บทที่ 8 บ้านอุ่น

“อุ่น” เจมส์กดเสียงขรึมจัด เขาทำงานมานาน รู้ว่าไอ้หมอนั่นเป็นเจ้านายใหญ่ เสียงเล่าลือเรื่องความเด็ดขาดทำให้ไม่กล้าเสี่ยง ดูจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการล้วนระดับบิ๊กๆ

มีคนบอกว่ามันไม่ใช่เจ้าของ แต่คนที่อยู่ในระดับนั้น มีคนก้มหัวให้มากมายบ่งบอกว่ามันมีอิทธิพลพอตัว

อรนลินใจกระตุก หวาดกลัวและขยะแขยงจนไม่กล้าหันไปมองทั้งสองคน เลือกที่จะเดิมแกมวิ่งไปยังรถยนต์สีดำมันปลาบ

ปฏิพัทธ์น่ากลัวก็จริง แต่นาทีนี้เธอขอเลือกหนีให้พ้นจากไอ้สองคนนั้นก่อน

ตาคมปรายมองร่างเล็กที่นั่งกอดกระเป๋าแน่น หลังจากบอกว่าบ้านอยู่ไหน เธอนั่งนิ่งเงียบมาตลอดพร้อมกับคอยมองนอกกระจกด้วยสีหน้าเครียด อาการพวกนั้นทำให้เขากดมุมปากนิดๆ รู้ทันว่า เธอกำลังมองว่าเขาพาเธอออกนอกเส้นทางหรือเปล่า ใจหนึ่งก็อยากจะแกล้งพาไปทางอื่น แต่เห็นหน้าเจื่อนไร้สีเลือดแล้วแกล้งไม่ลง

จวบจนมาถึงจุดหมาย หน้าเครียดๆ นั้นคลายลง เธอหันมายกมือไหว้เขาโดยไม่มองหน้า

“ขอบคุณค่ะ”

ปฏิพัทธ์เลือกนั่งมองนิ่งๆ สาวน้อยมองหาปุ่มปลดล็อกประตู แต่กดหลายครั้งประตูก็ไม่เปิด หน้าขาวซีดถึงได้หันมาหา เขาเลิกคิ้ว

“ฉันเปิดประตูไม่ได้”

“อายุเท่าไหร่” เขาเคาะมือกับพวงมาลัยเบาๆ ขณะมองหน้าเธอนิ่งๆ

ในเงาสลัวที่มีเพียงโคมไฟถนนสาดเข้ามาเล็กน้อยพอมองเห็นว่าคิ้วเป็นเรียวสวยมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย

“ยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ดค่ะ”

“บ้านอยู่ข้างใน” เขาละสายตาไปมองถนนคับแคบที่รถยนต์เข้าลำบาก พอรู้ว่าข้างในนั้นเป็นแฟลตที่พักอาศัยหลายตึกรายรอบด้วยบ้านเรือนหลังเล็ก แออัด สภาพที่หลายคนเรียกว่าสลัม

“ค่ะ”

“อยู่กับใคร”

“พ่อ แม่ แล้วก็น้อง...”

เห็นความอึดอัดค่อยๆ เพิ่มบนหน้าขาวใส เขาเลื่อนมือไปกดปลดล็อกรถ โน้มตัวผ่านมาช่วยเปิดประตูให้ ซึ่งในจังหวะที่ก้มวูบผ่านหน้า เธอผงะ หน้าตาตื่น พอเห็นว่าเขาแค่เปิดประตูให้ก็ยกมือไหว้ อุบอิบขอบคุณอีกครั้งแล้วรีบก้าวลงจากรถ

อะไรไม่รู้ดลใจให้ปฏิพัทธ์ก้าวตามลงไป กดล็อกรถ เหวี่ยงกุญแจเล่น เดินตามหลังร่างเล็ก เธอไม่หันกลับมา ก้าวดุ่มๆ เข้าไปในซอยโดยไม่มองใครไม่มองซ้ายมองขวา ตรงกลางซอยนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นสี่ห้าคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ใครสักคนผิวปากทันทีที่เธอเดินผ่าน แต่เธอไม่ได้หันมอง รีบเดินเร็วกว่าเดิม เขาต่างหากที่ปรายตามองพวกมันอย่างเย็นชา โดยเฉพาะไอ้คนผิวปาก มันชะงัก เขาเดินผ่านหน้าไปแต่ยังได้ยินพวกมันพูดกันเบาๆ

“น้องคนสวยมีผัวมาด้วยว่ะ”

“เซ็งเลย”

