อ่าาา!" ลอเรลกำลังนอนอยู่บนเตียงคลอดในโรงพยาบาล เหงื่อออกมากเพราะความเจ็บปวด ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือสักนิดในร่างกายของเธอ
“ลอเรล เธอต้องออกแรงมากกว่านี้ หัวของเด็กยังติดอยู่ ถ้าเด็กไม่ออกมาเร็วๆ นี้ เขาจะตายเพราะขาดออกซิเจนได้นะ! ออกแรงให้มากกว่านี้!” หมอยืนอยู่ข้างเธอ เหงื่อออกด้วยความกังวล เธอปาดเหงื่อออกจากคิ้วของลอเรลและให้เธอดื่มน้ำ
โรงพยาบาลผ่าคลอดที่เมรอยเลือกเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่ลอเรลไปตรวจสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์วัยกลางคนที่กำลังผ่าคลอดลูกของลอเรลเป็นญาติห่างๆ ของเมรอย
ทั้งสองครอบครัวไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว และนี่ก็เป็นโอกาสที่เมรอยได้ติดต่อกับลูกพี่ลูกน้องของเธออีกครั้ง
คนเหล่านั้นตรวจสอบประวัติคร่าวๆ เพื่อให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลและหมอไม่มีปัญหาและจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายมาก เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจคือเด็กทารก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงร้องของเด็กทารกก็ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึมภายในห้องคลอด
ผู้หญิงที่สวมแว่นรีบเข้าไปในห้องคลอดและคว้าทารกจากมือของหมอ
ร่างกายของลอเรลรู้สึกอ่อนแออย่างมากจากความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้า เมื่อเห็นฉากที่สะเทือนใจนี้ เธอก็เริ่มร้องโวยวาย “ลูกแม่! ขอฉันดูลูกหน่อย!”
ผู้หญิงคนนั้นขยับแว่นของเธอแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “คุณเคลลี่ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ! จำไว้ซะ ลูกของคุณตายตั้งแต่คลอดแล้ว!”
หลังจากที่เธอเห็นคนเหล่านั้นเดินออกไป หมอก็รีบกลับเข้ามาในห้องผ่าตัด “ลอเรล เธอใจเย็นๆ นะ ลูกคนที่สองของเธอกำลังจะออกมาแล้ว!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เด็กน้อยน่ารักอีกคนก็เข้ามาสู่โลกใบนี้