ปฏิพัทธ์ไม่สนใจ ตาเขามองคนข้างหน้า ตอนนี้กำลังเดินลัดเลาะไปใต้ร่มผ้าใบและเต็นท์เก่า สองข้างเป็นแผงขายของทำจากไม้และไม้อัด บ่งบอกว่าตรงนี้เป็นตลาดในตอนเช้าหรือตอนเย็น ถัดเข้ามาเป็นบ้านหลังเล็กๆ ติดๆ กัน บ้านเก่าทำจากไม้ บางส่วนบางหลังต่อเติมด้วยไม้อัดราคาถูกและแผ่นป้ายหาเสียงของ สส. พ้นจากจุดนี้คืออาคารห้าชั้นหลังใหญ่ จำนวนหลายตึก เธอเดินเลี้ยวเข้าไปตึกหลังหนึ่ง สภาพดูเก่าทรุดโทรมกว่าหลังอื่น อาคารยกสูงจากพื้นเล็กน้อยมีบันไดขึ้นไม่กี่ขั้นสำหรับชั้นแรก เขาเห็นเธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่งบนชั้นแรก ไฟในห้องปิด เที่ยงคืนกว่าแบบนี้ พ่อแม่น้องของเธอคงนอนหมดแล้ว เห็นเธอเข้าห้องแล้ว เขาเดินเลยไปที่ตึกอีกฝั่ง ตึกนี้ชั้นหนึ่งติดพื้นดินเปิดเป็นร้านขายของ เพราะมีป้ายร้านอาหารตามสั่ง ส่วนที่เขาหมายตาคือร้านชำที่ยังเปิดและมีวัยรุ่นกำลังซื้อเหล้า ผู้ชายทำงานออฟฟิศกำลังซื้อของ

“บุหรี่ซอง”

ได้ของที่ต้องการ ปฏิพัทธ์ดึงบุหรี่ตัวหนึ่งออกมาจุดสูบขณะเดินกลับออกไปหารถ เห็นที่นี่แล้วทำให้คิดถึงอดีต ครั้งหนึ่งครอบครัวเขาก็เคยเช่าแฟลตแบบนี้อยู่กันสี่คน พ่อแม่ ตัวเขาและน้องสาว พ่อทำงานรับจ้างตามโรงงานทั่วไป แม่รับผ้าโหลมาเย็บและเลี้ยงเขากับน้องไปด้วย รายได้ไม่มากมาย ไม่มีเก็บแค่พอมีกินมีใช้ส่งเสียเขากับน้องเรียน พอเขาเรียนปีหนึ่งพ่อก็จากไป ครอบครัวเริ่มลำบากมากขึ้นแม้ว่าเขาจะเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ ค่าใช้จ่ายมีตลอด เขาจึงตัดสินใจทำงานพิเศษไปด้วยเรียนไปด้วย ขณะที่น้องสาวเรียนม.4 พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตัวเขากลับต้องมีเรื่องราวหนักหนาสาหัสตอนเรียนปีสี่ ต้องออกกลางเทอมหนึ่ง แม่เสียใจมากและท่านเสียเมื่อแปดปีก่อน

ร่างสูงเดินเรื่อยเฉื่อย ความคิดล่องลอยก็ชะงัก หูได้ยินเสียงใสคุ้นหูขณะกำลังจะเดินผ่านด้านหลังตึกเก่าหลังนั้น

“เสียงดังมาก เสียดายไม่ได้ไปด้วย”

สาวน้อยที่เพิ่งหายเข้าห้องไปเมื่อครู่ก่อนเปิดประตูเล็กด้านหลังออกมา มือเธอข้างหนึ่งหิ้วถัง อีกมือกำลังถือโทรศัพท์ คุยกับใครสักคน หน้าขาวกระจ่างแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

“คืนนี้เตรียมงานกันไง งานแต่งต่างจังหวัดนี่สนุกดีนะพี่อุ่น พี่ดูสิ มีเพื่อนบ้านมาช่วยกันหั่นผักสับเนื้อเต็มเลย”

เสียงสดใสดังออกมา คาดว่าทั้งสองคุยวิดีโอคอลล์ หลายเสียงทักทายเธอออกมา

“เออ แล้วพี่ทำไมไม่รับโทรศัพท์ อินโทร.ตอนสองทุ่ม พ่อแม่เป็นห่วง พี่อุ่นอยู่บ้านคนเดียว นี่ถึงขั้นโทร.ไปหาป้าอี๊ดเลยนะ พอป้าแกบอกยังไม่เจอพี่ แม่นั่งไม่ติดเลย”

“พี่กลับมาตั้งแต่เลิกงานแล้ว” เสียงใสแผ่วลง ประโยคต่อมาก็เอ่ยกลั้วหัวเราะ “เลิกงานแล้วเหนื่อยๆ เลยนอนหลับ ป้าแกคงไม่เห็นตอนพี่กลับมามั้ง วันๆ แกอยู่ห้องที่ไหน ไปนับเลขอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้”

อา... เขาจับได้ว่ามีเด็กเลี้ยงแกะหนึ่งอัตรา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป